19 เมษายน 2554

เตรียมเป็นวิทยากร (อีกครั้ง)

วันนี้ไปพบอาจารย์ เพื่อเตรียมเป็นวิทยากร (อีกครั้ง)
ครั้งนี้เป็นครู ตชด. เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อการสอนวิทยาศาสตร์
ท่าน ผศ.ชญานิษฐ์ ให้โจทย์ว่า "ขาดแคลน สร้างได้ง่าย ประหยัด ใช้สำหรับเด็ก ป.1 - ป.6"

ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่จะเป็นสื่ออิเล้กทรอนิกส์ เป็นเว็บ หรือ สื่อ vdo สร้างด้วยโปรแกรมง่ายๆ สามารถนำไปใช้งานได้จริง (เคยได้มีโอกาสพบกับคุณครูที่เคยเข้ารับการอบรม เค้าบอกว่า ทุกวันนี้ พี่ก็นำกลับใช้งานนะ ภูมิใจจริงๆ)

เดี๋ยวขอเวลาคิดก่อน ว่าจะทำอย่างไรดี



......................
แบบสำรวจ
http://www.seal2thai.org/etc/feedback/540503a.htm

03 เมษายน 2554

ข้อคิดจาก ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก...

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...

เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...

จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน... .

บ้านของเด็กหนุ่ม...

อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..

เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...

มันห่างไกลความเจริญ....มีแต่เรือแจว...
โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...

ที่อเมริกา.......เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...
ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?

80 บาท...

OK...ไปเลยลุง...
ในขณะที่ลุงแจวเรือ....

หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....

ความก้าวหน้า....ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...
เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?

ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?

ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...

โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ.....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....
แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง....?

ลุงไม่รู้หรอก...

ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %
ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?

ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้...ชีวิตของลุง....หายไปแล้ว...75 %
พอดีช่วงนั้น...

เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม....

นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...

ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?
เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....

ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ....แล้วพ่อหนุ่ม..

02 เมษายน 2554

น้ำผึ้ง...ช่วยสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ‏

ตารางประโยชน์ของน้าผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
โรค ปริมาณและวิธีใช้
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่ เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย

01 เมษายน 2554

อยากให้อ่าน ดีมาก (ความรักของแม่)

อยากให้อ่าน ดีมาก (เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ) :
> เพื่อน ๆ ช่วยอ่านข้อความนี้ดีมาก ชีวิตคน
> มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ
> กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต..
> แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน 5 - 6
> คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร.
> วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ
> แกก็คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป...
> อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง...
> พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก.
> เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้..
> แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง..
>
> เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดข ึ้น...
> ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที...
>
> แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา...
> จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...
> เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น...ระยะแค่นี้
> เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน...
> ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...
> ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... ฝูงลิงที่แยกย้ายกัน
> ออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ... วิ่งแห่กันเข้ามาหา
> ลิงตัวที่ถูกยิง... แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด...
> แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
> สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็กๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... แล้วก็หล่นตุ๊บ...

> ลงมาจากต้นไม้...คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...
> ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว...
> คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี...
> ลิงที่ตกลงมา...เป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง...
> เธอกำลังให้นม ลูก...
>
> ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข...ทันทีที่ถูกยิง..
> ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้.....
>
> แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้..
> เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ...
> รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย...
> เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ...
> มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ...
> พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด...
> ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ๆ..
> แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ
>
> หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว...
> จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้...
> เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน...
> คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...
> ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลย.ตลอดชีวิต..
> และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ......
> เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง...
> ชื่อว่า... ' ลิงทะโมน... '
> เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก
>
> *****************
>
> แม่นะหรือ... คือผู้สร้าง ทุกสิ่ง อันยิ่งใหญ่
> คือผู้รัก ลูกตน กว่าใครใคร คือผู้คอย ห่วงใย ทุกเวลา
>
> คือคนร้อน เมื่อลูกรุ่ม
> กลุ้มเรื่องทุกข์
> คือคนสุข เมื่อลูกนั้น มีหรรษา
> คือคนปลอบ เมื่อลูกเหงา เศร้าอุรา
> คือคนคอย ให้เมตตา ลูกทุกคราว
>
> เป็นสายฝน คอยช่วยให้ ลูกสดชื่น
> เป็นผ้าผืนคอยห่มให้ เพื่อคลายหนาว
> เป็นกระโถน คอยรับทุกข์ ทุกเรื่องราว
> เป็นบันได ไต่ดาว ลูกก้าวไป
> เป็นคุณครู ผู้สอนสั่งทุกอย่างหนอ
> เป็นคุณหมอ คอยรักษา จะหาไหน
> เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ดั่งใจ
> จะหาใครได้เท่าแม่เหมือนไม่มี
> สาธยาย อย่างไร คงไม่หมด
> พระคุณแม่ ยากแทนทด เหมือนปลดหนี้
> สิ่งล้ำค่าใดใด ในปฐพี
> จะเทียมเท่า คุณแม่นี้ ไม่มีเอย.
>
> ----- จบการส่งต่อข้อความ -----
>
> อย่าลืม ก่อนนอนคืนนี้ กอดแม่-พ่อสักครั้งหากท่านยังมีโอกาส.....

31 มีนาคม 2554

อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน‏

อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน‏
1. เหล้าขาวกับลูกพลับ กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้เป็นพิษ



2. หัวไชเท้ากับเห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว กินด้วยกันไม่ได้จะเป็นโรคผิวหนัง

3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้หูหนวก

4. มันฝรั่งกับกล้วยทุกชนิด กินรวมกันไม่ได้จะทำให้หน้าเป็นฝ้า

5. กล้วยกับเผือก กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้ท้องอืด

6. ถั่วลิสงกับฟักทอง กินรวมกันไม่ได้จะทำให้ทำร้ายร่างกายและลำไส้อักเสบ

7. มันเทศกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร

8. มันฝรั่งกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ

9. หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดคอพอก

10. น้ำเต้าหู้ นมสด ห้ามใส่ไข่ เพราะจะทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตับ

11. ผักป๋วยเล้ง ห้ามกินกับเต้าหู้ จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง

12. กล้วย มะละกอ แตงโม ห้ามกินด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน

13. ส้มกับมะนาว ห้ามกินด้วยกันจะทำให้กระเพาะทะลุ

14. เหล้าขาวกับเบียร์ ห้ามกินด้วยกันจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก

15. ปลาทุกชนิดห้ามต้มกับผักกาดดอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง

16. ขิงดอง ห้ามเข้าตู้เย็น กินแล้วจะเป็นโรคมะเร็ง

17. น้ำเต้าหู้ ห้ามใส่น้ำตาลแดง จะทำให้เสียวิตามิน

18. น้ำข้าวห้ามใส่กับนม จะทำให้เสียวิตามิน

19. น้ำผึ้งห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อนจะทำให้เสียวิตามิน

20. เหล้า เบียร์ กับ ทุเรียน ห้ามกินด้วยกัน เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีดแรง ความดันสูง อันตรายถึงชีวิต

21. บวบ ซือกวย ไชเท้า ห้ามกินวันเดียวกัน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ

30 มีนาคม 2554

ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า

ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า



ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า (Lisa)
เคยมั้ยที่มีอาการปวดหัวข้างเดียว ปวดขมับจนลามมาถึงเบ้าตา ปวดได้ปวดดี ปวดเป็นวัน ๆ อย่างนี้อาจเข้าข่ายเป็นไมเกรนเข้าให้แล้วล่ะ
นักร้องชื่อก้องโลกอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ หรือดาราค้างฟ้าอย่าง เอลิซาเบธ เทย์เลย์ รวมทั้งยอดดาราตลก วูปี้ โกลด์เบิร์ก และน้องสาวสุดเลิฟของ ไมเคิล แจ็กสัน- เจเน็ต แจ็กสัน ต่างป่วยเป็นโรคไมเกรนชนิดที่ว่าแทบจะทำงานทำการไม่ได้ ยิ่งเจเน็ตด้วยด้วยแล้วเธอเป็นชนิดรุนแรงมากเลยทีเดียว และยังมีดาราสาวจากเรื่อง “Desperate Housewives” มาร์เซีย ครอส ที่มีอาการไมเกรนมาตั้งแต่อายุ 14 ซึ่งทำให้เธอพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จนรู้วิธีที่จะอยู่กับโรคนี้ได้อย่างมีความสุข นั่นก็คือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนนั่นเอง
นอกจากจะเป็นโรคฮิตของคนดังแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ โดยเฉพาะคนเมืองใหญ่นั้น ต่างสุ่มเสี่ยงกับการเป็นโรคนี้เช่นเดียวกันนะคะ
อะไรเล่า คือโรคไมเกรน

โรคนี้เกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนควบคู่ไปด้วย บางรายมีอาการตาพร่ามัว เห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
เอ…ไมเกรนปวดแบบไหนกันนะ

