คาถาบูชาพระพรหม
โอมปะระเมสะนะมัสการัม
องการะนิสสะวะ รัง พรหมเรสสะยัม ภูปัสสะวะวิษณุ ไวยะทานะโมโทติลูกปัมทะระมา ยิกยานัง ยะไวยะลา คะมุลัม สะทา นันตะระ วิมุสะตินัน นะมัตเต นะมัตเตร
จะ อะการัง ตโถวาจะ เอตามาตาระยัต ตะมัน ตะรามา กัตถะนารัมลา จะสะระวะ ปะติตัม สัมโภพะกลโล ทิวะทิยัม มะตัมยะ
08 กันยายน 2552
07 กันยายน 2552
รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงาน คศ.3
ตอนนี้ มีแต่คนค้นหาคำว่า รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงาน คศ.3 หรือ รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงานอาจารย์ 3
ไม่รู้ว่าจะหาไปทำไม
อยากรู้ว่า ใครเป็นคนตรวจบาง เพื่อจะเดาทางทำผลงาน
หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ... ก็ไม่รู้
แต่มีคนค้นหาคำนี้เข้ามา (บ้าง)
แม้ไม่มาก แต่ก็ทำให้ผมสงสัยว่า "ทำไม"
รายชื่อคณะกรรมการตรวจประเมินผลงาน ชำนาญการพิเศษ
1. นาย.....
2. นาง.....
3. ผศ.....
แล้วถ้าคุณทำผลงานดี ต่อให้ใครต่อใคร เค้าก็เต็มใจประทับคำว่า ผ่าน ครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนแล้วกัน
รวมไปถึงคุณๆ ที่ค้นหามาเจอหน้านี้นะครับ
ไม่รู้ว่าจะหาไปทำไม
อยากรู้ว่า ใครเป็นคนตรวจบาง เพื่อจะเดาทางทำผลงาน
หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ... ก็ไม่รู้
แต่มีคนค้นหาคำนี้เข้ามา (บ้าง)
แม้ไม่มาก แต่ก็ทำให้ผมสงสัยว่า "ทำไม"
รายชื่อคณะกรรมการตรวจประเมินผลงาน ชำนาญการพิเศษ
1. นาย.....
2. นาง.....
3. ผศ.....
แล้วถ้าคุณทำผลงานดี ต่อให้ใครต่อใคร เค้าก็เต็มใจประทับคำว่า ผ่าน ครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนแล้วกัน
รวมไปถึงคุณๆ ที่ค้นหามาเจอหน้านี้นะครับ
06 กันยายน 2552
ขึ้นเงินเดือนครู8% ลุ้นพรบ.ผ่าน
ขึ้นเงินเดือนครู8% ลุ้นพรบ.ผ่าน
ประชุม ก.ค.ศ.ไฟเขียวไปยกร่างบัญชีเงินเดือนและเงินวิทยฐานะครูใหม่ เงินเดือนเพิ่ม8% แต่แก้ไขพ.ร.บ.เงินเดือนครูก่อน
วันนี้(27พ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่าหลังจากที่สั่งให้ ก.ค.ศ.เร่งยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่ ให้สอดคล้องพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่บัญญัติให้มีบัญชีเงินเดือนที่กำหนดเฉพาะเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง (แบบช่วง) ในการประชุม ก.ค.ศ.จึงมีมติเห็นชอบ ร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและร่างบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอ
ซึ่งมีผลให้เงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8 แต่ต้องรอให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องไปยกร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่เสร็จก่อน ซึ่งบัญชีนี้จะมีผลบังคับใช้ย้อนหลังไปวันที่ 1 เมษายน 2552 เหมือนกับข้ารากชารพลเรือนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ แต่ในระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ ยังไม่มีผลบังคับใช้ คงไม่สามารถใช้บัญชีอัตราเงินเดือนประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลมได้ เนื่องจาก ศธ.มีพ.ร.บ.เงินเดือนฯ เพื่อใช้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ
สำหรับร่างบัญชีเงินเดือนฯ มีอัตราดังนี้ ครูผู้ช่วย ขั้นต่ำชั่วคราว 7,940 บาท ขั้นต่ำ 8,700 บาท ขั้นสูง 16,840 บาท คศ.1 ขั้นต่ำชั่วคราว 8,130 บาท ขั้นต่ำ 11,930 บาท ขั้นสูง 29,700 บาท คศ.2 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 15,410 บาท ขั้นสูง 36,020 บาท คศ.3 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 18,910 บาท ขั้นสูง 50,550 บาท คศ.4 ขั้นต่ำ 23,230 บาท ขั้นสูง 59,770 บาท คศ.5 ขั้นต่ำ 28,550 บาท ขั้นสูง 66,480 บาท
ส่วนร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะฯ จำแนกเป็นเงินวิทยฐานะตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษารวมถึงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ก.ค.ศ.กำหนด มีอัตรา ดังนี้ วิทยฐานะชำนาญการ 3,500 บาท วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 5,600 บาท วิทยฐานะเชี่ยวชาญ 9,900 บาท และวิทยฐานะ เชี่ยวชาญพิเศษ 15,600 บาท โดยในส่วนของวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นการขยายเพดานจาก 13,000 บาท เป็น 15,600 บาท
ประชุม ก.ค.ศ.ไฟเขียวไปยกร่างบัญชีเงินเดือนและเงินวิทยฐานะครูใหม่ เงินเดือนเพิ่ม8% แต่แก้ไขพ.ร.บ.เงินเดือนครูก่อน
วันนี้(27พ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่าหลังจากที่สั่งให้ ก.ค.ศ.เร่งยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่ ให้สอดคล้องพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่บัญญัติให้มีบัญชีเงินเดือนที่กำหนดเฉพาะเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง (แบบช่วง) ในการประชุม ก.ค.ศ.จึงมีมติเห็นชอบ ร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและร่างบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอ
ซึ่งมีผลให้เงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8 แต่ต้องรอให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องไปยกร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่เสร็จก่อน ซึ่งบัญชีนี้จะมีผลบังคับใช้ย้อนหลังไปวันที่ 1 เมษายน 2552 เหมือนกับข้ารากชารพลเรือนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ แต่ในระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ ยังไม่มีผลบังคับใช้ คงไม่สามารถใช้บัญชีอัตราเงินเดือนประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลมได้ เนื่องจาก ศธ.มีพ.ร.บ.เงินเดือนฯ เพื่อใช้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ
สำหรับร่างบัญชีเงินเดือนฯ มีอัตราดังนี้ ครูผู้ช่วย ขั้นต่ำชั่วคราว 7,940 บาท ขั้นต่ำ 8,700 บาท ขั้นสูง 16,840 บาท คศ.1 ขั้นต่ำชั่วคราว 8,130 บาท ขั้นต่ำ 11,930 บาท ขั้นสูง 29,700 บาท คศ.2 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 15,410 บาท ขั้นสูง 36,020 บาท คศ.3 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 18,910 บาท ขั้นสูง 50,550 บาท คศ.4 ขั้นต่ำ 23,230 บาท ขั้นสูง 59,770 บาท คศ.5 ขั้นต่ำ 28,550 บาท ขั้นสูง 66,480 บาท
ส่วนร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะฯ จำแนกเป็นเงินวิทยฐานะตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษารวมถึงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ก.ค.ศ.กำหนด มีอัตรา ดังนี้ วิทยฐานะชำนาญการ 3,500 บาท วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 5,600 บาท วิทยฐานะเชี่ยวชาญ 9,900 บาท และวิทยฐานะ เชี่ยวชาญพิเศษ 15,600 บาท โดยในส่วนของวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นการขยายเพดานจาก 13,000 บาท เป็น 15,600 บาท
05 กันยายน 2552
แพ้สีทาเล็บ
แพ้สีทาเล็บ
การแพ้ยาทาเล็บในบางรายอาจพบรอยผื่นแดงในบริเวณรอบเล็บ
แพ้สีทาเล็บ
ปัจจุบัน สาว ๆหลายคนนิยมทำเล็บ ตกแต่งเล็บ ต่อเล็บ หรือเพนท์เล็บ ให้มีสีสันสวยงาม ซึ่งส่วนใหญ่ทำแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีบางคนที่ทำเล็บแล้วอาจมีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นตามมาได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า เล็บ คือ สารเคอราติน อัดเป็นแผ่นเรียบคลุมปลายนิ้ว มีพื้นที่แต่ละเล็บประมาณ 1-1.5 ตารางเซนติเมตร แผ่นเล็บจะโปร่งแสงจึงมองเห็นเม็ดเลือดแดงเป็นสีชมพูใต้เล็บ ในภาวะวิกฤติแพทย์ใช้สีเล็บประเมินระบบไหลเวียนของโลหิต จึงแนะนำให้ผู้ป่วยล้างยาทาเล็บออกเมื่อรับไว้เป็นผู้ป่วยภายใน
ปัจจุบัน ธุรกิจความงามบนแผ่นเล็บของสหรัฐมีมูลค่าสูงถึงปีละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่กระแสตามผู้นำของโลกเช่นกัน จึงพบศูนย์บริการแต่งเล็บเกิดขึ้นหลายแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
แต่เดิมการตกแต่งเล็บจะใช้ยา ทาเล็บแต่งสี จากเคยนิยมสีชมพูเลียนแบบสีธรรมชาติเพื่อแสดงว่าสุขภาพสมบูรณ์ ปัจจุบันสียาทาเล็บเปลี่ยนเป็นสีเข้มคล้ายสีเล็บของผู้เจ็บป่วยใกล้ตาย เช่น สีฟ้า สีม่วง การตัดแต่งเล็บก็เปลี่ยนไปตามกระแสนิยม ปลายเล็บรูปรีแหลมก็เปลี่ยนเป็น ตัดตรงเหลี่ยม การตัดหนังรอบเล็บเพื่อให้ผิวเล็บเพิ่มมากขึ้น ในระยะโรคเอดส์เริ่มระบาดหลายคนเลิกทำเล็บเพราะเกรงว่าเครื่องมือไม่สะอาดพอ แต่ความกลัวได้จางหายไป การตกแต่งเล็บจึงกลับมานิยม อีกครั้ง
ขั้น ตอนการทาเล็บจะต้องทำความสะอาดเล็บด้วยสารอะซีโตน ซึ่งสารนี้เมื่อใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เล็บขาดความเงางาม เนื้อเล็บจะขุ่นและเปราะบางหลังทำความสะอาดจึงใช้น้ำยาทาเล็บทาทับหลายชั้น เพื่อให้ผิวเล็บเรียบ ยาทาเล็บประกอบด้วยสารหลายชนิดที่สำคัญ คือ ไนโตรเซลลูโลส โทลูอีน ซัลโฟนามายด์ ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซิน หรือ ทีเอสเอฟ อาร์ (toluene sulfonamide-formaldehyde resin : TSFR) และพลาสติไซเซอร์ ซึ่งเมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มใสวาวเรียบเคลือบเล็บ
สีที่ผสมในยาทา เล็บจะต้องใช้ชนิดไม่ละลายเข้าในเนื้อเล็บ ในยาทาเล็บมักมีสารฟอร์มาลิน เจืออยู่ เพื่อเพิ่มความแข็งของเล็บ สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ สำหรับยาทาเล็บแบบสีมุก จะผสมด้วยผงกวานีน ซึ่งได้จากเกล็ดปลา อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางราย
แต่ส่วนใหญ่การแพ้ยาทาเล็บจะไม่มีผื่นบริเวณรอบเล็บเพราะในขณะทาเล็บผู้ทา ต้องระมัดระวังไม่ให้ยาทาเล็บโดนผิวหนัง ดังนั้นรอยผื่นแพ้ยาทาเล็บมีลักษณะรอยแดงเป็นทางยาวพบในบริเวณใบหน้า หนังตา แก้ม รอบปาก ด้านข้างของคอ หรือบริเวณหน้าอก เพราะในขณะรอให้ยาทาเล็บแห้งเจ้าของมืออาจขยับทำกิจกรรมต่าง ๆ น้ำยาทาเล็บที่ยังไม่แห้งสนิทจึงสัมผัสผิวหนังในบริเวณดังกล่าว ยาทาเล็บเมื่อแห้งสนิทจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ สารที่แพ้คือสารเคลือบเล็บ
การ ตกแต่งเล็บกำลังพัฒนาเป็นการสร้างประติมากรรมขนาดย่อม มีการใช้แผ่นเล็บสังเคราะห์มาเชื่อมแปะทับเพื่อเพิ่มพื้นที่และมีการใช้ผงอะ คริลิกผสมน้ำยาทาทับบนแผ่นเล็บให้หนาขึ้นพอที่จะแกะสลักลวดลายให้พิสดาร ประดับด้วย ทอง เพชร พลอย การตกแต่งเล็บมักนิยมขูดแผ่นเล็บจริงให้เรียบ จำเป็นต้องใช้กาวพิเศษกลุ่มอะคริลิกโพลิเมอร์เพื่อให้การยึดสิ่งซึ่งจะมา ประดับแน่นหนาเพิ่มขึ้น วัสดุซึ่งปิดทับเล็บจะขัดขวางการระเหยของน้ำของแผ่นเล็บ ทำให้แผ่นเล็บนิ่มและน้ำที่ขังในแผ่นเล็บยังละลายกาวให้ดูดซึมเข้าใต้แผ่น เล็บได้ กาวจะทำลายเนื้อเล็บแบบถาวรได้ ซึ่งหมอเจอคนไข้รายหนึ่งมาพบด้วยสาเหตุนี้ จนเล็บหลุดไป อย่างไรก็ตามมีความพยายามที่จะเปลี่ยนชนิดของกาวที่ใช้ให้ปลอดภัยขึ้น แต่ก็มีรายงานการแพ้แบบรุนแรงอยู่เช่นเดิมในคนไข้บางคน
