15 มีนาคม 2555

โคลิก เมื่อเด็กร้อง 3 เดือน

สาระจาก msn ครับ


โคลิก (Colic) ไม่ถือว่าเป็น โรค แต่เป็น อาการ ที่มักเกิดขึ้นกับทารกในช่วงอายุประมาณ 3 เดือนแรก และทำให้คุณพ่อคุณแม่มากมาย (โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่มือใหม่) ที่เจออาการนี้ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจกันถ้วนหน้า จนบางคนกินไม่ได้นอนไม่หลับถึงกับป่วยไปเสียเองทีเดียว

อาการ
เนื่อง จากการร้องไห้ของเด็กทารกนั้นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งจากความหิว ฉี่ อึ ปวดท้อง ท้องอืด เจ็บ ระคายเคือง หรือไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว สิ่งที่เด็กสื่อออกมาเพื่อบอกพ่อแม่ก็คือ ร้องไห้ ทั้งสิ้น ดังนั้น จะสังเกตได้อย่างไรว่าเด็กร้องแบบไหนคืออาการโคลิก และร้องแบบไหนมาจากเหตุผลของความไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว?
ลักษณะที่ สังเกตได้ว่าเจ้าตัวน้อยของคุณกำลังเกิดอาการ โคลิก ก็คือ เจ้าหนูจะตั้งหน้าตั้งตาแผดร้องไห้ด้วยอารมณ์รุนแรงเหมือนโมโหสุดเหวี่ยง บางรายเรียกว่าตะเบ็งเสียงร้องอย่างเอาเป็นเอาตายทีเดียว ทั้งกำหมัดแน่น หน้าแดง หน้าท้อง แขน ขา งอและเกร็งจนน่ากลัว ซึ่งอาการเหล่านี้จะเริ่มเกิดเมื่อเด็กอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ และเป็นอยู่นานมากกว่า 3 เดือน โดยจะมีอาการเหล่านี้วันละประมาณ 3 ชั่วโมง (ระยะเวลาในการร้องของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายหรือเย็น) และเกิดขึ้นบ่อยๆ คือมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ โดยสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในทารกเพศชายและเพศหญิง ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองและค่อย ๆ ดีขึ้นภายในอายุ 4 เดือน อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีอาการโคลิกโดยที่ไม่ได้มีอาการผิดปกติของโรคอื่นใด จะสามารถทานนมได้เป็นปกติและยังคงมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี

สาเหตุ
อาการโคลิกในเด็กนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุได้ชัดเจน เพียงแต่สันนิษฐานว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากหลาย ๆ ประการร่วมกัน ตั้งแต่ระบบทางเดินอาหาร จิตวิทยาระบบประสาทและพัฒนาการในทารกย อย่างไรก็ตามอาการโคลิกจะพบได้ในโรคหลายโรค แต่จะเป็นสาเหตุได้น้อยในโคลิก และโรคเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีอาการแบบเฉียบพลัน เช่น ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ท้องผูก แพ้นม การขย้อนหรือสำลักอาหาร แผลที่รูทวาร การติดเชื้อในร่างกาย เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ การได้รับอุบัติเหตุ เช่น กระดูกหัก แผลที่ตาดำ แมลงเข้าไปในหู เป็นต้น
เนื่องจากขณะที่ทารกร้องไห้จะมี ท่างอขาไปชิดหน้าท้อง ทำให้มีการสันนิษฐานอีกว่าทารกน่าจะมีความผิดปกติที่ระบบทางเดินอาหาร การที่ทารกร้องไห้มากๆ ทำให้มีการกลืนก๊าซเข้าไปลำไส้มาก เป็นผลให้แน่นท้อง ไม่สบายตัว นอกจากนี้ เนื่องจากยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของอาการนี้ ทำให้มีการสันนิษฐานว่า โคลิก เป็นอาการของเด็กทารกบางกลุ่ม ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่ œร้องไห้มากกว่าทารกทั่วไป เท่านั้น ซึ่งหากเป็นจริง การร้องไห้อย่างไม่ลืมหูลืมตาของเด็กกลุ่มนี้ ก็ถือว่าเป็น œเรื่องปกติ สำหรับพวกเขาแล้วล่ะ!

คำแนะนำ
คุณ พ่อคุณแม่ที่ต้องเผชิญกับอาการโคลิกของลูกน้อย ควรทำความเข้าใจและความความเครียดหรือความกังวลใจลงก่อนเป็นเบื้องต้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ระบบประสาทและการพัฒนาการต่างๆ ของลูกน้อยก็จะดีขึ้นและอาการโคลิกก็จะหายไปได้เองในที่สุด สิ่งที่พอจะช่วยบรรเทาให้ลูกน้อยคลายจากอาการนี้ได้บ้าง ก็คือ การสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลายให้กับเด็ก เช่น เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ  เสียงเพลงกล่อม รวมทั้งคำปลอบโยนเบาๆ โอบกอดให้เด็กสัมผัสรับรู้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมอกพ่อแม่ และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ลูกน้อยเกิดอาการไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวให้ มากที่สุด
ความจริงแล้ว หากการร้องของเด็กเกิดเพราะอาการโคลิก ก็คงไม่น่าห่วงมากนัก แต่สิ่งสำคัญคือเขาร้องเพราะโคลิกจริงหรือ? ซึ่งวิธีสังเกตอีกประการหนึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็คือ หากเจ้าตัวน้อยของคุณมักมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน และมักมีอาการอย่างนี้ซ้ำๆ เป็นประจำ ก็อาจสันนิษฐานได้ว่านั่นคือการร้องแบบโคลิก อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่เด็กร้องอาจจะไม่ใช่ร้องแบบโคลิกทั้งหมด ดังนั้น ควรตรวจสอบหาสาเหตุในเบื้องต้นให้ชัดเจนก่อนจะสรุปสาเหตุจะดีกว่า หรือหากกังวลจริงๆ ก็ควรพาลูกไปพบกุมารแพทย์จะดีกว่าเพื่อความมั่นใจ

ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info




...............................