ก่อนปวดหัว บางรายอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น เห็นแสงเป็นเส้น ๆ ระยิบระยับ หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำมาก่อน
ปวดหัวข้างเดียว อาจจะซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่บางรายก็อาจปวดพร้อมกันทั้งสองข้างและปวดรุนแรงจนทำงานไม่ได้
ปวดตุ๊บ ๆ ยาวนานถึง 20 นาที บางคนทั้งปวดตุ๊บ ๆ ในสมองและปวดแบบดื้อ ๆ สลับกันไปในกรณีที่รุนแรงอาจลามไปเป็นวันหรือสัปดาห์
ปวดหัวอย่างรุนแรงจนอาเจียน บางรายอาจจะอาเจียนก่อนปวดหัวหรือหลังปวดหัวก็ได้ บางรายอาเจียนถึงขนาดทานอะไรไม่ได้เลย
ปัจจัยอะไรกระตุ้นให้เป็นไมเกรนมากขึ้น
ความเครียด
อดนอน
ทำงานมากเกินไปจนขาดการพักผ่อน
ทานอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต เนยแข็ง กล้วยหอม น้ำตาลเทียม ผงชูรส น้ำแอบปเปิ้ล ชา กาแฟ ไวน์แดง ถั่วลิสง กะหล่ำปลีดอง ไส้กรอก
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ขณะมีประจำเดือน หรือทานยาคุมกำเนิด
เสียงดัง หรือที่ที่เย็นจัด ร้อนจัด รวมทั้งที่ที่มีแสงจ้าเกินไป
ป้องกันได้มั้ยเนี่ย
ถ้านาน ๆ ครั้งรู้สึกปวดที อย่างปีละ 2-3 หน ก็ไม่จำเป็นต้องกินยา แต่ถ้าปวดถี่ ๆ อย่างปวดทุกวันหรือเกือบทุกสัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยข้างต้น และหมออาจให้ยาป้องกัน เช่น ยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดในสมองขยายตัว ยาบรรเทาอาการซึมเศร้า ฯลฯ ซึ่งยาเหล่านี้เป็นยาอันตรายต้องอยู่ในความดูแลของหมอเท่านั้น
แม้จะเป็นโรคที่ไม่ อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้รำคาญและบั่นทอนสุขภาพจิตมิใช่เล่น ฉะนั้นทางที่ดีเราควรป้องกันไม่ให้โรคนี้เกิดขึ้น ก่อนจะสายเกินแก้ดีกว่านะคะ
คุณก็มีโอกาสเป็นไมเกรนถ้า…
อ้วนเกินไป
สูบบุหรี่เป็นประจำ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดบุหรี่
นอนไม่พอ อย่างต่ำต้องวันละ 7-8 ชั่วโมง
ไม่มีเวลาออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที
ไม่เคยทานอาหารตรงตามเวลา
ไม่เคยตรวจความดัน ระดับคอเลสเตอรอล และมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีความดันและระดับคอเลสเตอรอลสูง
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และดื่มชาหรือกาแฟเป็นประจำ
ดื่มน้ำน้อย เพราะคนดื่มน้ำมากจะป้องกันอาการปวดหัวได้
อาหารช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
แมกนีเซียม เช่น ถั่วต่าง ๆ ผักใบเขียว ธัญพืช และอะโวคาโด
แคลเซียม เช่น นม งาดำ ปลาเล็กปลาน้อย
ดื่มน้ำสมุนไพร เช่น เก๊กฮวย ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าการดื่มสารสกัดจากใบเก๊กฮวยแห้ง 125 มิลลิกรัม/วัน ช่วยป้องกันไมเกรนได้ แต่ถ้าแพ้ละอองเกสรควรหลีกเลี่ยง
อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ ผักใบเขียว เพราะอาการปวดหัวเป็นอาการอย่างหนึ่งของการขาดธาตุเหล็ก
วิตามินบีและกรดโฟลิก ซึ่งมีมากในผักสีเขียว
น้ำมันปลา ซึ่งมีกรดโอเมก้า -3 ช่วยลดความรุนแรงของอาการได้
Co Enzyme Q10 มีงานวิจัยจาก Cleveland Headache Center ระบุว่าถ้าทาน Co Enzyme Q10 เสริมวันละ 150 มิลลิกรัม จะช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้
ข้อแนะนำจาก นพ.สุรัตน์ บุญญะการกุล แผนกอายุรกรรมประสาท ศูนย์สมองและไขสันหลัง ร.พ.พญาไท 1
“ไมเกรนเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติละเอียด และตรวจร่างกายทางระบบประสาท โดยไม่จำเป็นต้องมีการเจาะเลือด เอ็กซเรย์ หรือตรวจด้วยคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด สำหรับผู้ป่วยที่ปวดหัวจากไมเกรน การทานยาพาราเซตตามอลได้ผลในรายที่ปวดหัวไม่มาก ที่ได้ผลดีคือยากลุ่มป้องกันหลอดเลือดหดตัว สำหรับผู้ป่วยไมเกรนที่ปวดหัวบ่อยเกือบทุกสัปดาห์ แพทย์จะสั่งยาป้องกันสำหรับรับประทานทุกวัน”

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ

29 มีนาคม 2554

นั่งหน้าคอมพ์นานๆ ปวดต้นคอ-สายตาล้า คุณอาจเป็นโรค“ออฟฟิศซินโดรม”

นั่งหน้าคอมพ์นานๆ ปวดต้นคอ-สายตาล้า คุณอาจเป็นโรค“ออฟฟิศซินโดรม”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

By Lady Manager

หลายคนคงคุ้นหูกันบ้างแล้วกับ ออฟฟิศ ซินโดรม (Office Syndrome) หรือโรคที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ที่สาวออฟฟิศหลายคนฟังแล้วเริ่มหวั่นใจว่า ตัวเองมีภาวะเสี่ยงแค่ไหน ..ก็แหม แค่ชื่อโรคที่มีคำว่า “ ออฟฟิศ” เข้าไปเกี่ยวซะแล้ว จะให้ไม่หวั่นใจได้ยังไง!?




ในเมื่อเจ้าโรคชื่อแปลก ทำให้สาวๆ หวั่นใจได้ขนาดนี้ เราจึงติดต่อไปยัง นายแพทย์จตุพร โชติกวณิชย์ แห่งภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปีดิคส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เพื่อให้ข้อมูลชัดๆ ว่า ออฟฟิศ ซินโดรมคือโรคที่มีลักษณะอาการอย่างไร สาวเวิร์คกิ้งวูเมน (working women) อย่างเราๆ มีความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะเป็น ไปจนถึงจะมีวิธีการป้องกันไม่ให้โรคนี้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตเรา

“ออฟฟิศ ซินโดรม คือกลุ่มอาการของโรค ที่เกิดจากการทำงานหนัก ทั้งอาการปวดหลัง, ปวดไหล่, ปวดมือ, ล้าสายตา, ปวดหัว ฯลฯ กล่าวคือ ภาวะการเจ็บป่วยที่เกิดจากการทำงานหนัก หรือที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Over Use หมายถึง ทำงานมาก..ไม่สมดุลในชีวิต จะถูกเรียกว่า กลุ่มอาการของออฟฟิศ ซินโดรม ทั้งหมด”

อาจารย์หมอจตุพรอธิบายยาวว่า กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม พบมากในคนอายุ 25-40 ขึ้นไป โดยเป็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบว่าส่วนใหญ่เกิดจากการนั่งใช้คอมพิวเตอร์ทำงานนานๆ แล้วไม่ได้ขยับตัว หรือยืดเส้น ยืดสาย เพื่อบริหารร่างกาย สำหรับอาการออฟฟิศ ซินโดรม ที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยทำงานบ้านเรา คือ กลุ่มอาการต่อไปนี้

ปวดหัวไหล่-ปวดหลัง เกิดจากการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้รู้สึกปวดเมื่อยบริเวณสะบักหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง เหมือนมีคนเอามือมากดแรงๆ ที่หัวไหล่ลามไปจนถึงปวดหลัง เนื่องจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเกิดอาการล้าจากการใช้งานหนัก

วิธีป้องกัน ควรเลือกเก้าอี้ที่ปรับขึ้นลงได้ และควรมีพนักพิงที่สามารถรองรับศีรษะได้ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเกร็งเวลานั่งทำงาน และปรับเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1-2 ชม. ไม่นั่งติดต่อในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ หรือทุก 2 – 3 ชั่วโมง ควรลุกขึ้นยืดเส้น เปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบ้าง





ปวดตา-ปวดศีรษะ เกิดจากการที่ต้องจ้องที่จอคอมพิวเตอร์เป็นระยะเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาเกร็งจนเกิดอาการล้า ตาแห้ง น้ำตาไหลระคายเคืองตา ตามัว ปวดตา และอาจลุกลามไปถึงการปวดศีรษะ ส่วนในรายที่เป็นโรคไมเกรน (Migraine Headache) หรือโรคปวดศีรษะข้างเดียวอยู่แล้ว อาการปวดก็จะหนักขึ้น

วิธีป้องกัน ควรพักสายตาเป็นระยะ ทุก 20 นาที, หลับตาสักครู่ทุก 1 ชั่วโมง หรือลุกเดินไปทำกิจกรรมอื่นเพื่อพักสายตา รวมถึงควรวางจอภาพคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าระดับสายตา 15 องศาเพื่อช่วยลดอาการปวดตาและปวดคอ ส่วนความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรปรับความสว่างให้พอเหมาะ ไม่สว่างจ้าจนเกินไป (ตามทฤษฎีบอกไว้ว่า แสงสว่างของจอคอมพิวเตอร์ มากกว่าความสว่างของสภาพแวดล้อมในห้องสามเท่า) และควรปรับสีของจอให้สบายตา โดยจากผลการวิจัยพบว่าตัวอักษรสีเข้มบนพื้นจอสีอ่อนจะทำให้อ่านได้อย่างสบาย ตา

ปวดข้อมือ เกิดจากภาวะผังผืด ทับเส้นประสาท จะมีอาการจะมีอาการปวดมือ และร้าวขึ้นไปที่แขน รวมทั้งมักมีอาการชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะในเวลานอนหรือเวลาตื่นนอนตอนเช้า หากบางรายมีการการหนักมือจะเริ่มอ่อนแรง ไม่มีแรงกำมือ สาเหตุเกิดจากการใช้งาน และวางตำแหน่งของข้อมือ ในท่าเดียวกันนานๆ โดยเฉพาะเมื่อข้อมืออยู่ในตำแหน่งที่กระดกขึ้น หรือ ‘งอ’ ลงมากๆ เป็นเวลานาน เช่น การพิมพ์ คีย์บอร์ด (key board) คอมพิวเตอร์





วิธีป้องกัน ควรเลือกโต๊ะทำงานให้มีระดับพอดีกับข้อศอก เพื่อที่จะสามารถพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดได้อย่างถนัด รวมถึงที่แป้นคีย์บอร์ด ควรมีที่รองรับข้อมือไม่ให้ข้อมือกระดกบ่อยๆ และควรจัดสภาพโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อความสะดวกในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ โดยไม่เมื่อย

“สำหรับคนที่ป้องกันไม่ทัน และเกิดภาวะโรคนี้ขึ้นมาแล้ว วิธีการรักษารักษาระยะสั้นจะเป็นไปตามอาการคือ หากปวดเมื่อยก็ให้ยาบรรเทาอาการปวด เช่น ยาแก้ปวด ยาคลายเส้น ยาแก้อักเสบ แพทย์ทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด แต่การรักษาแบบนี้ก็เป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น โรคนี้จะไม่หายขาดตราบใดที่เรายังใช้งานร่างกายอย่างหนัก”

อาจารย์หมอหน้าละอ่อนกล่าวว่า วิธีที่จะช่วยรักษาได้ระยะยาว

“คือ การเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อดูแลสุขภาพให้แข็งแรง จัดองค์ประกอบโต๊ะ- เก้าอี้ และนั่งในท่าที่เหมาะสม” ดังที่แนะนำไว้ข้างต้น พร้อมกันนี้อาจารย์หมอใจดี กำชับว่า

“สิ่งสำคัญของการป้องกันโรคออฟฟิศ ซินโดรม อีกอย่างคือ การเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง ให้เป็นคนไม่เครียด และมองโลกในแง่ดีเสมอ เพราะแม้จะยังไม่มีผลงานวิจัยรายงานที่แน่นอน แต่จากการทำงานรักษาผู้ป่วยโรคออฟฟิศซินโดรม มากว่า 20 ปี พบว่าคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ค่อนข้างเครียด มองโลกในแง่ร้าย หรือมีปัญหาที่ทำงาน ปัญหาทางบ้าน แทบทั้งสิ้น ซึ่งความเครียดไม่ได้ส่งผลแค่กับโรคนี้เท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งโรคร้ายอีกหลายโรค”

เตือน! อิริยาบถที่เสี่ยงเกิดโรคในกลุ่มออฟฟิศ ซินโดรม

* นั่งไขว้ห้าง เป็นระยะเวลานานๆ
* นั่งกอดอกนานๆ เพราะจะทำให้ปวดที่หัวไหล่ได้
* การนั่งหลังค่อม
* นั่งเก้าอี้ไม่เต็มก้น หรือนั่งครึ่งก้น เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง ไม่สมดุล
* การยืนโดยทิ้งน้ำหนักไปที่เท้าข้างใดข้างหนึ่งเพียงข้างเดียว
* การใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
* การสะพายกระเป๋าหนัก หรือหิ้วของหนักบ่อยๆ
* นอนตัวเอียง นั่นคือ นอนขดนานๆ