ท้ายนี้คง ต้องบอกว่า การดูแลเล็บแบบถูกต้องก็คงเพียงแค่ตัดเล็บให้สั้น เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด อาจใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดผิวเล็บที่สกปรก ไม่ควรตัดหรือขัดถูผิวหนังรอบเล็บเพราะจะกระตุ้นให้หนังหนาแข็งได้ แผ่นเล็บอาจแสดงถึงสุขภาพทั่วไปซึ่งจะเสื่อมไปตามวัย แผ่นเล็บอาจขุ่น ผิวเล็บอาจขรุขระก็ต้องทำใจรับธรรมชาติ ส่วนการตกแต่งเล็บก็ควรทำแค่พองาม เพราะถ้าเกินงามอาจสูญเสียเล็บแบบถาวรได้.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
การแพ้ยาทาเล็บในบางรายอาจพบรอยผื่นแดงในบริเวณรอบเล็บ
แพ้สีทาเล็บ
ปัจจุบัน สาว ๆหลายคนนิยมทำเล็บ ตกแต่งเล็บ ต่อเล็บ หรือเพนท์เล็บ ให้มีสีสันสวยงาม ซึ่งส่วนใหญ่ทำแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีบางคนที่ทำเล็บแล้วอาจมีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นตามมาได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า เล็บ คือ สารเคอราติน อัดเป็นแผ่นเรียบคลุมปลายนิ้ว มีพื้นที่แต่ละเล็บประมาณ 1-1.5 ตารางเซนติเมตร แผ่นเล็บจะโปร่งแสงจึงมองเห็นเม็ดเลือดแดงเป็นสีชมพูใต้เล็บ ในภาวะวิกฤติแพทย์ใช้สีเล็บประเมินระบบไหลเวียนของโลหิต จึงแนะนำให้ผู้ป่วยล้างยาทาเล็บออกเมื่อรับไว้เป็นผู้ป่วยภายใน
ปัจจุบัน ธุรกิจความงามบนแผ่นเล็บของสหรัฐมีมูลค่าสูงถึงปีละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่กระแสตามผู้นำของโลกเช่นกัน จึงพบศูนย์บริการแต่งเล็บเกิดขึ้นหลายแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
แต่เดิมการตกแต่งเล็บจะใช้ยา ทาเล็บแต่งสี จากเคยนิยมสีชมพูเลียนแบบสีธรรมชาติเพื่อแสดงว่าสุขภาพสมบูรณ์ ปัจจุบันสียาทาเล็บเปลี่ยนเป็นสีเข้มคล้ายสีเล็บของผู้เจ็บป่วยใกล้ตาย เช่น สีฟ้า สีม่วง การตัดแต่งเล็บก็เปลี่ยนไปตามกระแสนิยม ปลายเล็บรูปรีแหลมก็เปลี่ยนเป็น ตัดตรงเหลี่ยม การตัดหนังรอบเล็บเพื่อให้ผิวเล็บเพิ่มมากขึ้น ในระยะโรคเอดส์เริ่มระบาดหลายคนเลิกทำเล็บเพราะเกรงว่าเครื่องมือไม่สะอาดพอ แต่ความกลัวได้จางหายไป การตกแต่งเล็บจึงกลับมานิยม อีกครั้ง
ขั้น ตอนการทาเล็บจะต้องทำความสะอาดเล็บด้วยสารอะซีโตน ซึ่งสารนี้เมื่อใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เล็บขาดความเงางาม เนื้อเล็บจะขุ่นและเปราะบางหลังทำความสะอาดจึงใช้น้ำยาทาเล็บทาทับหลายชั้น เพื่อให้ผิวเล็บเรียบ ยาทาเล็บประกอบด้วยสารหลายชนิดที่สำคัญ คือ ไนโตรเซลลูโลส โทลูอีน ซัลโฟนามายด์ ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซิน หรือ ทีเอสเอฟ อาร์ (toluene sulfonamide-formaldehyde resin : TSFR) และพลาสติไซเซอร์ ซึ่งเมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มใสวาวเรียบเคลือบเล็บ
สีที่ผสมในยาทา เล็บจะต้องใช้ชนิดไม่ละลายเข้าในเนื้อเล็บ ในยาทาเล็บมักมีสารฟอร์มาลิน เจืออยู่ เพื่อเพิ่มความแข็งของเล็บ สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ สำหรับยาทาเล็บแบบสีมุก จะผสมด้วยผงกวานีน ซึ่งได้จากเกล็ดปลา อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางราย
แต่ส่วนใหญ่การแพ้ยาทาเล็บจะไม่มีผื่นบริเวณรอบเล็บเพราะในขณะทาเล็บผู้ทา ต้องระมัดระวังไม่ให้ยาทาเล็บโดนผิวหนัง ดังนั้นรอยผื่นแพ้ยาทาเล็บมีลักษณะรอยแดงเป็นทางยาวพบในบริเวณใบหน้า หนังตา แก้ม รอบปาก ด้านข้างของคอ หรือบริเวณหน้าอก เพราะในขณะรอให้ยาทาเล็บแห้งเจ้าของมืออาจขยับทำกิจกรรมต่าง ๆ น้ำยาทาเล็บที่ยังไม่แห้งสนิทจึงสัมผัสผิวหนังในบริเวณดังกล่าว ยาทาเล็บเมื่อแห้งสนิทจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ สารที่แพ้คือสารเคลือบเล็บ
การ ตกแต่งเล็บกำลังพัฒนาเป็นการสร้างประติมากรรมขนาดย่อม มีการใช้แผ่นเล็บสังเคราะห์มาเชื่อมแปะทับเพื่อเพิ่มพื้นที่และมีการใช้ผงอะ คริลิกผสมน้ำยาทาทับบนแผ่นเล็บให้หนาขึ้นพอที่จะแกะสลักลวดลายให้พิสดาร ประดับด้วย ทอง เพชร พลอย การตกแต่งเล็บมักนิยมขูดแผ่นเล็บจริงให้เรียบ จำเป็นต้องใช้กาวพิเศษกลุ่มอะคริลิกโพลิเมอร์เพื่อให้การยึดสิ่งซึ่งจะมา ประดับแน่นหนาเพิ่มขึ้น วัสดุซึ่งปิดทับเล็บจะขัดขวางการระเหยของน้ำของแผ่นเล็บ ทำให้แผ่นเล็บนิ่มและน้ำที่ขังในแผ่นเล็บยังละลายกาวให้ดูดซึมเข้าใต้แผ่น เล็บได้ กาวจะทำลายเนื้อเล็บแบบถาวรได้ ซึ่งหมอเจอคนไข้รายหนึ่งมาพบด้วยสาเหตุนี้ จนเล็บหลุดไป อย่างไรก็ตามมีความพยายามที่จะเปลี่ยนชนิดของกาวที่ใช้ให้ปลอดภัยขึ้น แต่ก็มีรายงานการแพ้แบบรุนแรงอยู่เช่นเดิมในคนไข้บางคน
ท้ายนี้คง ต้องบอกว่า การดูแลเล็บแบบถูกต้องก็คงเพียงแค่ตัดเล็บให้สั้น เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด อาจใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดผิวเล็บที่สกปรก ไม่ควรตัดหรือขัดถูผิวหนังรอบเล็บเพราะจะกระตุ้นให้หนังหนาแข็งได้ แผ่นเล็บอาจแสดงถึงสุขภาพทั่วไปซึ่งจะเสื่อมไปตามวัย แผ่นเล็บอาจขุ่น ผิวเล็บอาจขรุขระก็ต้องทำใจรับธรรมชาติ ส่วนการตกแต่งเล็บก็ควรทำแค่พองาม เพราะถ้าเกินงามอาจสูญเสียเล็บแบบถาวรได้.
นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
04 กันยายน 2552
ปวดเมื่อยมหันตภัยร้าย ภัยของทุกวัยในสังคม
ปวดเมื่อยมหันตภัยร้าย ภัยของทุกวัยในสังคม
นั่งทำงานหลายชั่วโมง ร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด
ปัจจุบันวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยใหม่ ตั้งแต่วัยเด็กเล็กไปจนถึงวัยเกษียณอายุ ล้วนแล้วแต่ประสบกับปัญหาความเมื่อยล้าอันเนื่องมาจากการใช้กล้ามเนื้อจน เกินไป ไม่ว่าจะเป็นต้องนั่งหลังคดหลังแข็งท่องหนังสือ นั่งทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ฯลฯ จนร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด
คุณเพ็ญพิชชา กร แสนคำ นักกายภาพประจำสถาบันปรับโครงสร้างอริยะ กล่าวว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้จะมีโรคภัยไข้เจ็บง่ายเพราะเอาแต่เรียนไม่มีกิจกรรมอื่น เสริมเหมือนในสมัยก่อน เพราะเด็กมีความยืดหยุ่นดีจึงทำให้เขามีอาการที่ไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่จะเห็นได้ชัดในวัยเด็กก็คือ ความผิดปกติของโครงสร้างร่างกายหรือ ความผิดปกติของระบบกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้รบกวนพัฒนาการของเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังค่อม หลังคด อ้วน หลังแอ่น เหล่านี้พ่อแม่หลายท่านอาจจะไม่ได้นึกถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในอนาคต แต่จะกังวลเรื่องบุคลิกภาพ เกรงว่าเมื่อโตขึ้นจะทำให้บุคลิกภาพไม่ดี โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เมื่อย่างเข้าวัยสาวก็จะทำให้มีปัญหาได้ เด็กบางคนมีความผิดปกติจนถึงขั้น สะโพกเอียงไปข้างหนึ่ง หรือหลังไหล่ค่อมจนทำให้ดูไม่สูงก็มี ซึ่งหากดูแลโครงสร้างร่างกายให้ดี ปรับโครงสร้างร่างกายในเด็กกลุ่มนี้แล้วจะทำให้เขามีบุคลิกที่ดีขึ้น ตัวสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างร่างกาย (แรงอัดในช่องว่างกระดูกสันหลังน้อยลง) และที่สำคัญที่สุดเมื่อเขาโตขึ้นอยู่ในวัยทำงานเขาก็จะสามารถทำงานและเป็น ผู้ใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนวัยทำงานเป็นวัยที่ต้องใช้ร่าง กายหนักมากที่สุด จนในที่สุด เกิดโรคใหม่ของคนวันทำงาน ที่เรียกว่า Office Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่หนักมากเกินไป ใช้ร่างกายอยู่ในท่าเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ซ้ำๆกัน วันหนึ่งหลายชั่วโมง และต่อเนื่องกันมานานหลายปี รวมถึงไม่ได้ดูแลร่างกายอย่างถูกต้องจึงก่อให้เกิดปัญหาตามมาเช่น โรคปวดหลัง,ปวดคอ,หมอนรองกระดูกเคลื่อน/ทรุด/และเสื่อมก่อนวัยอันควร ,อ่อนแรง-ชาตามมือ/แขน/ขา ฯลฯ โดยปกติอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนหากคุณไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แล้ว นอกจากจะกลายเป็นอาการเรื้อรังรักษาไม่หาย ก็อาจทำให้เป็นโรคร้ายได้ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจถึงขั้นอัมพฤกษ์อัมพาตก็ได้
ด้าน ผู้สูงอายุทั้งหลาย ที่พบได้บ่อย คือ การปวดเมื่อยตามร่างกาย อันเนื่องมาจากร่างกายมีความเสื่อมอยู่แล้วแต่หากความเสื่อมนั้นเข้ามารุม เร้าก่อนวัยอันควรก็จะทำให้เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันมาก รวมถึงมีผลกระทบกับคนรอบข้างอีกด้วยเพราะถ้าต้องเป็นภาระของคนอื่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ตามมาด้วย
ในทางของธรรมชาติบำบัดบอกไว้ว่า ความเจ็บปวดและอาการต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกที่ร่างกายแสดงออกมาให้เรารับรู้นั้นเป็นสัญญาณเตือนภัย ที่จะบอกเราว่าเราเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ความเมื่อยล้าหรืออาการปวดเมื่อยก็เช่นเดียวกันเป็นสัญญาณอย่างถึงที่บ่งบอก ไปถึงความผิดปกติของระบบกระดูกกล้ามเนื้อ ซึ่งระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตหนึ่ง ชีวิต นั่นคือ ระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นทางผ่านของระบบเส้นประสาท เลือด น้ำเหลือง ฯลฯ ซึ่งสมองเป็นตัวสั่งการให้ร่างกายทุกส่วนทำงานอย่างเป็นปกติ ส่งผ่านทุกหน่วยย่อยของเส้นประสาท เซลล์จะได้รับอาหารและถ่ายเทของเสียโดยผ่าน ระบบเลือด/น้ำเหลือง ซึ่งผ่านไปตามแนวของกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าร่างกายคนเราจะทำงานให้เต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อระบบ กระดูกกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียน ต้องอยู่ภายใต้ระบบกระดูกกล้ามเนื้อที่สมดุลและแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน
สิ่ง หนึ่งที่แน่นอนว่าจะเป็นทางออกของปัญหาดังกล่าว ก็คือ การรู้จักดูแลป้องกันตัวเองก่อนที่ตนเองก่อนจะสายเกินไป นั่นคือ การปรับโครงสร้างร่างกายเป็นการปรับสภาวะของระบบกระดูกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสมดุลกัน กระดูกวางตัวอยู่ในความโค้งที่ปกติ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อมีความแข็งแรงทนทานเพียงพอต่อการใช้งานในไลฟท์สไตล์ ของแต่ละคน
นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างร่างกายยังรวมถึงการอยู่ในท่าทางและอิริยาบถที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการทำงาน การเดิน การยืน การนั่ง การนอน ฯลฯ เช่นการนอนที่เหมาะสมที่สุดคือนอนหงายมีหมอนรองใต้ข้อเข่า การยืนควรยืนลงน้ำหนักให้เท้าสองข้างลงน้ำหนักเท่าๆ กัน การนั่งไม่ควรนั่งไขว้ห้าง หรือนั่งเท้าแขน ควรเลื่อนก้นให้ชิดพนักพิง ยืดลำตัวตรง หากต้องนั่งทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ควรมีช่วงพัก เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ยืดกล้ามเนื้อบ้าง ฯลฯ
สำหรับผู้สนใจเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ ตึกคิว เฮ้าส์ ลุมพินี โทร.02-677-7166