14 มีนาคม 2555

นวดผ่อนคลาย แก้ปวดเมื่อยเหมือนกินยา

สาระจาก msn ครับ


นวดผ่อนคลาย แก้ปวดเมื่อยเหมือนกินยา

ผู้ ที่มักจะมีอาการปวดเมื่อยเพราะกล้ามเนื้ออักเสบ อาจไม่ต้องพึ่งยาแก้อักเสบกล้ามเนื้อหรือยาแก้ปวดเพียงหนทางเดียว เพราะนายแพทย์มาร์ค ทาโนโพลสกี้ จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ ในแคนาดา และทีมวิจัยพบว่า การนวดผ่อนคลายอย่างละมุนละไม ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้

การวิจัยจะดู ตัวอย่างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของอาสาสมัครที่ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน จนปวดเมื่อย จากนั้นจึงไปนวดผ่อนคลายเพียง 10 นาที และหลังเสร็จจากการนวดผ่านไปนาน 2 ชั่วโมงครึ่ง ทีมวิจัยก็ได้พบว่า ความเมื่อยล้าของกลุ่มตัวอย่างนั้นหายไป

ทีมวิจัยเชื่อว่า การนวดผ่อนคลาย ที่มีลักษณะการกดคลึงอย่างถูกต้อง และลงน้ำหนักเหมาะสม ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของ 'ไมโทคอนเดรีย' หรือ แหล่งพลังงานเซลล์ ขึ้นมาใหม่ แต่ที่สำคัญคือ การนวดผ่อนคลายที่ดีสามารถส่งสัญญาณไปยังระบบภูมิคุ้มกันให้จัดการความเจ็บ ปวดในระดับโมเลกุล
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังเชื่อด้วยว่า การนวดในลักษณะที่ว่านี้ อาจมีประสิทธิภาพลดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  เหมือนกลไกลการออกฤทธิ์ของยาแก้อักเสบ จึงอาจเป็นผลดีสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหากล้ามเนื้อหรือกระดูกอักเสบ เรื้อรัง ได้มีทางเลือกการรักษาเสริมเข้ามาอีกทางภายใต้การควบคุมของแพทย์

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





...............................

13 มีนาคม 2555

คุมถูกวิธี การันตีไม่ท้อง

สาระจาก msn ครับ

คุมถูกวิธี การันตีไม่ท้อง

ที่ จริงแล้วการคุมกำเนิดมีหลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่การใช้ถุงยางอนามัย ทานยาคุมกำเนิด หรือทำหมันเท่านั้น อีกทั้งการเลือกวิธีคุมกำเนิด ก็ไม่ควรพิจารณาเพียงแค่ความสะดวก เพราะบางวิธีต้องดูปัจจัยทางด้านสุขภาพของผู้ใช้ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ถึงความสำคัญในข้อนี้มาก่อน

บรรดาผู้เชี่ยว ชาญด้านการคุมกำเนิดทั้งจากออสเตรเลีย เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ และไทย จึงเผยวิธีการคุมกำเนิดแบบต่างๆ ไว้ในงานแถลงข่าว ฮอร์โมน..การคุมกำเนิด..หลากหลายทางเลือกที่เข้าใจ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง ภายในงานประชุมวิชาการระดับภูมิภาค MSD ASIA PACIFIC CONTRACEPTIVE SUMMIT 2012
โดยวิธีการคุมกำเนิดทั่วๆ ไป มีทั้งการขวางกั้น, ห่วงคุมกำเนิด, การคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน, และการทำหมัน

สำหรับวิธีขวางกั้น เป็นวิธีการทางกายภาพ ป้องกันเชื้ออสุจิของผู้ชายไม่ให้เข้าไปในมดลูกและไปทำปฏิกิริยาถึงรังไข่ ของผู้หญิง นั่นก็คือ 'ถุงยางอนามัย' ที่มีทั้งของผู้ชายและผู้หญิง แถมยังช่วยป้องกันการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ 'ฟองน้ำ' เป็นอุปกรณ์รูปร่างคล้ายโดนัททำด้วยโฟมนุ่มเคลือบด้วยสารฆ่าอสุจิ ใช้สอดเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิง
และ 'แผ่นครอบปากมดลูก, หมวกครอบปากมดลูก, และสิ่งปกป้องปากมดลูก' อุปกรณ์ขนาดเล็กรูปทรงครึ่งวงกลม สอดใส่ภายในช่องคลอดและครอบปากมดลูก ต้องสอดใส่อุปกรณ์ชนิดนี้โดยแพทย์ ใช้กับสารฆ่าอสุจิเช่นกัน

ส่วนวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine Device) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ไอยูดี แบบไม่ใช้ฮอร์โมน จะฝังในมดลูกโดยแพทย์ อาจเรียกว่า 'IUD ทองแดง' ซึ่งจะปล่อยทองแดงปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในมดลูก ทองแดงนี้ป้องกันอสุจิไม่ให้ไปถึงรังไข่และผสมกับไข่ และเพื่อหยุดยั้งไข่ไม่ให้ฝังตัวที่เยื่อบุของมดลูก

ขณะที่วิธีคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน มีทั้งการใช้ฮอร์โมนเดียว และฮอร์โมนรวม ส่วนฮอร์โมนที่ใช้ในวิธีนี้ คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน (คล้ายกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน) ช่วยป้องกันการปฏิสนธิ ทั้งในรูปแบบของวงแหวนช่องคลอด, ยาฝัง, ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาฉีด, และแผ่นแปะให้ยาซึมผ่านผิวหนัง วิธีนี้ใช้ฮอร์โมนป้องกันไม่ให้รังไข่ปล่อยไข่ออกมา และทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เยื่อบุมดลูกและเมือกที่ปากมดลูก เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิผสมกับไข่