28 มีนาคม 2554

คนแรกที่รักคุณ

เเด่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ชื่อว่าแม่
เมื่อคุณเกิดมาในโลกนี้ แม่อุ้มคุณไว้ในอ้อมอก คุณขอบคุณแม่ด้วยการเปล่งเสียงร้องไห้
เมื่อคุณอายุ 1 ขวบ แม่ป้อนข้าวและอาบน้ำให้คุณ คุณขอบคุณแม่โดยการร้องไห้งอแง
เมื่อคุณอายุ 2 ขวบ แม่สอนให้คุณหัดเดิน คุณขอบคุณแม่ด้วยการวิ่งหนีทุกครั้งที่แม่เรียกหา
เมื่อคุณอายุ 3 ขวบ แม่ทำอาหารทุกอย่างให้คุณด้วยความรัก คุณขอบคุณแม่ด้วยการโยนจานลงบนพื้น
เมื่อคุณอายุ 4 ขวบ แม่ให้ดินสอสีแก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการระบายสีเลอะเต็มบ้าน
เมื่อคุณอายุ 5 ขวบ แม่แต่งชุดสวยๆ(หรือหล่อๆ)ให้คุณไปเที่ยว คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำชุดเลอะโคลน
เมื่อคุณอายุ 6 ขวบ แม่ไปส่งคุณที่รร. คุณขอบคุณแม่ด้วยการร้องไห้ตะโกนว่า ' ไม่ไป... ไม่ไป... ไม่ไป... ''
เมื่อคุณอายุ 7 ขวบ แม่ซื้อไอศกรีมให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำมันหกเลอะเทอะไปทั่ว
เมื่อคุณอายุ 8 ขวบ แม่ซื้อลูกบอลให้คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการทำกระจกเพื่อนบ้านแตก
เมื่อคุณอายุ 9 ขวบ แม่สอนให้คุณเล่นเปียโน คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เคยแม้แต่จะซ้อม
เมื่อคุณอายุ 10 ขวบ แม่พาคุณไปเรียนพิเศษและพาไปงานวันเกิดเพื่อน คุณขอบคุณแม่ด้วยการกระโดดลงจากรถโดยไม่คิดที่จะหันกลับมามอง
เมื่อคุณอายุ 11 ขวบ แม่พาคุณกับเพื่อนไปดูหนัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการขอที่นั่งคนละแถว(หรือขอให้แม่ไม่ต้องดู)
เมื่อคุณอายุ 12 ขวบ แม่เตือนคุณว่าอย่าดูทีวี คุณขอบคุณแม่ด้วยการรอให้แม่ไปข้างนอกแล้วดูต่อ
เมื่อคุณอายุ 13 ปี แม่บอกให้คุณตัดผม คุณขอบคุณแม่ด้วยการด่าแม่ว่า ' แม่นี่...ไม่มีรสนิยมเลย ไม่ต้องกะหนู(ผม)หรอก '
เมื่อคุณอายุ 14 ปี แม่จ่ายเงินซัมเมอร์แคมป์ที่แพงแสนแพงเพื่อให้คุณได้เรียนสิ่งที่ดีๆ คุณขอบคุณแม่ด้วยการไม่เขียนจดหมายหาแม่ซักกะฉบับ

เมื่อคุณอายุ 15 ปี แม่กลับบ้านหลักงานเลิกอยากกอดคุณสักกอด คุณขอบคุณแม่ด้วยการขังตัวเองอยู่ในห้อง
เมื่อคุณอายุ 16 ปี แม่สอนคุณขับรถ คุณขอบคุณแม่ด้วยการขับรถหนีแม่ไป??ที่ยว
เมื่อคุณอายุ 17 ปี แม่จ่ายค่าเรียนกวดวิชา คุณขอบคุณแม่ด้วยการให้แม่ส่งข้างนอกเพื่อจะได้ไม่อายเพื่อน
เมื่อคุณอายุ 18 ปี แม่ร้องไห้ในวันที่คุณจบชั้นมัธยม คุณขอบคุณแม่ด้วยการฉลองยันเช้า
เมื่อคุณอายุ 19 ปี แม่รอโทรศัพท์สายสำคัญ คุณขอบคุณแม่ ด้วยการใช้สายตลอดคืนนั้น
เมื่อคุณอายุ 20 ปี แม่ถามว่าคุณมีแฟนรึยัง คุณขอบคุณแม่ด้วยการตอบว่า ' แม่อย่ามายุ่งกะหนู(ผม)เลย '
เมื่อคุณอายุ 21 ปี แม่แนะนำอาชีพของแม่ให้คุณทำในอนาคตของคุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนู(ผม)ไม่อยากเป็นอย่างแม่ '
เมื่อคุณอายุ 22 ปี แม่อยากกอดคุณในวันรับปริญญา คุณขอบคุณแม่ด้วยการกอดกับเพศตรงข้ามกับคุณ
เมื่อคุณอายุ 23 ปี แม่ซื้ออพาร์ตเม้นท์และเฟอร์นิเจอร์ให้แก่คุณ คุณขอบคุณแม่ด้วยการว่ากับเพื่อนๆลับหลังว่า ' มันช่างเชยและน่าเกลียดเสียนี่กระไร '
เมื่อคุณอายุ 24 ปี แม่บอกให้คุณพาแฟนของคุณมาหาแม่ เมื่อคุณพามา แม่ถามพวกคุณว่าอนาคตวางแผนไว้ว่าอย่างไร คุณขอบคุณแม่ด้วยการจ้องเขม็งและพูดว่า ' แม่จะมายุ่งอะไรกะหนูอีกเนี่ย '
เมื่อคุณอายุ 25 ปี ( สำหรับผู้ชาย)แม่ช่วยออกค่าสินสอดให้กับคุณ และบอกกับคุณว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' อายคนอื่นเขาน่า แม่ '
( สำหรับผู้หญิง)แม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายในงานแต่งงานให้คุณ และบอกว่าแม่รักคุณมากขนาดไหน คุณขอบคุณแม่ด้วยการพูดว่า ' หนูอยากไปอยู่ต่างประเทศเพื่อจะได้สวีทกับแฟนโดนไม่มีแม่ '
เมื่อคุณอายุ 30 ปี แม่โทรมาหาและแนะนำวิธีเลี้ยงเด็ก คุณขอบคุณแม่โดยการบอกว่า ' สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะค่ะแม่ '
เมื่อคุณอายุ 40 ปี แม่โทรมาชวนคุณไปงานวันเกิดญาติ คุณขอบคุณแม่และญาติว่า ' ตอนนี้ไม่ว่างเลย '
เมื่อคุณอายุ 50 ปี แม่ชราและไม่สบาย อยากให้คุณดูแล คุณขอบคุณแม่ด้วยการบอกว่า ' มันเป็นภาระนะแม่ หนูมีงานอีกเยอะแยะ '
และแล้ววันหนึ่ง แม่จากคุณไปอย่างสงบ และทุกอย่างที่คุณไม่เคยทำมาก่อน จะเหมือนฟ้าผ่าในใจคุณ
โปรดใช้เวลาสักนิด แสดงออกถึงความลึกซึ้งแด่ ' แม่ '
ไม่มีอะไรมาแทนแม่ได้ แม้ว่าบางคราวแม่จะไม่ใช่คนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือเห็นด้วยกับคุณ แต่ก็คือ ' แม่ ' ของคุณ และเชื่อได้ว่าจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ รับฟังคุณ ความกังวลของคุณ
ลองถามตัวเองดู คุณมีเวลาที่จะฟังความเศร้า ความกังวลใจไม่ว่าจากการงาน จากงานบ้าน หรือจากงานในครัวของแม่ไหม คุณเคยนึกถึงความทุกข์ของแม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณและทุกคนไหม
รักแม่ให้มาก แม้ว่าจะคิดเห็นแตกต่างการ เพราะเมื่อแม่จากไป จะเหลือเพียงความเสียใจและความทรงจำเท่านั้น

อย่าเพิกเฉยกับคนที่ใกล้หัวใจคุณที่สุด รัก ' แม่ ' ให้มากกว่ารักตัวเอง แสดงให้แม่รู้ว่าคุณก็ ' รัก ' ก่อนที่จะทำได้เพียงบอกรักกับ ' รูป ' ของแม่เท่านั้น
..................

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ

27 มีนาคม 2554

อาการของเส้นเลือดอุดตันในสมอง

B lood Clots/Stroke - They Now Have a Fourth Indicator, the Tongue
อาการบ่งชี้ตัวที่ 4 ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง


I will continue to forward this every time it comes around!
ไม่ว่าจะได้รับเมล์นี้อีกกี่ครั้ง ฉันก็จะส่งต่อไป

STROKE: Remember the 1st Three Letters.... S.T.R.
เส้นเลือดอุดตันในสมอง (Stroke) ให้จำไว้ว่า อักษร 3 ตัวแรกคือ S.T.R

My nurse friend sent this and encouraged me to post it and spread the word. I agree.
เพื่อนพยาบาลส่งเมล์นี้มาให้ และสนับสนุนให้ฉันส่งต่อไปอีกเรื่อยๆให้ทั่วโลกเลยยิ่งดี ฉันก็เห็นด้วย

If everyone can remember something this simple, we could save some folks. Seriously..
ถ้าเราสามารถจำสิ่งง่ายๆเหล่านี้ได้ เราจะช่วยชีวิตคนบางคนได้..อันนี้เรื่องจริง

Please read:
STROKE IDENTIFICATION:
อาการบ่งชี้ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง

During a BBQ, a friend stumbled and took a little fall - she assured everyone that she was fine (they offered to call paramedics)

she said she had just tripped over a brick because of her new shoes.
ระหว่างงานเลี้ยงบาร์บีคิว เพื่อนคนหนึ่งสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น แต่เธอบอกกับทุกคนว่าเธอไม่เป็นไร (เพื่อนๆถามว่าจะให้เรียกแพทย์เคลื่อนที่มั้ย) เธอบอกว่าเธอแค่สะดุดก้อนหินเพราะยังไม่ชินที่ใส่รองเท้าคู่ใหม่มา

They got her cleaned up and got her a new plate of food. While she appeared a bit shaken up, Ingrid went about enjoying
herself the rest of the evening
ทุกคนช่วยกันปัดเศษสกปรกออกไปจากตัวเธอและไปตักอาหารมาให้ใหม่ ตัว Ingrid เองหลังจากนั้นรู้สึกว่าจะมีอาการสั่นเล็กน้อย แต่ก็สนุกสนานดีตลอดเย็นวันนั้น

Ingrid's husband called later telling everyone that his wife had been taken to the hospital - (at 6:00 pm Ingrid passed away.) She had suffered a stroke at the BBQ. Had they known how to identify the signs of a stroke, perhaps Ingrid would be with us today. Some don't die. they end up in a helpless, hopeless condition instead.
หลังจากนั้น สามีของ Ingrid โทรหาเพื่อนๆทุกคนว่า ภรรยาเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล (และเสียชีวิตในเวลา 6 นาฬิกา) เธอมีอาการของเส้นเลืดอุดตันในสมองตั้งแต่ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงบาร์บีคิวแล้ว ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอมีอาการนี้เสียตั้งแต่แรก บางที Ingrid อาจจะยังอยู่กับพวกเราในวันนี้ก็ได้ บางคนก็ไม่เสียชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างคนสิ้นหวังและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

It only takes a minute to read this...
ใช้เวลาอ่านบทความนี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