นั่งทำงานหลายชั่วโมง ร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด
ปัจจุบันวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยใหม่ ตั้งแต่วัยเด็กเล็กไปจนถึงวัยเกษียณอายุ ล้วนแล้วแต่ประสบกับปัญหาความเมื่อยล้าอันเนื่องมาจากการใช้กล้ามเนื้อจน เกินไป ไม่ว่าจะเป็นต้องนั่งหลังคดหลังแข็งท่องหนังสือ นั่งทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ฯลฯ จนร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด
คุณเพ็ญพิชชา กร แสนคำ นักกายภาพประจำสถาบันปรับโครงสร้างอริยะ กล่าวว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้จะมีโรคภัยไข้เจ็บง่ายเพราะเอาแต่เรียนไม่มีกิจกรรมอื่น เสริมเหมือนในสมัยก่อน เพราะเด็กมีความยืดหยุ่นดีจึงทำให้เขามีอาการที่ไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่จะเห็นได้ชัดในวัยเด็กก็คือ ความผิดปกติของโครงสร้างร่างกายหรือ ความผิดปกติของระบบกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้รบกวนพัฒนาการของเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังค่อม หลังคด อ้วน หลังแอ่น เหล่านี้พ่อแม่หลายท่านอาจจะไม่ได้นึกถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในอนาคต แต่จะกังวลเรื่องบุคลิกภาพ เกรงว่าเมื่อโตขึ้นจะทำให้บุคลิกภาพไม่ดี โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เมื่อย่างเข้าวัยสาวก็จะทำให้มีปัญหาได้ เด็กบางคนมีความผิดปกติจนถึงขั้น สะโพกเอียงไปข้างหนึ่ง หรือหลังไหล่ค่อมจนทำให้ดูไม่สูงก็มี ซึ่งหากดูแลโครงสร้างร่างกายให้ดี ปรับโครงสร้างร่างกายในเด็กกลุ่มนี้แล้วจะทำให้เขามีบุคลิกที่ดีขึ้น ตัวสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างร่างกาย (แรงอัดในช่องว่างกระดูกสันหลังน้อยลง) และที่สำคัญที่สุดเมื่อเขาโตขึ้นอยู่ในวัยทำงานเขาก็จะสามารถทำงานและเป็น ผู้ใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนวัยทำงานเป็นวัยที่ต้องใช้ร่าง กายหนักมากที่สุด จนในที่สุด เกิดโรคใหม่ของคนวันทำงาน ที่เรียกว่า Office Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่หนักมากเกินไป ใช้ร่างกายอยู่ในท่าเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ซ้ำๆกัน วันหนึ่งหลายชั่วโมง และต่อเนื่องกันมานานหลายปี รวมถึงไม่ได้ดูแลร่างกายอย่างถูกต้องจึงก่อให้เกิดปัญหาตามมาเช่น โรคปวดหลัง,ปวดคอ,หมอนรองกระดูกเคลื่อน/ทรุด/และเสื่อมก่อนวัยอันควร ,อ่อนแรง-ชาตามมือ/แขน/ขา ฯลฯ โดยปกติอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนหากคุณไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แล้ว นอกจากจะกลายเป็นอาการเรื้อรังรักษาไม่หาย ก็อาจทำให้เป็นโรคร้ายได้ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจถึงขั้นอัมพฤกษ์อัมพาตก็ได้
ด้าน ผู้สูงอายุทั้งหลาย ที่พบได้บ่อย คือ การปวดเมื่อยตามร่างกาย อันเนื่องมาจากร่างกายมีความเสื่อมอยู่แล้วแต่หากความเสื่อมนั้นเข้ามารุม เร้าก่อนวัยอันควรก็จะทำให้เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันมาก รวมถึงมีผลกระทบกับคนรอบข้างอีกด้วยเพราะถ้าต้องเป็นภาระของคนอื่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ตามมาด้วย
ในทางของธรรมชาติบำบัดบอกไว้ว่า ความเจ็บปวดและอาการต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกที่ร่างกายแสดงออกมาให้เรารับรู้นั้นเป็นสัญญาณเตือนภัย ที่จะบอกเราว่าเราเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ความเมื่อยล้าหรืออาการปวดเมื่อยก็เช่นเดียวกันเป็นสัญญาณอย่างถึงที่บ่งบอก ไปถึงความผิดปกติของระบบกระดูกกล้ามเนื้อ ซึ่งระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตหนึ่ง ชีวิต นั่นคือ ระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นทางผ่านของระบบเส้นประสาท เลือด น้ำเหลือง ฯลฯ ซึ่งสมองเป็นตัวสั่งการให้ร่างกายทุกส่วนทำงานอย่างเป็นปกติ ส่งผ่านทุกหน่วยย่อยของเส้นประสาท เซลล์จะได้รับอาหารและถ่ายเทของเสียโดยผ่าน ระบบเลือด/น้ำเหลือง ซึ่งผ่านไปตามแนวของกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าร่างกายคนเราจะทำงานให้เต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อระบบ กระดูกกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียน ต้องอยู่ภายใต้ระบบกระดูกกล้ามเนื้อที่สมดุลและแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน
สิ่ง หนึ่งที่แน่นอนว่าจะเป็นทางออกของปัญหาดังกล่าว ก็คือ การรู้จักดูแลป้องกันตัวเองก่อนที่ตนเองก่อนจะสายเกินไป นั่นคือ การปรับโครงสร้างร่างกายเป็นการปรับสภาวะของระบบกระดูกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสมดุลกัน กระดูกวางตัวอยู่ในความโค้งที่ปกติ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อมีความแข็งแรงทนทานเพียงพอต่อการใช้งานในไลฟท์สไตล์ ของแต่ละคน
นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างร่างกายยังรวมถึงการอยู่ในท่าทางและอิริยาบถที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการทำงาน การเดิน การยืน การนั่ง การนอน ฯลฯ เช่นการนอนที่เหมาะสมที่สุดคือนอนหงายมีหมอนรองใต้ข้อเข่า การยืนควรยืนลงน้ำหนักให้เท้าสองข้างลงน้ำหนักเท่าๆ กัน การนั่งไม่ควรนั่งไขว้ห้าง หรือนั่งเท้าแขน ควรเลื่อนก้นให้ชิดพนักพิง ยืดลำตัวตรง หากต้องนั่งทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ควรมีช่วงพัก เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ยืดกล้ามเนื้อบ้าง ฯลฯ
สำหรับผู้สนใจเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ ตึกคิว เฮ้าส์ ลุมพินี โทร.02-677-7166
03 กันยายน 2552
สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด
สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงกลุ้มใจ แถมยังมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย 3 เท่าเลยทีเดียว!
เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) หรือ Spider Vein เป็น
เส้น เลือดขอดมักเกิดตามผิวของขาตั้งแต่บริเวณตาตุ่มขึ้นไปจนถึงขาหนีบด้านใน พบบ่อยบริเวณน่อง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องใช้ขารับน้ำหนักตัวมาก คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ คนที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ หรือคนที่ต้องยืนนานๆ เกิดเมื่อถึงวัยชรา เกิดจากกรรมพันธุ์ มีความผิดปกติของหลอดเลือดดำ-แดงที่ขา อักเสบอุดตัน หรือบางคนโชคไม่ดีอาจมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรืออุ้งเชิงกรานไปกดหลอดเลือดดำ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดเส้น เลือดขอด ดูเหมือนเส้นเลือดโป่งพองเห็นเป็นสีคล้ำเขียว-แดง และมีความยาวคดเคี้ยวขยุกขยิก เกิดจากการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณขา ที่ปกติจะถูกบีบให้ไหลขึ้นสู่หัวใจโดยอาศัยแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อบริเวณขา ภายในหลอดเลือดดำจะมีลิ้นเล็กๆ อยู่ภายในๆ คอยกั้นเป็นช่วงๆ ไม่ให้เลือดย้อนกลับไปที่เท้า แต่เมื่อระบบไหลเวียนของเลือดทำงานไม่สะดวก ทำให้หลอดเลือดของขาขยายตัวกว้างขึ้นพลอยดึงให้ลิ้นถ่างออก เมื่อลิ้นไม่อาจปิดได้สนิทเลือดก็ทะลักไหลย้อนลงมาคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำของ ขาบริเวณใกล้ผิวหนัง โดยอาการของเส้นเลือดขอดมีตั้งแต่เป็นน้อยๆ ไปจนเรียกว่าระยะรุนแรง คือผิวหนังบริเวณที่มีเส้นเลือดขอดแตกเป็นแผลอักเสบเรื้อรังมีน้ำเหลือง รักษาหายยาก และอาจมีเลือดออกรุนแรง
และหากจะพิจารณาถึงอาชีพของ ผู้หญิงที่เสี่ยงเกิดเส้นเลือดขอดก็มักเป็นคุณครู นางพยาบาล แอร์โฮสเตส พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางและสาวออฟฟิศ ซึ่งด้วยหน้าที่การงานมีรายละเอียดทำให้เข้าข่ายเสี่ยงดังนี้
คุณครู หรือที่เราเปรียบเทียบว่าเป็น เรือจ้าง เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะทางด้านสมอง กายและใจไปพร้อมๆ กัน นั่นคือการพูด-การเขียนอธิบายและถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ต้องยืนสอนหน้า ชั้นเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง ซึ่งอาชีพครูบ้านเราต้องใส่ชุดฟอร์มที่ทางโรงเรียนจัดให้ หรือไม่ก็ต้องแต่งกายเรียบร้อย ใส่ถุงน่องและรองเท้าส้นสูง อันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้ง่าย
นางพยาบาล เป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ทักษะการบริการทางการแพทย์ไปพร้อมๆ กับใจที่รักการบริการ ความรับผิดชอบของนางพยาบาลบ้านเรานั้นมีตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยแพทย์ระหว่าง การตรวจรักษา การเดินดูแลพยาบาคนป่วย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย งานเดินเอกสาร ฯลฯ ดังนั้นอาชีพนี้จึงต้องอาศัยความอดทนและคล่องตัวสูง ทำให้เท้าต้องรับน้ำหนักตัวตลอดวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางพยาบาลหลายคนใส่ผ้ายืดหรือ support รัดน่องเพื่อป้องกันไว้ก่อน
แอร์โฮสเตส เป็นอาชีพ หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากจากสาวๆ ในปัจจุบัน เพราะแรงจูงใจในเรื่องของค่าตอบแทนและโอกาสท่องเที่ยว แต่อาชีพนางฟ้าก็ต้องแลกกับการยืนและเดินนานๆ เพื่อดูแลผู้โดยสารตลอดชั่วโมงบิน และที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภาวะความดันทางอากาศจากการขึ้น-ลงเครื่องบินเป็น ประจำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดมากกว่าอาชีพอื่นๆ ทางป้องกันที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนรองเท้าส้นเตี้ยขณะบริการเสิร์ฟอาหารแก่ผู้โดยสาร หมั่นเดินไปมาเพื่อเพิ่มระบบหมุนเวียนโลหิต และควรใส่ถุงน่องที่รัดและกระชับใต้เข่า
พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า / พนักงานต้อนรับ การยืนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอาชีพนี้ก็ว่าได้ เนื่องจากการยืนหมายถึง ความพร้อมและความเต็มใจของพนักงานที่จะให้บริการ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า โดยเฉลี่ยแล้วอาจจะต้องยืนติดต่อกันประมาณ 6-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว!
พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง นอกจากจะต้องสูดดมควันจากท่อไอเสีย และอยู่ในสภาพที่มีคนแออัดตลอดเวลา ก็ยังต้องเดินและยืนเก็บค่าโดยสารตลอดสายครั้งละหลายชั่วโมง แถมยังต้องทรงตัวให้ดีเมื่อยามรถจอดหรือเบรกอีกต่างหาก
สาวออฟฟิศ ฟังดูแล้วเป็นอาชีพที่เสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอดน้อยที่สุด แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การที่นั่งโต๊ะนานๆ ด้วยการนั่งไขว่ห้างนี้เอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด หรือสาวออฟฟิศบางคนชะล่าใจคิดว่าตนเองไม่ต้องยืนเป็นเวลานานๆ ก็ใส่ร้องเท้าส้นสูงรับกับกระแสแฟชั่น แต่กลับลืมไปว่าบางครั้งก็ต้องเดินไปมาเพื่อติดต่อเอกสารหรือฝ่ายต่างๆ ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดแบบไม่รู้ตัวก็มี
ทั้งนี้หากว่าคุณมี เส้นเลือดขอดก็อย่าเพิ่งตระหนก เพราะหากคุณไม่มีอาการปวดหรือบวมร่วมก็อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็ ป้องกันและบรรเทาได้ หรือสำหรับคนที่มีอาการปวดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมากจนรักษาไม่ได้ เพราะปัจจุบันเรามีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดที่เหมาะต่ออาการของแต่ละ คน
วิธีป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด
# ถ้าคุณเป็นคนอ้วนควรลดน้ำหนักเป็นอันดับแรก เพื่อลดแรงกดน้ำหนักลงที่เท้าและขา
# หลีก เลี่ยงการยืน หรือการนั่งเฉยๆ หรือนั่งไขว่ขาเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อไม่บีบตัวไล่เลือด ในกรณีที่อาชีพการงานบังคับต้องอาศัยการออกกำลังกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อน่อง และขา โดยการเขย่งปลายเท้าขึ้นและลง หรือการบีบและคลายนิ้วเท้าทุกครึ่งชั่วโมง และพอถึงช่วงที่ได้นั่งพัก ให้ถอดรองเท้าส้นสูงออก นั่งลงบนเก้าอี้ หลังตรงและยกขาขึ้นหนึ่งข้างให้สูงระดับสะโพกและหมุนข้อเท้าเป็นวงกลมไปมา จากนั้นให้งุ้มเท้าชี้ขึ้นและลง จากนั้นทำสลับอีกข้าง
# หลีก เลี่ยงการใส่ถุงเท้ายาวหรือถุงน่องที่รัดเหนือเข่า ซึ่งทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดไหลไม่สะดวก ในกรณีที่จำเป็นต้องสวมถุงเท้าหรือถุงน่อง ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น และเลือกแบบที่ขอบถุงเท้าหรือถุงน่องรัดห่างใต้เข่าประมาณ 2 นิ้ว
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ส่วน ใหญ่แพทย์แนะนำเพื่อบรรเทาอาการปวด บวมมากกว่าเรื่องของความสวยงาม ซึ่งในกรณีที่เป็นเส้นเลือดขอดไม่มาก สามารถใช้ครีมนวดรักษาหรือบรรเทาได้ แต่กรณีที่มีอาการปวด แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำที่ขอด เพื่อสลายหลอดเลือดที่แข็งตัวและตีบตันให้ไหลเวียนไปสู่หลอดเลือดอื่นบริเวณ รอบๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาที่หายขาดภายในครั้งเดียวอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้งหาก เป็นมาก และไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยหลังการรักษาจำเป็นต้องสวมผ้ารัดหรือถุงน่องเพื่อบีบให้ผนังหลอดเลือด กระชับ จนกว่าบริเวณที่ฉีดยาจะบวมน้อยลง และเวลานอนพักต้องใช้หมอนหนุนยกระดับเข่าให้สูงกว่าสะโพก และปลายเท้าสูงกว่าระดับเข่า
การรักษาแบบผ่าตัด
เป็น การผ่าตัดในกรณีที่เส้นเลือดขอดเกิดภาวะอุดตันภายในหลอดเลือด และอาจส่งผลอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ โดยแพทย์จะให้ยาชาก่อนการผ่าตัดและใช้เครื่องมือเข้าไปผูกเส้นเลือดที่ขอด แล้วดึงหลอดเลือดดำที่ขอดออกเป็นบางส่วน หรือการผ่าดึงหลอดเลือดดำที่ขอดทั้งเส้น โดยหลังการผ่าตัดจะมีอาการเท้าบวม มีเลือดออกหรือเจ็บแผล และจำเป็นต้องใส่ผ้ารัดหรือถุงน่องพยุงต่อประมาณ 6 ถึง 8 สัปดาห์
การรักษาเส้นเลือดขอดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่เกิดเส้นเลือดขอดใหม่ 100% และแพทย์อาจให้การรักษามากกว่า 1 วิธีร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาให้ได้ผลดีมากที่สุด และที่สำคัญบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดมีอาการปวดหรือบวม คุณควรไปปรึกษาแพทย์ทันที
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงกลุ้มใจ แถมยังมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย 3 เท่าเลยทีเดียว!
เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) หรือ Spider Vein เป็น
เส้น เลือดขอดมักเกิดตามผิวของขาตั้งแต่บริเวณตาตุ่มขึ้นไปจนถึงขาหนีบด้านใน พบบ่อยบริเวณน่อง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องใช้ขารับน้ำหนักตัวมาก คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ คนที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ หรือคนที่ต้องยืนนานๆ เกิดเมื่อถึงวัยชรา เกิดจากกรรมพันธุ์ มีความผิดปกติของหลอดเลือดดำ-แดงที่ขา อักเสบอุดตัน หรือบางคนโชคไม่ดีอาจมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรืออุ้งเชิงกรานไปกดหลอดเลือดดำ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดเส้น เลือดขอด ดูเหมือนเส้นเลือดโป่งพองเห็นเป็นสีคล้ำเขียว-แดง และมีความยาวคดเคี้ยวขยุกขยิก เกิดจากการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณขา ที่ปกติจะถูกบีบให้ไหลขึ้นสู่หัวใจโดยอาศัยแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อบริเวณขา ภายในหลอดเลือดดำจะมีลิ้นเล็กๆ อยู่ภายในๆ คอยกั้นเป็นช่วงๆ ไม่ให้เลือดย้อนกลับไปที่เท้า แต่เมื่อระบบไหลเวียนของเลือดทำงานไม่สะดวก ทำให้หลอดเลือดของขาขยายตัวกว้างขึ้นพลอยดึงให้ลิ้นถ่างออก เมื่อลิ้นไม่อาจปิดได้สนิทเลือดก็ทะลักไหลย้อนลงมาคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำของ ขาบริเวณใกล้ผิวหนัง โดยอาการของเส้นเลือดขอดมีตั้งแต่เป็นน้อยๆ ไปจนเรียกว่าระยะรุนแรง คือผิวหนังบริเวณที่มีเส้นเลือดขอดแตกเป็นแผลอักเสบเรื้อรังมีน้ำเหลือง รักษาหายยาก และอาจมีเลือดออกรุนแรง
และหากจะพิจารณาถึงอาชีพของ ผู้หญิงที่เสี่ยงเกิดเส้นเลือดขอดก็มักเป็นคุณครู นางพยาบาล แอร์โฮสเตส พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางและสาวออฟฟิศ ซึ่งด้วยหน้าที่การงานมีรายละเอียดทำให้เข้าข่ายเสี่ยงดังนี้
คุณครู หรือที่เราเปรียบเทียบว่าเป็น เรือจ้าง เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะทางด้านสมอง กายและใจไปพร้อมๆ กัน นั่นคือการพูด-การเขียนอธิบายและถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ต้องยืนสอนหน้า ชั้นเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง ซึ่งอาชีพครูบ้านเราต้องใส่ชุดฟอร์มที่ทางโรงเรียนจัดให้ หรือไม่ก็ต้องแต่งกายเรียบร้อย ใส่ถุงน่องและรองเท้าส้นสูง อันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้ง่าย
นางพยาบาล เป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ทักษะการบริการทางการแพทย์ไปพร้อมๆ กับใจที่รักการบริการ ความรับผิดชอบของนางพยาบาลบ้านเรานั้นมีตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยแพทย์ระหว่าง การตรวจรักษา การเดินดูแลพยาบาคนป่วย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย งานเดินเอกสาร ฯลฯ ดังนั้นอาชีพนี้จึงต้องอาศัยความอดทนและคล่องตัวสูง ทำให้เท้าต้องรับน้ำหนักตัวตลอดวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางพยาบาลหลายคนใส่ผ้ายืดหรือ support รัดน่องเพื่อป้องกันไว้ก่อน
แอร์โฮสเตส เป็นอาชีพ หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากจากสาวๆ ในปัจจุบัน เพราะแรงจูงใจในเรื่องของค่าตอบแทนและโอกาสท่องเที่ยว แต่อาชีพนางฟ้าก็ต้องแลกกับการยืนและเดินนานๆ เพื่อดูแลผู้โดยสารตลอดชั่วโมงบิน และที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภาวะความดันทางอากาศจากการขึ้น-ลงเครื่องบินเป็น ประจำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดมากกว่าอาชีพอื่นๆ ทางป้องกันที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนรองเท้าส้นเตี้ยขณะบริการเสิร์ฟอาหารแก่ผู้โดยสาร หมั่นเดินไปมาเพื่อเพิ่มระบบหมุนเวียนโลหิต และควรใส่ถุงน่องที่รัดและกระชับใต้เข่า
พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า / พนักงานต้อนรับ การยืนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอาชีพนี้ก็ว่าได้ เนื่องจากการยืนหมายถึง ความพร้อมและความเต็มใจของพนักงานที่จะให้บริการ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า โดยเฉลี่ยแล้วอาจจะต้องยืนติดต่อกันประมาณ 6-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว!
พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง นอกจากจะต้องสูดดมควันจากท่อไอเสีย และอยู่ในสภาพที่มีคนแออัดตลอดเวลา ก็ยังต้องเดินและยืนเก็บค่าโดยสารตลอดสายครั้งละหลายชั่วโมง แถมยังต้องทรงตัวให้ดีเมื่อยามรถจอดหรือเบรกอีกต่างหาก
สาวออฟฟิศ ฟังดูแล้วเป็นอาชีพที่เสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอดน้อยที่สุด แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การที่นั่งโต๊ะนานๆ ด้วยการนั่งไขว่ห้างนี้เอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด หรือสาวออฟฟิศบางคนชะล่าใจคิดว่าตนเองไม่ต้องยืนเป็นเวลานานๆ ก็ใส่ร้องเท้าส้นสูงรับกับกระแสแฟชั่น แต่กลับลืมไปว่าบางครั้งก็ต้องเดินไปมาเพื่อติดต่อเอกสารหรือฝ่ายต่างๆ ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดแบบไม่รู้ตัวก็มี
ทั้งนี้หากว่าคุณมี เส้นเลือดขอดก็อย่าเพิ่งตระหนก เพราะหากคุณไม่มีอาการปวดหรือบวมร่วมก็อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็ ป้องกันและบรรเทาได้ หรือสำหรับคนที่มีอาการปวดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมากจนรักษาไม่ได้ เพราะปัจจุบันเรามีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดที่เหมาะต่ออาการของแต่ละ คน
วิธีป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด
# ถ้าคุณเป็นคนอ้วนควรลดน้ำหนักเป็นอันดับแรก เพื่อลดแรงกดน้ำหนักลงที่เท้าและขา
# หลีก เลี่ยงการยืน หรือการนั่งเฉยๆ หรือนั่งไขว่ขาเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อไม่บีบตัวไล่เลือด ในกรณีที่อาชีพการงานบังคับต้องอาศัยการออกกำลังกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อน่อง และขา โดยการเขย่งปลายเท้าขึ้นและลง หรือการบีบและคลายนิ้วเท้าทุกครึ่งชั่วโมง และพอถึงช่วงที่ได้นั่งพัก ให้ถอดรองเท้าส้นสูงออก นั่งลงบนเก้าอี้ หลังตรงและยกขาขึ้นหนึ่งข้างให้สูงระดับสะโพกและหมุนข้อเท้าเป็นวงกลมไปมา จากนั้นให้งุ้มเท้าชี้ขึ้นและลง จากนั้นทำสลับอีกข้าง
# หลีก เลี่ยงการใส่ถุงเท้ายาวหรือถุงน่องที่รัดเหนือเข่า ซึ่งทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดไหลไม่สะดวก ในกรณีที่จำเป็นต้องสวมถุงเท้าหรือถุงน่อง ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น และเลือกแบบที่ขอบถุงเท้าหรือถุงน่องรัดห่างใต้เข่าประมาณ 2 นิ้ว
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ส่วน ใหญ่แพทย์แนะนำเพื่อบรรเทาอาการปวด บวมมากกว่าเรื่องของความสวยงาม ซึ่งในกรณีที่เป็นเส้นเลือดขอดไม่มาก สามารถใช้ครีมนวดรักษาหรือบรรเทาได้ แต่กรณีที่มีอาการปวด แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำที่ขอด เพื่อสลายหลอดเลือดที่แข็งตัวและตีบตันให้ไหลเวียนไปสู่หลอดเลือดอื่นบริเวณ รอบๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาที่หายขาดภายในครั้งเดียวอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้งหาก เป็นมาก และไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยหลังการรักษาจำเป็นต้องสวมผ้ารัดหรือถุงน่องเพื่อบีบให้ผนังหลอดเลือด กระชับ จนกว่าบริเวณที่ฉีดยาจะบวมน้อยลง และเวลานอนพักต้องใช้หมอนหนุนยกระดับเข่าให้สูงกว่าสะโพก และปลายเท้าสูงกว่าระดับเข่า
การรักษาแบบผ่าตัด
เป็น การผ่าตัดในกรณีที่เส้นเลือดขอดเกิดภาวะอุดตันภายในหลอดเลือด และอาจส่งผลอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ โดยแพทย์จะให้ยาชาก่อนการผ่าตัดและใช้เครื่องมือเข้าไปผูกเส้นเลือดที่ขอด แล้วดึงหลอดเลือดดำที่ขอดออกเป็นบางส่วน หรือการผ่าดึงหลอดเลือดดำที่ขอดทั้งเส้น โดยหลังการผ่าตัดจะมีอาการเท้าบวม มีเลือดออกหรือเจ็บแผล และจำเป็นต้องใส่ผ้ารัดหรือถุงน่องพยุงต่อประมาณ 6 ถึง 8 สัปดาห์
การรักษาเส้นเลือดขอดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่เกิดเส้นเลือดขอดใหม่ 100% และแพทย์อาจให้การรักษามากกว่า 1 วิธีร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาให้ได้ผลดีมากที่สุด และที่สำคัญบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดมีอาการปวดหรือบวม คุณควรไปปรึกษาแพทย์ทันที
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
02 กันยายน 2552
พี่น้องบ้านกันภัย
หลังจากที่ผมโพสต์บทความ ทำไมผมถึงศรัทธาอาจารย์หนู กันภัย ไว้ที่ http://www.seal2thai.org/etc/think/think009.htm โดยมิได้หวังอวดอ้าง หรือวัตถุประสงค์อื่นใด นอกจาบอกเล่าความรู้สึกที่ได้ไปให้พ่อหนู กันภัยเป่าหัวพรมน้ำมนต์ให้ ก็ทำให้มีพี่น้องบ้านกันภัยเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย
ผมรู้สึกดีใจครับ
ใครที่ติดตามข่าวสารด้านนี้ท่านก็จะรู้ว่า อาจารย์หนู นำรายได้ไปสร้างวัด สร้างวิหารและช่วยเหลือผู้ตกยาก
ที่สำคัญ ข้อถือของอาจารย์หนูเป็นสิ่งที่มีเหตุผล และน้อมนำจิตใจคนให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล ห้ามด่าว่าพ่อแม่ แม้แต่การแสดงอาการที่ไม่พอใจ รวมไปถึงด่าว่าพ่อแม่คนอื่น
นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ "บ้านกันภัย" ไม่เคยเงียบเหงา
ผมบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้สัก และไม่เคยสัก แต่ผมศรัทธาในความดีของอาจารย์หนู กันภัยจริงๆ
...ซึ่งทำให้เชื่อว่า การทำดี ไม่มีวันสูญสิ้น สักวันต้องมีคนเห็น
ผมรู้สึกดีใจครับ
ใครที่ติดตามข่าวสารด้านนี้ท่านก็จะรู้ว่า อาจารย์หนู นำรายได้ไปสร้างวัด สร้างวิหารและช่วยเหลือผู้ตกยาก
ที่สำคัญ ข้อถือของอาจารย์หนูเป็นสิ่งที่มีเหตุผล และน้อมนำจิตใจคนให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล ห้ามด่าว่าพ่อแม่ แม้แต่การแสดงอาการที่ไม่พอใจ รวมไปถึงด่าว่าพ่อแม่คนอื่น
นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ "บ้านกันภัย" ไม่เคยเงียบเหงา
ผมบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้สัก และไม่เคยสัก แต่ผมศรัทธาในความดีของอาจารย์หนู กันภัยจริงๆ
...ซึ่งทำให้เชื่อว่า การทำดี ไม่มีวันสูญสิ้น สักวันต้องมีคนเห็น
01 กันยายน 2552
ความสุข ๒ ชั้น ( ธรรมะเดลิเวอรี่)
ความสุข ๒ ชั้น ( ธรรมะเดลิเวอรี่)
โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน
ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลายๆ คน เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน
ซึ่ง จากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มี ความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ
โดย จะว่าไปแล้ว บริษัทก็เหมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ) วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากๆ
อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
' ไม่ เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้ ... แต่ผมให้เข้าครับ' ( แล้วไป)
อาตมา จึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข (แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)
ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้า แล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงาน แล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ
เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน ! ดัง นั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น
อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ประยุตฺโต) ในหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า
งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผล ตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง ซึ่งหลายๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร...
โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน
ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลายๆ คน เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน
ซึ่ง จากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มี ความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ
โดย จะว่าไปแล้ว บริษัทก็เหมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ) วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากๆ
อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
' ไม่ เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้ ... แต่ผมให้เข้าครับ' ( แล้วไป)
อาตมา จึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข (แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)
ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้า แล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงาน แล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ
เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน ! ดัง นั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น
อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ประยุตฺโต) ในหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า
งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผล ตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง ซึ่งหลายๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