สุดท้าย วิธีทำหมัน เป็นขั้นตอนปฏิบัติของการผ่าตัดที่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สำหรับผู้หญิง จะเกี่ยวข้องกับการปิดท่อรังไข่อย่างถาวร เพื่อไม่ให้อสุจิเข้าไปถึงไข่ได้ และเรียกว่าการผูกท่อ ส่วนผู้ชาย  ท่อที่พาเชื้ออสุจิจากอัณฑะไปยังองคชาติจะถูกตัดและผูกในการผ่าตัด เรียกว่า การตัดหลอดนำอสุจิ
อย่างไรก็ตาม ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ หัวหน้าหน่วยโรคติดเชื้อทางนรีเวชวิทยาและโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์สตรี ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า การคุมกำเนิดแต่ละวิธีข้างต้น มีประสิทธิภาพต่างกัน คุมกำเนิดได้ระยะสั้น-ระยะยาว โดยก่อนตัดสินใจเลือกใช้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ส่วนจะมีปัจจัยใดบ้างที่แพทย์ใช้นำมาเป็นหลักเลือกวิธีคุมกำเนิด ชมได้ทางคลิปประกอบ

ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
takecareDD@gmail.com
ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์





...............................

12 มีนาคม 2555

สอบปลายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554

วันนี้เป็นวันแรกของการสอบปลายภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2554

โดยบางวิชาก็ได้ทำการทดสอบนอกตารางไปแล้ว

นักเรียนบางคนก็ขมีขมันกับการเตรียมตัวสอบ ในขณะที่บางคน ก็ยังทำตัวเป็นปูนปั้น ไม่รู้หนาว รู้ร้อน ไม่รู้จะเดินไปทางไหนต่อ งานก็ไม่ทำ ไม่ยอมส่ง แถมผลการเรียนที่ติด 0 ติด ร ยังติดตัวมาไม่ยอมแก้ไขให้หลุดพ้น

นั่นคือชะตากรรม ที่ต้องติดตามกันต่อไป





...............................

10 มีนาคม 2555

ร้อนนี้หันมาดื่มน้ำเปล่าขณะออกกำลังกายกันดีกว่า

สาระจาก msn ครับ


 การจิบน้ำเล็กน้อยขณะพักจะช่วยให้มีแรงเล่นต่อไปได้อีก ซึ่งน้ำที่ดีที่สุดขณะออกกำลังกายคือ œน้ำเปล่า ที่ ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้เร็วที่สุด โดยน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย ปรับระดับความดันโลหิต ช่วยลำเลียงอาหาร และออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ขณะเล่นกีฬาได้เป็นอย่างดี

ประมาณ70%ใน ร่างกายประกอบด้วยน้ำ ดังนั้น ถ้าคุณขาดน้ำเพียง 3 วันก็อาจถึงตายได้ เพราะน้ำเป็นสิ่งสำคัญรองจากอากาศ โดยร่างกายต้องการน้ำวันละประมาณ 2.5 ลิตร ในขณะที่เราสูญเสียน้ำวันละ 2.5 ลิตร จาก
1500 cc เป็น ปัสสาวะ
500 cc เป็น เหงื่อ
300 cc เป็น ละอองน้ำในการหายใจออก
200 cc เป็น อุจจาระ

หากร่าง กายขาดน้ำรื้อรัง(ดื่มน้ำน้อย) ทุกระบบการทำงานของร่างกายจะไม่มีประสิทธิภาพ สารพิษในร่างกายเพิ่มมากขึ้น กล้ามเนื้อไม่มีแรง ผิวหนังจะแห้ง ระบบย่อยอาหารพึ่งน้ำในทุกระดับ การเผาผลาญอาหารต้องมีน้ำเป็นตัวกลาง น้ำพาสารต่างๆไปให้เซลล์ สุขถาพที่ดี และการหยุดยั้งความชราขึ้นอยู่กับน้ำ ซึ่งคุณควรให้น้ำดื่มที่ดีที่สุดกับร่างกายท่านอย่างเพียงพอ

พญ.สิ รนิสถ์ ประพันธ์ศิลป์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 แนะนำว่า œน้ำดื่มบริสุทธิ์จะเคลื่อนตัวสู่กระเพาะอาหาร และดูดซึมในลำไส้ได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องดื่มทั่วไปที่มักจะมี ปริมาณน้ำตาลสูงกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์ เครื่องดื่มเหล่านี้จะดูดซึมได้ช้า ทำให้รู้สึกจุก เสียด ท้องอืด และทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง ยิ่งถ้าเป็นน้ำอัดลม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวเบียดกล้ามเนื้อกระบังลม ทำให้ปอดขยายได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้หายใจไม่อิ่ม และหมดแรงเร็วขึ้น นอกจากนี้กระเพาะอาหารที่ขยายใหญ่ขึ้นทำให้รู้สึกจุกแน่นขณะออกกำลังกาย

ดื่มอย่างไรให้ถูกวิธี ?
การ ดื่มน้ำในขณะออกกำลังกายและรู้สึกเหนื่อยจัด ไม่ควรดื่มน้ำมากกว่าครั้งละ 2 แก้ว เพราะอาจทำให้เกิดภาวะน้ำเกิน (Water intoxication) ทำให้รู้สึกเวียนศีรษะ และปวดร้าวในสมอง
ทั้งนี้ในคุณควรดื่มน้ำเปล่า ไม่เกิน 1 แก้ว ก่อนออกกำลังกายประมาณ 10 นาที และอาจจิบน้ำเล็กน้อยทุกๆ 10-15 นาที ถ้ารู้สึกกระหายน้ำขณะออกกำลังกาย แต่ก็ไม่ควรเกิน 1 แก้ว (ภายใน 1 ชั่วโมง) และที่สำคัญคือการดื่มน้ำให้ได้ 2 แก้ว หลังจากที่ออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว 30 นาที