A neurologist says that if he can get to a stroke victim within 3 hours he can totally reverse the effects of a stroke... totally . He said the trick was getting a stroke recognized, diagnosed, and then getting the patient medically cared for within 3 hours, which is tough.
แพทย์ด้านประสาทวิทยากล่าววา ถ้าแพทย์สามารถไปถึงตัวผู้ป่วยเส้นเลือดสมองอุดตันได้ภายใน 3 ชั่วโมง แพทย์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แน่นอน ที่สำคัญก็คือต้องทราบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคนี้ วินิจฉัยได้ได้ จากนั้นก็ให้การรักษาภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องจริงนั้นเป็นไปได้ยากอยู่

RECOGNIZING A STROKE
ต้องรู้ก่อนว่ามันคือเส้นเลือดสมองอุดตัน

Thank God for the sense to remember the '3' steps, STR . Read and Learn!
ขอบคุณพระเจ้าที่หาวิธีจำง่ายๆมาให้ STR

Sometimes symptoms of a stroke are difficult to identify. Unfortunately, the lack of awareness spells disaster.
The stroke victim may suffer severe brain damage when people nearby fail to recognize the symptoms of a stroke.
บางครั้งอาการของโรคเส้นเลือดสมองอุดตันก็เป็นการยากที่จะรู้กันได้ แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ การไม่รู้อาจหมายถึงหายนะได้ สมองผู้ป่วยอาจจะโดนทำลายอย่างรุนแรง แต่คนรอบข้างไม่ได้รู้เลยว่านี่คืออาการของเส้นเลือดสมองอุดตัน

Now doctors say a bystander can recognize a stroke by asking three simple questions:
หมอบอกว่า คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็สามารถรู้อาการได้ โดยคำถาม 3 ข้อ ดังนี้

S *Ask the individual to SMILE.
S คือบอกให้ผู้ป่วย ยิ้ม

T *Ask the person to TALK and SPEAK A SIMPLE SENTENCE (Coherently)
(i.e.. It is sunny out today.)
T คือบอกให้ผู้ป่วยพูด โดยอาจจะเป็นประโยคง่ายๆ เช่น วันนี้อากาศดีนะ

R *Ask him or her to RAISE BOTH ARMS.
R คือบอกให้ผู้ป่วยยกแขนทั้งสองข้างขึ้น

If he or she has trouble with ANY ONE of these tasks, call emergency number immediately and describe the symptoms to the dispatcher.
ถ้าผู้ป่วยมีความลำบากในการทำข้อใดข้อหนึง ให้โทร.หาเบอร์ฉุกเฉินทันทีและแจ้งไปว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร

New Sign of a Stroke -------- Stick out Your Tongue
สัญญาณใหม่ของเส้นเลือดสมองอุดตัน -- แลบลิ้นออกมาดู
NOTE: Another 'sign' of a stroke is this: Ask the person to 'stick' out his tongue.. If the tongue is 'crooked', if it goes to one side or the other, that is also an indication of a stroke.
หมายเหตุ : สัญญาณอีกประการหนึ่งก็คือ ลองให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา หากลิ้นมีลักษณะม้วนงอ ตกไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือข้อบ่งชี้ว่ามีอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน


หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ

26 มีนาคม 2554

รับพระราชทานปริญญาบัตร ครุศาสตรมหาบัณฑิต

วันนี้เป็นวันสำคัญ
เป็นวันที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม



ดีใจ ภูมิใจมาก ที่มีวันนี้ จนได้

24 มีนาคม 2554

พิธีซ้อมใหญ่ การรับพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

วันนี้ ได้เข้าร่วมกิจกรรมพิธีซ้อมใหญ่ การรับพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
ซึ่งกว่าจะได้เป็นมหาบัณฑิตก็เกือบตาย ใช้คำว่า "เกือบตาย" ได้จริงๆ เอากระดาษที่ทำวิทยานิพนธ์ส่งแล้วแก้ อาจจะมาจากต้นไม้หลายต้นเลยทีเดียว

วันนี้กะว่าไปถ่ายรูปเฉยๆ เพราะครอบครัวยังเดินทางมาไม่ถึง แต่ปรากฎว่า พี่ใหญ่ กับพี่เล็ก เจ้าของหอพักที่พักอยู่มาเกือบ 9 ปี เค้าตามหา และมอบช่อดอกไม้กับของขวัญให้

จากนั้นก็ไปร่วมถ่ายภาพกับป้าๆ พี่ๆ น้าๆ สนุกสนานไป



จนกระทั้งมีการเรียกบัณฑิตเข้าหอประชุมแล้วมีพิธีมุฑิตาจิต พร้อมมอบครุยกิตติมศักดิ์ และโล่ห์ศิษย์เก่าดีเด่น

จากนั้น ท่านนายกสภามหาวิทยาลัย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านอธิการบดีฯ ขึ้นมากล่าวปัจฉิมนิเทศ แล้วก็มีการประกาศเรียกชื่อตัวแทนบัณฑิตขึ้นไปกล่าวอำลา และความรู้สึกที่มีต่อมหาวิทยาลัย "นายพิริยะ ตระกูลสว่าง" โอยย มือเย็น ขาสั่น แต่เอาวะ เราก็ศิษย์มีครู แต่พอขึ้นไปอยู่ต่อหน้าครู เรียบร้อยเลย... ลืมไปหมด ไอ้ที่เตรียมมา ลืมหมด เล่นสดๆไปเลย

แถมยังมีการถ่ายทอดสดผ่านระบบ iptv ของมหาวิทยาลัยอีก (http://www.psru.ac.th/Degree_Live/index.html) พอลงมาก็มีหลายคนบอกว่าดี บางคนอาจจะบอกว่า แค่นี้ใครก็พูดได้ เอาเถอะ ถ้าไม่ได้ยืนบนนั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่า... ตื่นเต้นมากๆๆๆๆๆ

23 มีนาคม 2554

วิทยากร "ค่าย ICT รักถิ่นเกิด เถิดถิ่นไทย" รุ่น 2

วันนี้หลังจากที่ซ้อมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว
ก็รีบขี่รถไปเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ เพื่อเป็นวิทยากร "ค่าย ICT รักถิ่นเกิด เถิดถิ่นไทย" รุ่น 2

เด็กหลายคนอาจจะยังไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมเท่าไร
แต่ก็มีทีมสนับสนุนซึ่งก็เป็นน้องๆนักเรียน ต.อ. นั้นแหละ



วันนี้เหนื่อยมาก ไปถึงยังไมได้ทำงานเลย ถึงเวลากินซะแล้ว

ได้บรรยายนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะเล่นซะมากกว่า และได้เล่าตำนาน "ยายผมขาว" ด้วย (พูดแล้วขนลุก 55+)

ซ้อมวันที่ 2

วันนี้ต้องไปซ้อมอีกวัน
แต่ไปซ้อมรับที่หอประชุมศรีวชิรโชติ รวมกับน้องๆพี่ๆสาขาอื่นๆ
นั่งนานเลยวันนี้ เหมือนจะท้องอืดเลย

เมื่อวานซ้อมแบบเร็ว วันนี้ไปแบบช้าๆ สบายๆ เลยจังหวะผิดนิดหน่อย อิอิ

22 มีนาคม 2554

ซ้อมวันแรก

วันนี้มีการซ้อมพิธีการพระราชการปริญญาบัตรวันแรก
เป็นห้อมซ้อมย่อย ชั้น 8 ห้อง ฉ803 (พี่ถวัลย์บอกว่า เรียนสูงต้องซ้อมสูงๆ) ที่สำคัญ ตอนขึ้นเดินขึ้นไป ผมเองก็เหงื่อแตก แต่พี่ถวัลย์หนักหน่อย เดินได้ช้า (เพราะมัวแต่เล็งสาวๆ)

ซ้อมวันแรก จังหวะยังไม่ได้ สุดท้าย ท่านอธิการมาซ้อมด้วยตนเองแล้วไล่กลับบ้านก่อน เลยไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร

21 มีนาคม 2554

วิทยากร "ค่าย ICT รักถิ่นเกิด เถิดถิ่นไทย" รุ่น 1

วันนี้ช่วงสายหลังจากถ่ายรูปมหาบัณฑิตเสร็จแล้ว
ก็รีบไปเป็นวิทยากร "ค่าย ICT รักถิ่นเกิด เถิดถิ่นไทย" รุ่น 1 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ
เมื่อถึงเวลา ก็อาศัยช่วงน้องๆนักเรียนง่วงนอน สอนเรื่องการอัพโหลดไฟล์ vdo ขึ้นบนเว็บไซต์ที่ทั่วโลกรู้จัก "youtube"


ตอนเย็น ได้ช่วยพี่เอ็ดอีกนิดนึง แล้วรีบมาร่วมงานที่โรงแรมอมรินท์นคร
เหนื่อยจริงๆๆ

บัณฑิตศึกษา ความยากเย็นที่แสนภูมิใจ

วันนี้ได้ไปถ่ายรูปกับมหาบัณฑิตที่จบรุ่นเดียวกัน และจบก่อนหน้า แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กว่าจะจบลำบากลำบน
แก้งานแล้ว แก้งานอีก ไม่มีที่จะบอกว่า เรียนง่าย เรียนสบาย

ผลของการแก้ ทำให้เราทำงานเป็น ทำวิจัยเป็น มีขั้นตอนที่ถูกต้อง และมองอะไรกว้างขึ้น
ตอนแรก ก็บ่นๆ บอกว่าอาจารย์ทำไมให้ผ่านยากจัง แก้วิทยานิพนธ์จนหมดกระดาษไปหลายลัง (หลายลังจริงๆ)
กว่าจะได้เสนอเค้าโครง สอบเค้าโครง ทดลอง ทำรายงาน แก้ไข(แก้แล้วแก้อีก) แก้ แก้ แก้ แก้ แก้ แก้ แก้ แก้ แก้ แก้

แล้วก็มาสอบจบ
ก่อนจะสอบจบ ต้องให้ที่ปรึกษาตรวจสอบว่า สามารถขอสอบได้หรือยัง เสร็จแล้ว ต้องนัดกรรมการ 5 ท่าน และผู้ทรงคุณวุฒิ อีก 1 ท่าน จากนั้นก็แก้อีกโดยกำหนดเวลาให้ และต้องให้ผู้อำนวยการสำนักฯบัณฑิต ตรวจสอบ ถ้าเค้าให้ผ่าน ก็ส่งเล่มวิจัยสมบูรณ์ 15 เล่ม (หมดไปเกือบหมื่น)

เฮ้อ กว่าจะได้ถ่ายภาพวันนี้ ก็เกือบตาย(จริงๆ) ภูมิใจครับ

16 มีนาคม 2554

จะปิดเทอมแล้ว

ตอนนี้ใกล้จะปิดเทอมแล้ว
กำลังวุ่วายกับผลการเรียนของนักเรียนอยู่
วันนี้ฝนตก
ไปสายหน่อย ปรากฎว่า นักเรียนที่มีปัญหาไม่อยู่รอพบ สายแค่ครึ่งชั่วโมง

ช่างเถอะ เทอมนึงยังไม่เอา นับประสาอะไรกับวันๆเดียว

ดอกไม้ ยังไม่ถึงเวลา เร่งให้บานคงไม่ได้
.................................

เป็นกำลังใจให้พี่น้องสายครู สอบบรรจุครูกันนะครับ

15 มีนาคม 2554

มีแต่คิดถึง

มีแต่คิดถึง
ร้อนก็คิดถึง
หนาวก็คิดถึง
หิวก็คิดถึง
อิ่มก็คิดถึง

คิดถึงจัง.... ครูบ้านนอก

14 มีนาคม 2554

ไขข้อข้องใจการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วย

ไขข้อข้องใจการสอบบรรจุเป็นครูผู้ช่วย

คอลัมน์: สถานีก.ค.ศ.: ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.


ในช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเปิดรับสมัครสอบ แข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี พ.ศ.2554 จึงขอนำกรณีข้อหารือที่มีมายังสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่จะเป็นประโยชน์กับผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันฯ มานำเสนอดังนี้

คำถามข้อที่ 1 จากหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ศธ 0206.6/ว 2 ลงวันที่ 27 เมษายน 2553 ข้อ 7 ที่กำหนดว่า"ปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตามที่บรรจุไว้ในประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน ต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจ ไม่หลังวันเปิดรับสมัครสอบแข่งขันวันสุดท้าย คำว่า"ไม่หลังวันเปิดรับสมัครวันสุดท้าย" หมายความว่าอย่างไร

ตอบหมายถึง ต้องได้รับอนุมัติภายในวันที่ 10 เมษายน 2554 ซึ่งเป็นวันรับสมัครสอบแข่งขันวันสุดท้าย

คำถามข้อที่ 2 เคยได้ยินว่ามีการผ่อนผันให้ผู้สมัครสอบกรณีการยื่นใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ให้สามารถยื่นหนังสือรับรองแทนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงได้ ใช่หรือไม่อนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงได้ ใช่หรือไม่

ตอบ ก.ค.ศ.ผ่อนผันให้ผู้สมัครสอบแข่งขันที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถสมัครสอบแข่งขันฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วยได้เฉพาะการสอบแข่งขันฯ ครั้งที่ 1 ปี พ.ศ.2553 เท่านั้น สำหรับการรับสมัครสอบแข่งขันฯ ในปี พ.ศ.2554 นี้ ผู้สมัครสอบแข่งขันฯ ไม่สามารถนำหนังสือรับรองสิทธิ ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน หรือเอกสารอื่นใดที่มิใช่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูฉบับจริงมายื่นสมัครสอบ

คำถามข้อที่ 3 ปัจจุบันรับราชการเป็นข้าราชการพลเรือน มีคุณวุฒิด้านการศึกษา มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู สามารถสมัครสอบแข่งขันฯ ในครั้งนี้ได้หรือไม่

ตอบ สามารถสมัครสอบแข่งขันได้ ถ้ามีคุณวุฒิและสาขาวิชาเอกตรงตามที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้องการ แต่จะต้องมีหนังสืออนุญาตจากผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งให้สมัครสอบแข่ง ขัน และยินยอมให้ย้ายหรือโอนโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อสอบแข่งขันได้

คำถามข้อที่ 4 จะตรวจสอบคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรอง สำหรับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้จากที่ใด

ตอบ ผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันฯ สามารถตรวจสอบคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ.รับรองสำหรับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการ ศึกษาได้จากเว็บไซต์สำนักงาน ก.ค.ศ. ทาง www.moe.go.th/webtcs หรือสอบถามทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2280-2840 กรณีตรวจสอบแล้วพบว่า ก.ค.ศ.ยังไม่ได้รับรองคุณวุฒิ ให้แจ้งสถาบันการศึกษาเสนอให้ ก.ค.ศ.รับรองคุณวุฒิโดยด่วน เพื่อให้ทันการรับสมัครสอบวันสุดท้าย

หวังว่าผู้สนใจสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็น ข้าราชการและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย จะได้รับความกระจ่างในประเด็นต่างๆ ที่นำมาเสนอในวันนี้และหากมีข้อสงสัยประการใดเป็นการเพิ่มเติมสามารถ โทรศัพท์สอบถามเข้ามาได้ที่หมายเลข 0-2280-2835


ที่มา - หนังสือพิมพ์มติชน

13 มีนาคม 2554

อิง ก.พ.พอกเงินเดือนครู 2 หมื่นคน

ก.ค.ศ.ปลอบใจเพิ่ม 1 ขั้น-คาดเร็วสุด 2 ปีถึงเพดานขั้นต่ำฯ ตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ

วันที่ 9 มี.ค.54 นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เปิดเผยกรณีมีกลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประมาณ 20,000 คนจะไม่ได้ปรับเพดานเงินเดือน8% ตามบัญชีที่แนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับ ที่) พ.ศ.(...) ที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาไปแล้วว่า ในช่วงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ นั้น สำนักงาน ก.ค.ศ.ทราบอยู่แล้ว ว่าจะมีข้าราชการครูฯ จำนวนหนึ่งที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเงินเดือนขั้นต่ำ ตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ และได้หาแนวทางช่วยเหลือ แต่ก็ไม่สามารถที่จะปรับเพดานเงินเดือนขั้นต่ำให้ลดลงมาเท่ากันเงินเดือนของ ข้าราชการครูฯ กลุ่มดังกล่าวได้ เพราะจะทำให้เพดานเงินเดือนขั้นต่ำของข้าราชการครูในแต่ละอันดับต่ำกว่าข้า ราชการทั่วไป

รองเลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ได้ระบุเอาไว้แล้วว่าหลักเกณฑ์และวิธีการจะให้เป็นไปตามที่ ก.ค.ศ.ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดแนวทางที่จะช่วยเหลือข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้ได้ ซึ่งแนวทางที่น่าจะเป็นไปได้สุด คือการปรับพอกเงินเดือน ที่สำนักงานคณะ กรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) นำมาใช้กับข้าราชการ ก.พ.ที่เงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำของบัญชีเงินเดือน

"วิธีการปรับพอกเงินเดือนนั้น จะทำให้ครูกลุ่มดังกล่าวได้ปรับเงินเดือนถึงขั้นต่ำเร็วขึ้นกว่าเดิม และอาจจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีเท่านั้น เพราะจะมีการเพิ่มขั้นให้อีก 1 ขั้น เช่นในปีนี้ครูคนหนึ่งได้เลื่อนขั้นปกติ 1.5 ขั้นก็อาจจะเพิ่มให้อีก 1.5 ขั้นรวมเป็น 3 ขั้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับผลงานประกอบด้วย"

รองเลขาธิการ ก.ค.ศ. กล่าวและว่า ไม่อยากให้ข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้กังวลใจ เพราะยังไงก็จะได้ปรับเงินเดือนเข้าสู่ขั้นต่ำอยู่แล้ว ทั้งนี้หลังจากที่ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ก.ค.ศ.จะต้องเร่งกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการออกมารองรับเพื่อใช้ในการปรับเงินเดือนต่อไป

ด้านนายอัครเดช พรหมทา อาจารย์โรงเรียนบ้านอีเซ (คุรุราษฎรวิทยา) อ.โพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า รู้สึกเห็นใจเพื่อนข้าราชการครูที่จะไม่ได้ปรับเงินเดือน 8% เพราะครูทุกคนต่างก็ทำงานหนักกันมาก ดังนั้นจึงอยาก ให้ ศธ.หาแนวทางที่จะช่วยเหลือเพื่อนครูกลุ่มนี้ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การที่จะได้เงินเดือนเพิ่มอีก 8% และรวมกับค่าครองชีพอีก 5% เป็นสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับครูมาก แม้เงินอาจจะไม่ได้เยอะมาก แต่อย่างน้อยเพือนครูที่มีภาระหนี้สินหรือมีภาระก็ยังนำเงินส่วนนี้ไปใช้ได้

อนึ่ง ข้าราชการครูฯ ที่จะไม่ได้ปรับเพดานเงินเดือน 8% ประกอบด้วย ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.1 ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 8,130 -11,650 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.2 ที่มีเงินเดือน 12,530-15,040 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับคศ.3 ที่มีเงินเดือน 12,530 -18,480 บาท รวมถึงกลุ่มครูผู้ช่วย เนื่องจากบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ไม่ได้มีการปรับฐานใหม่ เพราะขั้นเงินเดือนครูผู้ช่วย เป็นขั้นเงินเดือนชั่วคราวของครูที่บรรจุ ใหม่ ซึ่งเมื่อทำงานครบ 2 ปี ก็จะได้เลื่อนหรือปรับไปสู่อันดับเงินเดือน คศ.1แทนหากผ่านการประเมิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะผ่านการประเมินอยู่แล้ว



ที่มา - สยามรัฐออนไลน์
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/39184

12 มีนาคม 2554

วันที่ไม่มีเธอ

และแล้วถึงวันที่ต้องจาก
มาพลัดพรากจากใจ ให้ไห้หวล
มีเพียงเหงา ครอบงำ ตอกย้ำทรวง
ฟ้าคงลวง กระชากจิต มิคิดวาย

11 มีนาคม 2554

ผลกรรมดี มีให้เห็นจริงๆ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเอง เมื่อวันพฤหัสที่ 10 ที่ผ่านมา
ผมไปกดเงินที่หน้าธนาคารออมสิน
ขณะเดินกลับมาที่รถ มีผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางไม่หน้าไว้วางใจมาสะกิดที่แขน
ผมก็ตกใจ (จะจี้หรือเปล่าวะ)

เค้าหยิบแบงก์ร้อยที่ร่วงลงพื่นให้กับผม แล้วหันไปก้มหยิบใบเสร็จรับเงินของร้านเสียงทิพย์ให้ (แสดงว่าเงินผมจริงๆแหละ)

ผมรีบกล่าวขอบคุณเค้า แล้วเค้าก็เดินเข้าไป (ไม่รู้ว่าเข้าธนาคารหรือร้านขายผ้า)

ขณะที่ขี่รถมา ผมนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งก่อนหน้านั้น มีคนทำแบงก์ร้อยหล่นเหมือนกัน ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ในใจกำลังคิดจะเก็บไปให้พนักงานในร้าน แต่คนที่มาจอดตรงนั้นเก็บขึ้นไป (ไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปให้พนักงานในร้าน หรือจะเอาไว้ใช้เอง เรื่องนี้ทำให้ผมคิดว่า ต่อไปถ้าจะให้สบายใจ เราต้องรีบเก็บไปให้พนักงานเอง จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า คนๆนั้น จะเอาไปประกาศหรือเปล่า)

ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของๆเรา เราก็ไม่ควรเอา
เงิน 1 บาท ที่หล่นพื้น ผมไม่เคยเก็บเลย เพราะไม่ใช่ของเรา อีกอย่าง ผมเชื่อว่า บางที เทวดากำลังลองใจเราอยู่ เราอาจดีใจที่ได้เงินหล่น 1 บาท 5 บาท 50 บาท 100 บาท แต่ถ้าเราไม่เก็บ ไม่เอามาเป็นของเราด้วยความโลภ เราอาจจะได้อะไรที่ดีกว่าก็ได้ เช่น ถูกหวย ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ย้าย ได้คนเมตตาปรานี

ผมเคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนสมัยเรียน ป.ตรี
ว่าถ้าเก็บกระเป๋าได้ มีเงินแสนนึง จะทำอย่างไร
เพื่อคนหนึ่งบอกว่า เอาไปใช้สิวะ
ผมก็บอกว่า "ถ้าเงินนี้เป็นเงินที่เจ้าของเค้าจะเอาไปผ่าตัดแม่เค้าละ"
มันตอบว่า "ไม่ใช่แม่กู"