สูญเสียเหงื่อ = สูญเสียเกลือแร่?
การ เสียเหงื่อจะเป็นการเสียน้ำมากกว่าเสียเกลือ เนื่องจากความเข้มข้นของเกลือในเลือดอยู่ที่ประมาณ 0.9 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มีเหงื่ออยู่ที่ประมาณ 0.12-0.4 เปอร์เซ็นต์ และไม่พบว่ามีการสูญเสียโพแทสเซียม (Potassium) จึงไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำเกลือแร่
น้ำดื่มผสมเกลือแร่ทั่วไป ที่ขายในท้องตลาดมักมีปริมาณกลูโคสสูงกว่า 2.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะดูดซึมได้ช้า ทำให้ร่างกายได้รับน้ำช้ากว่าการดื่มน้ำเปล่า ถ้าจิบขณะออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกจุกได้ง่าย
อากาศร้อนอย่างนี้ หันมาดูแลสุขภาพให้ดีด้วยการดื่มน้ำเปล่าที่ช่วยให้สดชื่นขึ้นขณะออกกำลัง กาย และยังไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก ช่วยให้หุ่นสวยเพรียว ฟิต แอนด์ เฟิร์มกันเถอะค่ะ


ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info





...............................

09 มีนาคม 2555

วิทยากร "การใช้สารสนเทศสำหรับนักสารสนเทศ" มรพส วันที่สอง

ครูแชมป์ มาเป็นวิทยากร การใช้สารสนเทศสำหรับนักสารสนเทศ วันที่สองครับ







ความเห็นของน้องๆที่มีต่อการอบรมในครั้งนี้

ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.seal2thai.org/sara/sara245.htm



...............................

08 มีนาคม 2555

วิทยากร "การใช้สารสนเทศสำหรับนักสารสนเทศ" มรพส วันแรก

วิทยากรการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
    
ในที่สุด ครูแชมป์ก็มีโอกาสตอบแทนพระคุณครูบาอาจารย์และมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักอีกครั้ง เมื่อสาขาวิชาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ให้เกียรติครูบ้านนอก ไปแนะนำการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

     กลุ่มเป้าหมายหลัก หรือน้องๆนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่กำลังจะออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพ โดยจะได้นำไปประยุกต์ใช้งาน การติดต่อสื่อสาร และการทำแฟ้มสะสมผลงาน แต่ก็มีน้องๆชั้นปีที่ 2 เข้าร่วมอบรมอีกด้วย จึงทำให้บรรยากาศอุ่นหนาฝาคั่งมาก





ดูเพิ่มเติมที่ http://www.seal2thai.org/sara/sara245.htm 








อย่าลืมติดตามวันที่สองของการอบรมนะครับ



...............................


05 มีนาคม 2555

ตรวจสอบภายใน

   วันนี้ ทางหน่วยงานตรวจสอบภายใน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 โดยคุณดลภูมิญ์  รังสีศีริดลธ์ หรือ พี่เต้ ได้เข้ามาตรวจสอบระบบการเงินภายในของโรงเรียนวัดยางแขวนอู่

   ในช่วงแรก ทางผู้รับผิดชอบทางการเงิน งานพัสดุ และบัญชี รวมถึงท่านผู้อำนวยการด้วย ได้มีสีหน้าที่ไม่สู้จะดี (ที่ว่าไม่สู้จะดี เพราะกลัว... จากข่าวลือที่ได้ยินมา) แต่ท่าน ผอ. ก็บอกว่า เราไม่ได้ทุจริตตรงไหน วันนี้ เค้ามาตรวจสอบ และแนะนำว่า เราควรทำอะไรเพิ่ม แก้ไขตรงไหน ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

   เมื่อทางพี่เต้มาถึง ทางงานการเงินและพัสดุ ได้รวบรวมเอกสารมาให้ดู และทางพี่เต้ก็ได้ให้คำแนะนำ รวมถึงให้แบบฟอร์มเอกสารเพื่อนำไปปรับปรุงให้ระบบต่างๆดีขึ้น












...............................

04 มีนาคม 2555

ร่วมงานบุญ สถาบันวิจัยและพัฒนา ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม

     วันนี้ ได้ไปตอบแทนพระคุณครูบาอาจารย์ และรับใช้มหาวิทยาัลัยอันเป็นที่รักอีกครั้ง นั่นก็คือ การที่ได้ร่วมพิธีทำบุญของสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาัลัยราชภัฏพิบูลสงคราม 

     ที่ว่า ได้ตอบแทนพระคุณอาจารย์และสถาบันนั้น ก็คือ การได้นำสวดเป็นมัคนายก(น้อย) ในพิธี

     จริงๆแล้ว พี่ไก่ (คนสวย) ได้มอบหมายให้ผมประสานงานกับทางพระเลขาหลวงปู่แขก นิมนต์ท่านมาทำพิธีในวันนี้ เผอิญว่า ตรงกับวันอาทิตย์พอดี ก็เลยมาขอร่วมพิธีด้วย ปรากฎว่า จากคำพูดที่คิดว่าพี่ไก่ พูดเล่นๆว่าจะให้เป็นมัคนายก กลายเป็นเค้าเอาจริงๆ แถมยังไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาัลัยมาด้วย

    ... เอาวะ ศิษย์มีครู ถ้าทำดี ก็ขอยกเป็นพระคุณของครูบาอาจารย์
    แต่ถ้าพลาด... ข้อน้อยขอรับแต่เพียงผู้เดียว

ระหว่างรอท่านประธานในพิธี

ดร.นิวัตน์ ช่วยหลวงปู่แขกพันด้ายสายสิญย์

ท่าน ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จุดเทียนฯ

ไหว้พระพร้อมกัน...


ท่านผอ.สถาบันวิจัย, พี่ไก่ และคณาจารย์

ผศ.ชญานิษฐ์  ศศิวิมล 

ประธานจุดเทียนที่บาตรน้ำมนต์

หลวงปู่แขก ปภาโส ทำพิธีตามตำรับ

เทียนน้ำมนต์เป็นเศียรนาค... !!!

ภาพที่ใครๆ ล้วนตื่นเต้น

คณาจารย์ถวานปัจจัย ไทยธรรม

ถวายข้าวพระพุทธ

ท่าน ผอ. กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล

ท่านอธิการบดี

หลังจากนั้น หลวงปู่แขก แจกแบ๊งค์พันล้าน!!!!