ผมดีใจ ที่ไม่คบกับคนๆนั้นแบบสนิทชิดเชื้อ
ดีใจ ที่ทุกวันนี้ เวลาเจอหน้า มันเป็นฝ่ายหลบผม ทำเป็นไม่เห็นผม
ดีใจ ที่เพื่อนบางคน ได้ยินคำพูดนั้น แล้วคิดได้ว่า ควรคบกับไอ้คนนั้นอย่างไร

...นึกถึงใจเค้าใจเรา

ผมยังนึกอยู่ว่า ถ้าคนที่ทำเงินหาย 100 บ. นั้น เป็นคนงานก่อสร้าง ที่ได้ค่าแรงวันละ 180 เค้าจะเอาที่ไหนซื้อข้าว เอาที่ไหนให้ลูกไปโรงเรียน

ถ้าคิดจะทำดี ให้รีบทำ จะได้ไม่กังวลใจเหมือนผมครับ

...ขอบคุณครับ

10 มีนาคม 2554

ข่าวร้าย ครู คศ.1 คศ.2 และ คศ.3 ชวดเงินเดือนใหม่ 8%

ตามที่ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้ว และจะมีการเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ให้มีผลบังคับใช้นั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่า ข้าราชการครูฯ ส่วนใหญ่ จะได้ปรับเพดานเงินใหม่ 8% แต่จะมีผู้ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเงินเดือน ขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ประมาณ 20,000 คน ไม่ได้รับการปรับเพดานดังกล่าว โดยกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มครูผู้ช่วยอันดับเงินเดือน คศ.1, คศ.2 และ คศ.3 แต่ยังคงได้รับการปรับในส่วนของค่าครองชีพ 5%

ด้าน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศธ.กล่าวว่า ยอมรับว่าจะมีข้าราชการครูฯ บางกลุ่มไม่ได้ปรับเงินเดือนดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายไปกำหนดอัตราขั้นสูงขั้นต่ำเอาไว้ ดังนั้น ตนจึงได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปหารือกับคณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าจะทำอย่างไร โดยน่าจะมีทางออก 2 แนวทางได้แก่ 1. ให้มีการปรับพอกหรือทยอยปรับเงินเดือนให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ และ 2. อาจจะต้องปรับตัวเลขที่เป็นโครงสร้างเงินเดือน เพื่อให้ได้มีโอกาสได้รับเงินเดือนเท่ากับข้าราชการในส่วนงานอื่นที่ไม่ได้ ปรับมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนทราบว่า ก.พ. เคยใช้วิธีการปรับพอกเงินเดือนแก่ข้าราชการพลเรือนที่เงินเดือนไม่ถึงขั้น ต่ำเช่นเดียวกัน

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อครูฯ ได้ปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นแล้ว การปฏิบัติงานของครูต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย



ที่มา - เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=42&contentID=125768

-------------------------------------------------------------------

ข่าวร้าย! ครู คศ.1 คศ.2 และ คศ.3 ชวดเงินเดือนใหม่ 8%

"ชิน วรณ์" เร่งหาทางช่วยอาจใช้เกณฑ์เดียวกับ ก.พ.คือการปรับพอกเงินเดือนไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นต่ำตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ฉบับใหม่

วันที่ 8 มี.ค.54 รายงานข่าวแจ้งความคืบหน้าหลังจากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่ง ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ฉบับ ที่...) พ.ศ.(...) ที่ วุฒิสภาได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ 3 วาระรวดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.54 และขั้นตอนจากนี้ไปวุฒิสภาต้องส่งร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ไปให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าทูลฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปนั้น ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ส่วนใหญ่จะได้ปรับเพดานเงินใหม่ 8% แต่ จะมีข้าราชการครูฯ ที่มีเงินเดือนต่ำกว่า เงินเดือนขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ประมาณ 20,000 คน จะ ไม่ได้รับการปรับเพดานดังกล่าว แต่ยังได้รับการปรับในส่วนของค่าครองชีพ 5% โดยข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มครูผู้ช่วย อันดับเงินเดือน คศ.1, คศ.2 และ คศ.3

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวยอมรับว่าจะมีข้าราชการครูฯ บางกลุ่มไม่ได้ปรับเงินเดือนดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายไปกำหนดอัตราขั้นสูงขั้นต่ำเอาไว้ จึงมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปหารือว่าจะทำอย่างไร ซึ่งน่าจะมีทางออก ได้แก่ 1.ให้ มีการปรับพอก หรือค่อยปรับเงินเดือนให้ข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ 2.อาจจะต้องปรับตัวเลขที่เป็นโครงสร้างเงินเดือน เพื่อให้ได้มีโอกาสได้รับเงินเดือน เท่ากับข้าราชการในส่วนงานอื่นที่ไม่ได้ปรับมาแล้ว 2 ครั้ง โดย ในรายละเอียด สำนักงานก.ค.ศ.จะต้องไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) และสำนักงานคณะ กรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าต้องถือปฏิบัติการปรับเงินเดือนไปแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ ทราบว่าทาง ก.พ.เองก็ใช้วิธีการปรับพอกเงินเดือนแก่ข้าราชการพลเรือน ที่เงินเดือนไม่ถึงขั้นต่ำเช่นเดียวกัน



ที่มา - สยามรัฐออนไลน์
http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/38809

----------------------------------------------------------------------

“ชินวรณ์” เผยครูผู้ช่วย คศ.1-3 กว่า 2 หมื่นคน ชวดปรับเพดานเงินเดือน 8%


“ชินวรณ์” รับครูผู้ช่วย เงินเดือน คศ.1-3 กว่า 2 หมื่นคน อดได้ปรับเพดานเงินเดือนใหม่ 8% แต่ได้ปรับค่าครองชีพ 5% เหตุมีเงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ พร้อมมอบ ก.ค.ศ .หาทางออก เล็งปรับพอกเงินเดือนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังหลังจากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับ ที่) พ.ศ. ... ที่วุฒิสภาได้เห็นชอบ 3 วาระรวดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา และจากนี้วุฒิสภาต้องส่งร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ไปให้ยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไปนั้น ในขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่า ข้าราชการครูฯ ส่วนใหญ่จะได้ปรับเพดานเงินใหม่ 8% แต่จะมีข้าราชการครูฯ ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเงินเดือนขั้นต่ำตามบัญชีเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำแนบ ท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ ประมาณ 20,000 คน จะไม่ได้รับการปรับเพดานดังกล่าว แต่ยังได้รับการปรับในส่วนของค่าครองชีพ 5% โดยข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มครูผู้ช่วย อันดับเงินเดือน คศ.1, คศ.2 และ คศ.3

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ยอม รับว่าจะมีข้าราชการครูฯ บางกลุ่มจะไม่ได้ปรับเงินเดือนดังกล่าวจริง เนื่องจากกฎหมายไปกำหนดอัตราขั้นสูงขั้นต่ำเอาไว้ ดังนั้น ตนจึงได้มอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ.ไปหารือว่าจะทำอย่างไร ซึ่งน่าจะมีทางออก 2 แนว คือ 1. ให้มีการปรับพอกหรือค่อยปรับเงินเดือนให้ข้าราชการครูฯ กลุ่มนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงอันดับเงินเดือนขั้นต่ำ 2.อาจต้องปรับตัวเลขที่เป็นโครงสร้างเงินเดือนเพื่อให้ได้มีโอกาสได้ปรับ เงินเดือนเท่ากับข้าราชการในส่วนอื่นที่ไม่ได้ปรับมาแล้ว 2 ครั้ง

นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องไปหารือกับ คณะกรรมการเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าต้องปรับเงินเดือนไปในแนวทางเดียวกัน ทั้งนี้ตนทราบว่าทาง ก.พ.เองก็ใช้วิธีการปรับพอกเงินเดือนแก่ข้าราชการพลเรือนที่เงินเดือนไม่ถึง ขั้นต่ำเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับข้าราชการครูฯ ที่จะไม่ปรับเพดานเงินเดือน 8% นั้นผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.1 ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 8,130-11,650 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.2 ที่มีเงินเดือน 12,530 - 15,040 บาท, ผู้รับเงินเดือนอันดับ คศ.3 ที่มีเงินเดือน 12,530-18,480 บาท ส่วนกลุ่มครูผู้ช่วยนั้นก็จะไม่ได้ปรับเช่นเดียวกันเนื่องจากบัญชีเงินเดือน ขั้นสูงขั้นต่ำแนบท้ายร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ ไม่ได้มีการปรับฐานใหม่ เพราะขั้นเงินเดือนครูผู้ช่วยจะเป็นขั้นเงินเดือนชั่วคราวของครูที่บรรจุ ใหม่ ซึ่งเมื่อทำงานครบ 2 ปีก็จะได้เลื่อนหรือปรับไปสู่อันดับเงินเดือน คศ.1แทนหากผ่านการประเมิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะผ่านการประเมินอยู่แล้ว



ที่มา - ผู้จัดการออนไลน์
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000030143

08 มีนาคม 2554

เครียดอีกแล้ว

วันนี้มีเรื่องเครียดหลายเรื่องครับ
เรื่องแรก ผลการเรียนนักเรียน
เรื่องที่ 2 การซ้ำชั้นของนักเรียน
เรื่องที่ 3 มีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนต่างโรงเรียน

และแล้ว หลังจากที่ได้คุยกับครูสว่าง ก็ได้พบแสงสว่าง (คุยเกือบชั่วโมง กลับบ้านซะค่ำเลย)
ป้าสว่างบอกว่า ไม่ต้องเครียด เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ตามกฏไตรลักษณ์

.... ทุกปัญหา จบ

07 มีนาคม 2554

"ชินวรณ์" เล็งประกาศขึ้นเงินเดือนครู

“ชินวรณ์” สั่ง ก.ค.ศ.วางเกณฑ์รองรับ พ.ร.บ.เงินเดือนฯ - ปัดเอาใจครูเกินเหตุ

“ชิน วรณ์” เผยประสาน ปธ.วุฒิสภา ส่งร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ ถึงเลขาฯ ครม. เสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธย มอบปลัด ศธ.-ก.ค.ศ. เตรียมหลักเกณฑ์ เชื่อทันก่อน 1 เม.ย.นี้ ยันไม่ได้เอาใจครูเกินเหตุ

วันนี้ (2 มี.ค.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า หลังจากที่วุฒิสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ไปแล้ว 3 วาระรวด เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ตนได้ประสานให้ทางประธานวุฒิสภาได้ส่งร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินวิทยฐานะฯ มายังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเรื่องขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยซึ่งอาจจะใช้ เวลาประมาณ 20 วัน อย่างไรก็ตามได้มอบให้ ศ.(พิเศษ) ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ไปประสานงานและติดตามเรื่องนี้ พร้อมทั้งได้สั่งการให้ นายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ ปลัด ศธ. และ นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) เตรียมวาระการประชุม ก.ค.ศ. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาได้มีโอกาส ปรับขั้นเพดานเงินเดือนให้เป็นไปตามมาตรฐานเงินเดือนขั้นสูงขั้นต่ำ ซึ่งตนตั้งใจให้ประกาศใช้ได้ทันก่อนวันที่ 1 เม.ย.นี้ ดังนั้น ในระยะเวลา 1 เดือนจากนี้จะต้องมีกระบวนการที่จะต้องให้มีการประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่กำหนดไว้ใน ก.ค.ศ.ให้ได้

“ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนฯ นอกจากจะมีผลให้ปรับเพดานเงินเดือนครูแล้วต่อไปนี้เวลามีการปรับโครงสร้าง เงินเดือนของข้าราชการไม่เกินร้อยละ 10 จะสามารถปรับเงินเดือนครูของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และยังทำให้โครงสร้างเงินเดือนเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกันกับข้าราชการอื่น และที่สำคัญเงินขั้นสูงจะเท่าวิชาชีพแพทย์และวิชาชีพตุลาการเป็นครั้งแรก” รมว.ศธ.กล่าว

นาย ชินวรณ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกภาคส่วนที่ได้เห็นหรือติดตามข่าวนี้อย่าไปเข้าใจว่าเป็นการให้กำลัง ใจครูมากเกินไปแต่อยากให้เข้าใจว่าครูไม่ได้รับการปรับโครงสร้างเงินเดือนมา เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว และปีนี้ตนคิดว่าเป็นปีที่ทุกภาคส่วนต้องให้ขวัญและกำลังใจครู ซึ่งตนจะติดตามให้ครูได้ทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพต่อไปด้วย ทั้งนี้ ส่วนของครูโรงเรียนเอกชนก็มีสิทธิที่จะได้ปรับโครงสร้างเงินเดือนดัชนีค่า ครองชีพร้อยละ 5 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไปแล้ว



ที่มา - ผู้จัดการออนไลน์

06 มีนาคม 2554

ครูเฮ! "วุฒิสภา" ใช้เวลาแค่ 10 นาที ผ่านสามวาระรวดร่าง กม.ขึ้นเงินเดือนครู ไม่เกิน 10%

ครูเฮ! "วุฒิสภา" ใช้เวลาแค่ 10 นาที ผ่านสามวาระรวดร่าง กม.ขึ้นเงินเดือนครู ไม่เกิน 10%

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเอกฉันท์ 71 เสียง เห็นชอบในวาระ 3 ของร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทาง การศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ซึ่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการพิจารณา 3 วาระรวด โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที โดยมีการเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภาในวาระ 2 ซึ่งไม่มี ส.ว.ในฐานะกรรมาธิการคนใด ติดใจหรือให้แก้ไขถ้อยคำในกฎหมายแม้แต่มาตราเดียว ขณะที่ภายในบริเวณรัฐสภาได้มีกลุ่มครูจากต่างจังหวัดมาร่วมฟังการพิจารณาของ วุฒิสภาในครั้งนี้ด้วย

สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ มาตรา 5 กำหนดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับเงินเดือนขั้นต่ำสูง เงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มี ความเหมาะสมยิ่งขึ้นตามความจำเป็นไม่เกิน 10% ของเงินเดือน ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้วุฒิสภาจะส่งร่าง พ.ร.บ.ที่ผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภาให้สภาผู้แทนราษฎรรับทราบและดำเนินการ ขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป


ที่มา - มติชนออนไลน์

02 มีนาคม 2554

อัด อั้น ตัน ใจ

อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร
เมื่อเด็กไทย ส่ง sms โหวตนักร้องที่ชื่นชอบได้ไวกว่า การหาคำตอบของสมการ "งาน = แรง x ระยะทาง"

ใครวะ ออกกฎห้ามตี ห้ามนักเรียนตกซ้ำชั้น
ถ้าครูไม่มีสามัญสำนึก ก็ปล่อยให้เด้กที่เขียนแค่ชื่อได้อย่างเดียว จบ ม.3 ไป เพราะเบื้องบนสั่งมา
...
ถามจริงๆ คนไทยคิดอย่างไร เลือกคนจบสาขาอะไรมาไม่รู้ มาเป็นคนบริหารการศึกษา

ไม่รู้ว่า บ่นไปจะมีประโยชน์หรือเปล่า
อย่างว่าแหละ ประชาธิปไตย
คนถูกกดขี่ เลือกคนกดขี่ มากดขี่ตัวเอง

แล้วไม่เห็นคุณค่าของการศึกษาเลย อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ ใช้มาตั้งแต่ 2542 งบ มิยาซาวะ ขอไปไม่เคยได้ ให้แต่โรงเรียนใหญ่ ที่ราดยางถนน ทำกันทุกปี เที่ยวเมืองนอก ไปกันทุกปี เอาเงินมาลงที่การศึกษาบ้าง

หรืออยากให้เด็กไทยโตไปโง่ จะได้เลือกพวกท่านนานๆ
จะโกง จะกิน จะขายชาติอย่างไร ก็ไม่มีใครคัดค้าน
กลัวว่า เดี๋ยวไม่มีงบมาทำถนน ขุดคลองในหมู่บ้าน
.....ชั่วจริงๆ

บอกจะให้เน้นการศึกษาเด็ก ให้ครูมีเวลาอยู่กับเด็ก แต่จัดให้ครูอบรม ประชุม สัมมนา กันอยู่นั่นแหละ ถ้าอยากจะสอนเด็ก ต้องซื้ออุปกรณ์เอง ขนาดปากกาเขียนกระดาน ยังต้องออกเงินเอง

มาโรงเรียน ไม่ใช่ปุ๊บปั๊บจะสอนได้ ต้องวิเคราัะห์หลักสูตร แล้ววางโครงการสอน จากนั้นกำหนดหน่วยการเรียนรู้ กำหนดตัวชี้วัด แล้วเขียนแผนการสอน แล้วทำแบบทดสอบ ทำเครื่องมือวัดผลต่างๆ เสร็จแล้วต้องทำวิจัย ว่าสอนออกมาแล้วดีไหม

ทุกอย่าง แทบใช้เงินตัวเองหมดเลย แล้วเงินเดือนเริ่มที่ 8600 จะเอาที่ไหนกินวะ นี่ยังไม่รวมซองบวช ซองผ้าป่า ไม่ซื้ออุปกรณ์มาสอนก็ไม่ได้ สงสารเด็ก ลูกเราทั้งนั้น เราอยากให้ลูกเรามีความรู้ ออกไปสู้กับเรื่องต่างๆของสังคมได้ จะได้ไม่โง่ แต่นักการเมือง มันทำอะไรอยู่วะ

ห่วงแต่เสียงคะแนน ห่วงแต่ผลประโยชน์
สร้างภาพ ขึ้นป้ายใหญ่โต ว่า "เป็นผู้สนับสนุนในการขยายถนน" เงินชาวบ้านทั้งนั้น ภาษีทั้งนั้น เอ็งสนับสนุนอะไรวะ ขึ้นเครื่องบินก็ฟรี พวกกรูสิ มีโอกาสได้เห็นเครื่องบินตอนบินผ่านหลังคาโรงเรียน (แล้วก็วิ่งออกไปด...ูกับพวกเด็กๆ +55)

ป.ล. บ่นตอนทำเกรดเด็ก นะจ๊ะ (บน Facebook)

01 มีนาคม 2554

28 กุมภาพันธ์ 2554

เตรียมสอบปลายภาค

ช่วงนี้ นักเรียนก็เตรียมสอบปลายภาค
ส่วนครู ก็รีบดำเนินการสอบ
ตัดเกรด จัดระดับผลการเรียน
สรุปผลงานในปีการศึกษาที่ผ่านมา และที่สำคัญ เตรียมรับมหกรรมอบรม ประชุม สัมมนา ฯลฯ

เหนื่อยๆ สู้ๆ คนเป็นครู สู้ไม่ถอย

27 กุมภาพันธ์ 2554

สติ ควบคุมจิต

"โอ้ การฝึกจิตที่จะเอาจิตเข้าสู่ธรรมได้ตีกิเลสให้ห่างไกลจากตัวไปนี้ เพื่อความอยู่สบายนี้ยากนะ ไม่ใช่เล่น ลำบากมากอยู่ มันดิ้นของมันอยู่นั้นแหละ เป็นอยู่ในร่างกายกิริยามารยาทนุ่มนวลเหมือนคนทั้งหลาย พระทั้งหลายนั่นละ แต่ตัวจิตตัวมันดื้อมันดื้ออยู่ในนั้น

เพราะอย่างนั้นท่านจึงสอนให้มีสติ บังคับจิตให้ดี ถ้าสติดีแล้วจิตก็ไม่ดีดไม่ดิ้น ถ้าสติขาดเมื่อไหร่จิตนี้ดิ้น ให้พากันจำเอานะพระลูกพระหลาน สติเป็นสำคัญ ท่านก็บอกอยู่ตลอดเวลาว่า

สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง
เผลอสติไม่ได้นะ สติต้องบังคับเจ้าของ ให้ตีกับกิเลสนั่นล่ะดี"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนhttp://www.luangta.com/thamma/thamma_ta ... 66&CatID=0

26 กุมภาพันธ์ 2554

งัด พ.ร.บ.ระเบียบครู 46 เอาผิดครูแอบกวดวิชา

งัด พ.ร.บ.ระเบียบครู 46 เอาผิดครูแอบกวดวิชา

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.)ครั้งที่ 2/2554 เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ที่ประชุมได้รับทราบแนวทางควบคุมโรงเรียนกวดวิชาไม่ให้มีการดำเนินการใน ลักษณะแสวงหากำไรจนเกินควร ซึ่งเห็นว่าโรงเรียนกวดวิชาที่ตั้งขึ้นก่อน พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ให้เก็บค่าธรรมเนียมการเรียน ตามที่ได้รับอนุญาต หากมีการเปลี่ยนแปลงให้ยื่นขออนุญาต โดยจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับกิจการของโรงเรียนนอกระบบและกำหนดหลักเกณฑ์การ คิดค่าธรรมเนียมการศึกษาซึ่งให้กำหนดได้ไม่เกินร้อยละ 20 ส่วนโรงเรียนกวดวิชา ที่ตั้งตาม พ.ร.บ. โรงเรียนเอกชนพ.ศ.2550ในการอนุญาตหลักเกณฑ์การคิดค่าธรรมเนียมการศึกษา ให้กำหนดอัตราค่าตอบแทนได้ไม่เกินร้อยละ20ส่วนการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา ในโรงเรียนที่จัดการเรียนการสอนโดยใช้ครูจะเก็บในอัตราที่สูงกว่าการเรียน การสอนโดยใช้สื่อผสม หากใช้สื่อเป็นเครื่องมือการสอนให้เก็บในราคาต่ำสุด ซึ่งโรงเรียนนอกระบบทุกขนาดทุกประเภท จะต้องเสนอรายงานแสดงกิจการงบประมาณการเงินต่อผู้อนุญาตเป็นประจำทุกปี และให้ติดประกาศใบอนุญาตการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา/หลักเกณฑ์การกำหนดค่า ธรรม เนียมการศึกษา เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้สช.จะต้องตรวจติดตามการดำเนินกิจการของโรงเรียนกวดวิชาให้เป็นไป ตามระเบียบกฎหมายของทางราชการอย่างเคร่งครัด

ขณะเดียวกัน ก็ให้ สพฐ.และคุรุสภาตรวจสอบและดูแลครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาของรัฐให้ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเรียน การสอนในชั้นเรียนให้เต็มตามหลักสูตร เพื่อนักเรียนจะได้ไม่ต้องไปเรียนเพิ่มเติมในโรงเรียนกวดวิชา หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือว่ามีความผิดทางวินัยตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 และผิดจรรยาบรรณ ตาม พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

25 กุมภาพันธ์ 2554

กรณีตัวอย่างการพิจารณาประสบการณ์ เพื่อขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ (2)

กรณีตัวอย่างการพิจารณาประสบการณ์ เพื่อขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ (2)

คอลัมน์: สถานี ก.ค.ศ. : โดย ศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการ ก.ค.ศ.

สัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำเสนอการพิจารณานำ ประสบการณ์การดำรงตำแหน่งพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีประสบการณ์การสอนมานับรวมกับตำแหน่งครูเพื่อเป็นคุณสมบัติด้าน ประสบการณ์ในการขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการไปแล้ว

สัปดาห์นี้จะนำเสนอกรณีไม่มีประสบการณ์ในการสอน แต่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ซึ่ง ก.ค.ศ.ให้คำจำกัดความว่า ต้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการเรียนการสอน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา เช่น การจัดทำแผนการเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน หรือช่วยปฏิบัติงานด้านการบริหารและจัดการสถานศึกษาเป็นต้น โดยกำหนดว่าหากมีประสบการณ์ตามที่กำหนดให้นับเวลาการดำรงตำแหน่งก่อนโอนได้ 1 ใน 4 หากไม่มีประสบการณ์ก็ไม่สามารถนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งก่อนโอนมานับรวมกับ การดำรงตำแหน่งครูได้ ซึ่งมีกรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้

กรณีที่ 1 ผู้ขอเคยเป็นข้าราชการทหาร ไม่มีประสบการณ์การสอนแต่ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และดำรงตำแหน่งครูไม่น้อยกว่า 2 ปี

ตัวอย่างจ่าสิบเอก ส วุฒิปริญญาตรี เคยเป็นข้าราชการทหารมาแล้วเป็นเวลา 16 ปี ก่อนโอนมียศจ่าสิบเอก มีประสบการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและได้โอนมาดำรง ตำแหน่งครูสังกัด สพฐ.ไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยทำการสอนในระดับประถมศึกษาให้นำระยะเวลาการดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาก่อนโอนมานับได้ 1 ใน 4 คือ 4 ปี มานับรวมกับการดำรงตำแหน่งครู2 ปี จะนับรวมได้ 6 ปี ซึ่งไม่น้อยกว่า 6 ปีสำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรีและสามารถขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการได้

กรณีที่ 2 ผู้ขอเคยเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และโอนหรือย้ายมาบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครู ไม่น้อยกว่า 2 ปี

ตัวอย่างนางสาว ร วุฒิปริญญาตรี เคยดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ ระดับชำนาญงาน (รับเงินเดือนระดับ 5 หรือ 6 เดิม) สังกัดกรมสรรพากร เป็นเวลา 12 ปี มีประสบการณ์และได้โอนมาดำรงตำแหน่งครูสังกัด สพฐ.มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยทำการสอนในระดับประถมศึกษา ให้นำระยะเวลาการดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาก่อน โอนมานับได้ 1 ใน 4 คือ 3 ปี มานับรวมกับการดำรงตำแหน่งครู 2 ปี จะนับรวมได้ 5 ปี ซึ่งน้อยกว่า 6 ปี สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรี จึงไม่สามารถขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการได้

ได้นำเสนอกรณีตัวอย่างติดต่อกันมา 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นกรณีที่แตกต่างกัน 4 กรณี หวังว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และผู้เกี่ยวข้องจะได้รับความรู้ความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นสำหรับการพิจารณา ประสบการณ์ในการขอมีวิทยฐานะครูชำนาญการ หากท่านใดต้องการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จากเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ www.moe.go.th/wtcs



ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

23 กุมภาพันธ์ 2554

ตรวจสุขภาพประจำปี

วันนี้ มีการตรวจสุขภาพประจำปี
เมื่อวานเลยต้องงดน้ำและอาหารตั้งแต่ 2 ทุ่ม

ตอนไปโรงเรียนคิดเลยว่า ถ้าหมอมาช้า คงมีอารมณ์โมโหหิวแน่ๆ เพราะปกติกินข้าวแต่เช้า แถมยังกินน้ำบ่อย เมื่อวานนี้กลัวว่าจะกินน้ำเยอะ เลยนอนแต่หัวค่ำ ปรากฎว่า หมอไปรอแล้ว

ความดันปกติ
การเต้นของหัวใจปกติ
....เหลือแต่ x-ray ปอดอย่างเดียว กิ้วๆ

21 กุมภาพันธ์ 2554

เตรียมสอบ nt ได้แล้วจ้า

ตอนนี้ มหกรรมการทดสอบระดับชาติ กำลังจะดำเนินต่อไป

คราวนี้ เป็นระดับรองลงมาจาก ป.6 ม.3



สู้ๆครับครูไทย

เหนื่อยก็ต้องทน

เพราะหน้าที่ของเรา กำอนาคตของชาติอยู่



ตอนนี้โรงเรียนก็จะสอบปลายภาคแล้ว โอย เหนื่อยจัง

18 กุมภาพันธ์ 2554

มหกรรมการสร้างโอกาสและอาชีพ ภาคเหนือ วันที่ 2

วันนี้ไปปฏิับัติหน้าที่วันที่ 2 วันนี้มีจำนวนผู้เข้าชมบางตา อาจเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด (มาฆะบูชา) แต่ก็มีนักเรียนในจังหวัดแต่ต่างจังหวัดเดินทางมาดู ในส่วนของเวทีส่วนกลาง มีการแสดงวงดนตรี และการแสดงของน้องๆอนุบาลน่ารักๆ ตอนขึ้นไปถ่ายวิดีโอ เห็นแล้วสงสารครู เหมือนจับปูใส่กระด้งอย่างไงอย่างนั้น
น้องๆนักเรียนสนใจการจัดแสดงของหุ่นยนต์เต้นB-Boy

บริการให้คำปรึกษาจาก มสธ.
ขึ้นไปการแสดงของน้องๆนักเรียน
นกยูงรำแพน สวยงามมากครับ วันนี้ไม่มีใครแย่งถ่าย เลยถ่ายซะ

จะว่าไป นกยูงก็เหมือนผู้หญิงที่น่ารัก มีศักดิ์ศรี และสง่างาม (ชอบครับ)

17 กุมภาพันธ์ 2554

มหกรรมสร้างโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ ภาคเหนือ

วันนี้ ได้เข้าร่วมปฏิบัิติราชการกับทีมส่งเสริมการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 1 โดยมีท่านรองธิดาพร พานิชพันธ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 1 เป็นประธานฝ่าย และมี ศณ.ต๋อง สุดหล่อ (พี่พรประเสริฐ) เป็นหัวหน้าชุด

การปฏิบัติหน้าที่วันนี้ ได้รับมอบหมายให้บันทึกภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่ง เพื่อทำสื่อสรุปรายงาน ส่วนหน้าที่รองคือ การร่วมทีมถ่ายทอดสดพิธีเปิด

มาถึงปุ๊บ ก็เริ่มงานแรกเลยครับ (ถ่ายป้ายของงาน)

จากนั้น ลงไปเก็บบรรยากาศข้างล่าง ระหว่างการเตรียมตัวของหน่วยงานต่างๆ โชคดี ท่าน ผอ.เขตฯ ให้เกียรติถ่ายภาพด้วย เมื่อถ่ายเสร็จ ท่านบอกว่า "รูปคู่แฝด"


ท่าน ผอ. สพป. พิษณุโลกเขต 1 ใ้หเกียรติถ่ายภาพ


ป้ายงานมหกรรมสร้างโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ ภาคเหนือ จ.พิษณุโลก

ส่วนกลางของงานฯ
สบโอกาส ท่านผู้ว่าฯให้เกียรติถ่ายภาพ
ท่านประธานในพิธีเดินเข้าสู่งาน โดยมีวงมังคละเดินนำ

การแสดงจากน้องๆจ่านกร้อง
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกกล่าวรายงาน
ประธานจัดงานกล่าวรายงาน
ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประธานในพิธี
พิธีเปิดงานบนเวที

ประธานในพิธีตัดริบบิ้นเปิดงาน

น้องๆน่ารักมากเลยครับ
ขอความกรุณาอย่าเข้าใจผิด.... คิดกันเอาเองครับ
ช่างกล้า!! คณะผู้ช่วยรัฐมนตรีพึ่งผ่านไป 2 คนนี้ ก็เล่นกันซะแล้ว

คณะผู้บริหารชั้นเยี่ยมให้เกียรติร่วมถ่ายภาพด้วย
ท่านรองฯบุญรอด ให้เกียรติถ่ายภาพ (คนข้างๆ ขอร่วมทุกงาน)
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เยี่ยมชมส่วนจัดแสดง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ทักทายนักเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ
ท่าน รองฯ ธวัช รายงานท่านผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรงศึกษาธิการ

หลบร้อนที่ป้ายงานด้านนอก เหนื่อยทั้งครูทั้งศิษย์
ความรู้ด้านการเกษตร
กิจกรรมเพ้นท์ถนน เจ๋งดีครับ
ศิลปะ เกิดจากข้างใน
หุ่นยนต์เต้นระบำ

จิตสำนึกที่ยังเกิดกับนักเรียนบางกลุ่ม
สบายจังเลยนะครับ คุณครู พรุ่งนี้ผมจองคิวแรก
ใครว่าขยะ ไม่มีประโยชน์ ... เงินทั้งนั้น
"อู่ข้าว อู่น้ำ"
น้องๆลองทำงานประดิษฐ์ (ตั้งใจถ่ายวิทยากร...น่ารัก)

ครั้งนี้ การอ่านก็สำคัญนะ
"เอ้า ถ่ายรูปตัวเองกับนักเรียนนิดนึง"
กิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สัญลักษณ์ของกลุ่มแสดงทางวิทยาศาสตร์ น่ารักไหมครับ
ข้อมูลเคลื่อนที่

ภายในรถ

กลุ่มการศึกษานอกระบบ ที่บอกว่า "อายุ บ่งบอกถึงความเก๋า"
ท้องฟ้าจำลอง รายการที่มีคนอยากดูมากที่สุดในงาน
นักเรียนโรงเรียนวัดยางแขวนอู่ ทดลอง "ไก่กระต๊าก"

อันนี้เต้าหู้ทอด ไม่เกี่ยวกับงาน..แต่อร่อย

สรุปแล้ว วันนี้ได้แต่หน้าที่หลัก ส่วนหน้าที่รอง ปล่อยให้พี่ๆเค้าทำ แค่นี้ น้ำหนักลดไปหลายมิลลิกรัมแล้วจ้า

16 กุมภาพันธ์ 2554

เตรียมตัวลุยงาน แต่วันนี้เหนื่อยมาก

พรุ่งนี้จะมีมหกรรมขยายโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ
จัดที่โรงแรมอมรินท์ลากูน จ.พิษณุโลก
ได้รับคำสั่งให้ไปร่วมปฏิบัติราชการ (ว่าแต่ อยู่ฝ่ายอะไรเนี่ย... อ๋อ ประชาสัมพันธ์ ช่างเข้ากับหน้าตาเสียจริง อิอิ)

เพิ่งได้ทราบว่า เป็นเรื่องของโรงเรียนขยายโอกาส 17 จังหวัดภาคเหนือ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะเนี่ยที่จะจัดรวมกันได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มากๆๆๆ

เดี๋ยวพรุ่งนี้ คงต้องไปแต่เช้า เพราะมีเรื่องราวหลายหลากรอให้เรียนรู้ และรอให้ทำ

ถ้าไม่เรียนรู้ ครูก็เหมือนปลาตายไม่ว่ายทวนน้ำ
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