ได้เป็นลูกช้าง อุ้มบาตรน้ำมนต์หลวงปู่ เดินประพรมทั่วตึก "เปียกหมดเลยครับ"

หลังจากหลวงปู่ฉันเสร็จ ผมได้ขอเมตตาหลวงปู่ จารธงชัยที่ปักเหนือฉัตรตอนปลุกเสกฯ ที่โบสถ์พระพุทธชินราช 

ก่อนหลวงปู่กลับ 

แมงปอ ที่มาเกาะบริเวณผ้าด้านหลังหลวงปู่ตลอดทั้งงาน

อวด สักกะนิดนะจ๊ะ

สุดยอดครับ "เรียกเงิน เรียกทอง เข้าบ้าน" สาธุๆๆๆๆ
   ก็ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านนะครับ สำหรับวันนี้ เพราะ ได้ทั้งตอบแทนพระคุณครูบาอาจารย์ และก็ยังได้ของดีกลับบ้านอีก อิอิ (เทียนในบาตรหลวงปู่ รับกับมือหลวงปู่ ใบเงินไปทอง เงินพันล้าน และธงชัยผืนนี้ ว้าวววววว)

     สาธุ....



...............................

29 กุมภาพันธ์ 2555

วันนี้สามบ้านค่ำ

   วันนี้ ไปสอนตอนเช้า และช่วยท่าน ผอ.ทำสัญญาเกี่ยวกับการจ้างกรณีพิเศษ เนื่องจากน้ำท่วม

   จากนั้น ช่วงบ่าย ก็รีบเอาหนังสือราชการของทางโรงเรียนไปส่งที่เขตฯ และไปขอข้อมูลจากพี่นา เจ้าหน้าที่คนสวยของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 1 แต่เนื่องจากพี่นาติดธุระ จึงเข้ามาพบในช่วง บ่ายสามครึ่งอีกครั้งหนึ่ง

   ระหว่างที่รอ จึงไปที่ร้าน ฟอร์ดโฟโต้ (Ford Photo) เพื่อไปรับรูปตอนรับรางวัลหนึ่งแสนครูดี ซึ่งคนพิษณุโลกจะทราบว่าร้านนี้อยู่ซอยโรงพยาบาลตา (ุ691/70 ถ.พระองค์ดำ อ.เมือง จ.พิษณุโลก) หรือจะโทรไปสอบถามข้อมูลการบริการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอในงานพิธี งานต่างๆ 086-2009000 หรือ 086 - 2008000

รางวัลหนึ่งแสนครูดี
    แหม ไม่ค่อยเห่อ ถ่ายรูปโดยที่ยังไม่แกะกระดาษตรงมุมออกเลย 555

   ต้องขอบคุณคุณฟอร์ด ที่กรุณาส่งรูปให้ก่อนล่วงหน้า เพราะจะส่งไปลงข่าวเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถือว่ามีน้ำใจมากเลยนะครับ เพราะบางแห่ง ขอไฟล์รูปไม่ได้ ถ้าจะเอาต้องเสียเงินเพิ่ม แต่ร้านนี้ ขอบ่ายได้เย็น ถือว่าเร็วมาก (เพราะรูปภาพคนเป็นร้อยๆรูป เค้าก็กรุณาเลือกมาให้)  

   แล้วถึงเวลานัด ก็มาที่เขตอีกครั้ง แล้วก็พบคำตอบที่รอคอยมานาน... สุดยอด

   แผนต่อไป เริ่มได้แล้ววววววว

...............................

28 กุมภาพันธ์ 2555

o-net ม.3 ปี 2555 จะขำออกไหม

   วันนี้ นักเรียนชั้น ม.3 ทั่วประเทศได้ทำการทดสอบระดับชาติ หรือ o-net ตามศูนย์สอบต่างๆทั่วประเทศ

   โรงเรียนวัดยางแขวนอู่ ได้ถูกกำหนดให้ใช้สนามสอบโรงเรียนบางระกำ โดยคละเป็น 3 ห้อง เรียงลำดับตามตัวอักษร

   ไม่รู้ว่าผลสอบจะเป็นอย่างไรนะครับ ติวก็ติวแล้วทุกเที่ยงวันพุธ แถมก่อนสอบก็ติวหลังเลิกเรียนอีกเป็นอาทิตย์

   ขนาดจะไปสอบ ยังรู้ข่าวว่่า
   ...บ้างก็ขยันอ่านหนังสือทบทวน
   ...บ้างก็ทำงานที่ค้าง
   ...บ้างก็ไปหาปลา หว่านแห จับสัตว์ตอนกลางคืนก่อนสอบ
   ...มีบางคน ไปชกมวยที่งานวัด เพื่อหาเงินมาให้พ่อแม่

   ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตนเอง

   ...แต่น่าแปลก ที่ สทศ. และ สมศ. ไม่มองข้อแตกต่างของแต่ละคน มองแต่ภาพรวมอย่างเดียว แต่เวลาจะด่าครู ก็บอกว่า ครูวัดผลหลากหลายไหม ใช้แฟ้มสะสมงานประเมินตามจริงไหม ถึงเวลามา สมศ. ก็ใช้คะแนน o-net ตัดสินมาตรฐานของโรงเรียน

   ไม่ได้เครียดนะครับ แค่คิดอะไรขำๆเรื่อยเปื่อย

   โดยเฉพาะ ขำที่เมื่อก่อน บางโรงเรียนไม่ผ่านการประเมิน และโดนกักเป็นโรงเรียน i see u ผมการประเมินที่ถูกรายงาน ผิดทั้งจำนวนครู จำนวนเด็ก... ตอนแรก ผู้บริหารก็จะแย้งผลการประเมิน (ตามสิทธิ์แย้งได้) แต่เม็ดเงินของ โรงเรียน i see u มันสามารถนำมาพัฒนาโรงเรียนได้ ก็เลยกลายเป็นข้อดีไป

   โอ้วววว มาตรฐานระดับชาติจริงๆ ... ขำ นะครับ 555

   ใครๆ ก็พลาดกันได้ เพียงแต่จะเป็นฝ่ายถูกตัดสิน หรือฝ่ายตัดสิน เท่านั้นแหละครับ





...............................

27 กุมภาพันธ์ 2555

ผลสอบ o-net ป.6 ปี 2555

ผลสอบ o-net ป.6 ปี 2555 จะเป็นอย่างไรหนอ

วันนี้ เด็กปอหก ไปสอบ
เด็กหอบเอากระเป๋าใบใหญ่
ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไร
ที่แน่ๆ คือความหวังยิ่งใหญ่ของครู

น้ำก็ท่วม น้ำก็ท่วม
เรียนก็ไม่ทัน เรียนก็ขาดช่วง ขนาดสอนชดเชยกันซะอ่วมแล้ว

คุณครูท่านใด พานักเรียนไปสอบ รบกวนมาเล่าประสบการณ์กันหน่อยนะครับ พอดีปีนี้ผมไม่ได้ไปครับ เฮ้อออออออ




...............................

25 กุมภาพันธ์ 2555

เคปเลอร์ค้นพบดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลกครั้งแรก

           กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์ของนาซา ได้บรรลุเป้าหมายสำคัญของภารกิจด้วยการค้นพบดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลกโคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์เป็นครั้งแรก 
          ดาวเคราะห์ที่พบ มีชื่อว่า เคปเลอร์-20 อี (Kepler-20e) และ เคปเลอร์-20 เอฟ (Kepler-20f) แม้ดาวเคราะห์ทั้งสองดวงนี้อยู่ใกล้ดาวฤกษ์แม่มากเกินกว่าที่จะทำให้มีน้ำในสถานะของเหลวอยู่บนพื้นผิวได้ แต่ก็ถือว่าเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอื่นที่โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยพบมา 
          การค้นพบครั้งนี้เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของความพยายามค้นหาดาวเคราะห์คล้ายโลกในระบบสุริยะอื่น ดาวเคราะห์ที่พบในครั้งนี้คาดว่าเป็นดาวเคราะห์หิน เคปเลอร์-20 อี เล็กกว่าดาวศุกร์เล็กน้อย มีรัศมีประมาณ 0.87 เท่าของโลก ส่วนเคปเลอร์-20 เอฟ ใหญ่กว่าโลกเล็กน้อย มีรัศมีประมาณ 1.03 เท่าของโลก เป็นบริวารของดาว เคปเลอร์-20 (Kepler-20) ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1,000 ปีแสงในทิศทางของกลุ่มดาวพิณ
          ดาวเคปเลอร์-20 อี โคจรรอบดาวฤกษ์แม่ครบรอบทุก 6.1 วัน ส่วนเคปเลอร์-20 เอฟ โคจรรอบดาวฤกษ์แม่ครบรอบทุก 19.6 วัน คาบที่สั้นมากเช่นนี้แสดงว่าดาวฤกษ์จะต้องมีวงโคจรเล็กมาก ซึ่งทำให้ดาวร้อนมาก ดาวเคปเลอร์-20 เอฟ มีอุณหภูมิ 427 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงกับดาวพุธ ส่วนเคปเลอร์-20 อี อุณหภูมิทะลุถึง 760 องศาเซลเซียส ที่แม้แต่แก้วก็ยังละลาย นั่นหมายความว่าตัดประเด็นสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์สองดวงนี้ไปได้
          เป้าหมายหลักของภารกิจเคปเลอร์คือการค้นหาดาวเคราะห์ขนาดเท่าโลก ดังนั้นการค้นพบในครั้งนี้จึงเป็นการประกาศความสำเร็จ และเป็นการแสดงให้เห็นว่ากล้องเคปเลอร์มีศักยภาพสูงเพียงใด 
          นอกจากสองดวงนี้แล้ว ยังมีดาวเคราะห์อีกสามดวงที่อยู่ในครอบครัวดาวเคราะห์ของเคปเลอร์-20 อีกสามดวงที่เหลือมีขนาดใหญ่กว่ามาก แต่ยังเล็กกว่าดาวเนปจูน ดาวเคปเลอร์-20 บี อยู่ใกล้ดาวฤกษ์ที่สุด เคปเลอร์-20 ซี และ เคปเลอร์-20 ดี มีคาบการโคจร 3.7, 10.9 และ 77.6 วันตามลำดับ ทั้งห้าดวงนี้มีรัศมีวงโคจรเล็กกว่าของดาวพุธ ส่วนตัวดาวฤกษ์เป็นดาวชนิดสเปกตรัมจี เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ แต่เล็กกว่าและอุณหภูมิต่ำกว่าเล็กน้อย
          ความน่าสนใจอีกอย่างของระบบสุริยะแห่งนี้คือ การเรียงลำดับดาวเคราะห์ที่ดูค่อนข้างแปลกประหลาด ในระบบสุริยะของเรา ดาวเคราะห์หินขนาดเล็กจะอยู่วงใน ส่วนชั้นนอกจะเป็นที่อยู่ของดาวเคราะห์แก๊สขนาดใหญ่ แต่ระบบของเคปเลอร์-20 จะวางสลับกัน เป็นรูปแบบ ใหญ่-เล็ก-ใหญ่-เล็ก-ใหญ่ 
          นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจนักว่าระบบนี้มีวิวัฒนาการอย่างไร แต่คาดว่าตำแหน่งของแต่ละดวงที่ปรากฏอยู่นี้ไม่ใช่ตำแหน่งดั้งเดิม สันนิษฐานว่าเมื่อตอนเริ่มต้น ดาวเคราะห์กำเนิดขึ้นในตำแหน่งที่ไกลจากดาวฤกษ์มากกว่านี้ แต่ต่อมาได้ขยับเข้ามาใกล้ดาวฤกษ์ ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากอันตรกิริยากับวัตถุในจานกำเนิดดาวเคราะห์ที่มันเกิดขึ้นมา 

ที่มา:

23 กุมภาพันธ์ 2555

เพราะคำว่าเสียสละ จึงทำให้ได้พบโอกาสที่ดี

วันนี้ ต้องออกจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติครึ่งชั่วโมง

   เพราะต้องนำข้อมูลที่ไปเก็บให้น้องๆ ม.นเรศวร ในตอนเช้า เอาไปให้น้องๆเค้า (ต้องขอบคุณพี่รัก พี่เป็นพลขับในการตระเวนหาคณะกรรมการสถานศึกษาจนเกือบครบทุกคน)

  นั่นคือภารกิจแรก... คิดถึงใจเค้าใจเราครับ เวลาต้องการข้อมูลอะไรซึ่งมันจำเป็นต้องใช้มากๆเนี่ย

   ภารกิจที่ 2 นัดหมายการนิมนต์ หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์ เพื่อมาทำบุญสำนักวิจัยฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

   ภารกิจที่ 3 ไปถ่ายเอกสารแบบ ปพ. ต่างๆ เพื่อนำให้ครูผู้สอนในชั้นต่างๆ

   ภารกิจที่ 4 นำหนังสือเชิญ ไปส่งที่เขตฯ

   เหนื่อยนะครับ สำหรับครูบ้านนอกที่เงินเดือนยังน้อย และต้องขี่มอเตอร์ไซต์เนี่ย แต่ในวันนี้ ก็ได้รับโอกาสดีๆ เรียกว่าวิเศษเลยหละครับ

   ก็ตอนที่ไปนิมนต์หลวงปู่ ใครจะไปรู้ครับว่า จะไปพบหลวงปู่กำลังนั่งตรวจงานอยู่ที่ข้างกุฏิ ในอิริยาบทที่สบายๆ (บางคนก็อาจจะเคยได้เห็นภาพหลวงปู่แขก ทำกสินไฟ เวลาทำน้ำมนต์แล้วนะครับ) หลวงปู่บอกว่า เพิ่งกลับจากสุโขทัย ผมเข้าไปกราบท่าน แล้วรีบไปประสานงานกับพระเลขาของหลวงปู่
หลวงปู่แขก ในอิริยาบทสบายๆ

ลูกนิมิตที่เพิ่งถูกนำมาส่งแบบหมาดๆ

ตารางกิจนิมนต์ วัดสุนทรประดิษฐ์ (เดือนหน้า)


   หลังจากประสานงานนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ผมก็กลับออกมา พบว่า หลวงปู่กำลังให้ลูกศิษย์ยกหินอ่อนสีชมพูที่ถูกกลึงอย่างเกลี้ยงเกลา เพื่อจัดเตรียมทำเป็นลูกนิมิต เรียกว่า ท่านควบคุมงานเองเลยทุกอย่าง ผมเข้าไปกราบท่าน ให้ท่านเข็กหัว (กะให้เคาะ 2 ที แต่หลวงปู่จัดชุดเล็ก คาถาเล็กๆ เกือบ 3 นาที เหอะๆ)

   ถือว่าโชคดีมากเลยนะครับ (โอกาสน้อยเลยนะเนี่ย ที่ได้ใกล้ชิดพระเกจิระดับนี่)

18 กุมภาพันธ์ 2555

บรรดาศักดิ์ชั้นยศ

ระดับ 1 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "นาย"
ระดับ 2 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "พัน" หรือ "หมื่น"
ระดับ 3-4 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "ขุน" (เป็นข้าราชการสัญญาบัตร)
ระดับ 5-6 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "หลวง"
ระดับ 7-8 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "พระ"
ระดับ 9-10 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "พระยา"
ระดับ 11 เทียบได้กับบรรดาศักดิ์ชั้น "เจ้าพระยา"
ส่วนบรรดาศักดิ์ "สมเด็จเจ้าพระยา" นั้น ต้องยกเป็นตำแหน่งพิเศษออกไป เพราะพระราชทานพิเศษเฉพาะตัวจำนวนไม่มาก จึงเป็นกรณีพิเศษ




...............................

17 กุมภาพันธ์ 2555

อย่าทำร้ายหัวใจครูอีกเลย

   คนที่เกิดมาเป็นครู หน้าที่หนึ่งที่พึงทำในทุกวัน คือการอบรมสั่งสอนให้ลูกศิษย์ทุกคนเป็นคนดี

   หลายต่อหลายครั้งที่เราต้องเสียใจกับพฤติกรรมของนักเรียน ที่เราพร่ำสอน พร่ำด่า แม้กระทั้งตีก็มี

   หลายคนบอกว่า เค้าห้ามตีนักเรียนแล้วนะ....

   .... แล้วไอ้คนที่ห้ามๆๆ เคยออกมาดูมั่งไหมว่า สภาพแวดล้อมที่แท้จริงเป็นอย่างไร

   ถ้าไม่ด่า ไม่ห้าม ไม่ปราม ไม่ตี (สำหรับนักเรียนบางคน) ก็จะเอาไม่อยู่

   คำว่าเอาไม่อยู่ สามารถตีความได้หลายประเภท บ้างก็แซวครู บ้างก็หลับในชั้น บ้างก็สูบบุหรี่ บ้างก็จะชกครู

   ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปชกไอ้คนที่ห้ามตีนักเรียน แล้วอย่ามาลงโทษผมนะ ต้องลงโทษแค่ ว่ากล่าวตักเตือน ให้ทำสะอาด ทำความดี เป็นการแก้ไขในสิ่งที่ผมไปชกหน้าคนที่ห้ามตีนักเรียน

   อยากให้นักจิตวิทยามาประจำอยู่ที่โรงเรียนสัก 1 เดือน เอาทุกๆโรงเรียนนะครับ จะได้รับข้อมูลสภาพจริงบ้าง

   บางคนก็อ้างนักจิตวิทยา คุณเอาส่วนไหนมาสรุปผล เอาส่วนใหญ่มาเป็นกลุ่มตัวอย่าง ไม่ต้องอะไรหรอก ศึกษานิเทศ ยังบอกเลยว่า เด็กนักเรียนที่ไม่เอาอะไรเลย มีทุกโรงเรียน โรงเรียนในเมืองก็ยังมี ครูเองก็ไม่ใช่ว่าจะลงโทษร้ายแรง เฆี่ยนตีจนเป็นแผล

   สำหรับตัวผมนะ ผมไล่ลำดับความรุนแรงด้วยการเสริมวินัยไปจากน้อยไปหามาก ดังนี้ เขียนเรียงความ 25 บรรทัด ลุกนั่ง 20 50 100 (ตามเหตุ) วิดพื้น กระโดดตบ นอนกางมุ้ง แล้วก็ตี ก่อนจะตีก็สอบสวนก่อน แล้วถามเค้าว่า "ผิดอะไร" "จะทำอีกไหม" นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ยังตีด้วยเหตุผล (ไปถามนักเรียนผมได้เลยครับ ผมท้า ไม่ใช่ว่าเขียนเพื่อเอาดีเข้าตัว)

   ลูกๆเอ๋ย 


  ครูทุกคนล้วนหวังดีต่อพวกเจ้า อย่าทำร้ายหัวใจครูอีกเลย ที่ครูตี ไม่ใช่ครูจะไม่รู้สึกนะ ครูก็ยังห่วงว่าจะเขียวหรือเปล่า จะช้ำหรือเปล่า ถ้าครูไม่รัก ครูก็ไม่แคร์หรอกว่า พวกเจ้าจะสูบบุหรี่ จะเผาโรงเห็ด จะจับผู้หญิงมาเล่นพิเรนท์ จะขโมยของบริจาค สิ่งเหล่านี้ ถ้าครูไม่ปราบเจ้าก่อน เจ้าคงโตไปเป็นคนชั่วของสังคมอย่างแน่แท้

   ผมเชื่อว่า ครูที่สอนระดับมัธยม ก็คงปวดหัวกันกับพฤติกรรมของนักเรียนส่วนน้อย แต่ที่เราปวดหัว เพราะสามัญสำนึกของเรา ต้องการให้เด็ก"ทุกคน" เป็นคนดีไม่ใช่เหรอ

   ... ไม่ใช่คนบางพวกที่ซื้อเสียง หวังเพื่อแก้กฎหมาย หาผลประโยชน์

   จริงไหมครับ

15 กุมภาพันธ์ 2555

การตรวจเยี่ยมโรงเรียนเพื่อตรวจสอบจุดเน้นของเขตพื้นที่

   วันนี้ ทางโรงเรียนได้รับการเยี่ยมจากอาจารย์ยุทธศิลป์ ศึกษานิเทศสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1

   ซึ่งในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ได้ตรวจสอบกิจกรรมของทางโรงเรียนที่ได้ปฏิบัติตามจุดเน้นของ เขตฯ ซึ่งก็เพื่อประสิทธิภาพของการจัดการศึกษา

   อาจารย์ยุทธศิลป์เริ่มจากการตรวจสอบการแจ้งเตือนการสอบ o-net และ las (NT) ซึ่งจะมีการทดสอบในวันที่ 27 - 29 ก.พ. และ 8 - 9 มี.ค. ตามลำดับ

   ทางโรงเรียนก็ได้ตอบข้อซักถามถึงกิจกรรมต่างๆ ตามข้อที่ได้ปฏิบัติจริง และก็ได้รับคำแนะนำในการจัดการเรียนการสอน การเตรียมพร้อมสู่การประเมิน และการเตรียมสอบ

   ซึ่งก็ได้ข้อคิดจากทาง ศน. ว่า "ที่ไหนๆ ก็มีเด็กที่ไม่เอาอะไรเหมือนกัน ไม่ว่าในเมืองหรือบ้านนอก ถ้าทำสุดความสามารถแล้ว ก็ต้องปล่อยไป"




...............................

14 กุมภาพันธ์ 2555

ประวัติวันวาเลนไทน์

     เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
   วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

   วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...



...............................

12 กุมภาพันธ์ 2555

ผลกระทบของหมอกควัน

ผลกระทบของหมอกควัน
    
เวลานี้ ใครๆที่มีความรักแต่ค่อนข้างไม่มั่นใจว่าเค้าหรือเธอคนนั้น คิดอย่างไรกับเรากันแน่ อาจนึกถึงเพลงของพี่เบิรด์ "หมอกหรือควัน" (เก่าไปหรือเปล่าเนี่ย!!!) เนื้อหาเกี่ยวกับว่า ความไม่ชัดเจนของคนๆนั้น มันสีจางๆ ไม่มั่นใจว่าเป็นหมอกหรือควัน ถ้าเป็นหมอกก็ดูเย็นสบาย แต่ถ้าเป็นควันก็จะทำให้แสบตา เนื้อหาดีโดนใจ แถมเป็นเพลงแรก ที่มีการบรรยายภาษามือไปพร้อมๆกันด้วย (ลองหาดูใน youtube นะครับพี่น้องดินแดนปัญญาชน)

     หมอกควันที่พบมากในภาคเหนือขณะนี้ เกิดจากการกระทำของคนเป็นส่วนใหญ่ เราคงต้องยอมรับกับคำว่ามันเป็นวิถีทำมาหากินของคนแถวนั้น ส่วนนี้หลายคนอาจจะมองเป็นข้ออ้าง แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน เห็ดบางอย่างก็มักจะขึ้นหลังจากที่มีบริเวณถูกไฟไหม้ (แถมยังมีราคาแพงอีกด้วย)


อ่านต่อฉบับสมบูรณ์ที่ ผลกระทบของหมอกควัน



...............................

07 กุมภาพันธ์ 2555

ของฝากจากครอบครัวข่าว 3

   วันนี้ ได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มของนักเรียนโรงเรียนวัดยางแขวนอู่อีกครั้ง ที่ทางครอบครัวข่าว 3 ได้มามอบของขวัญให้กับนักเรียน ซึ่งก็คือชุดพละคนละ 1 ชุด และกระเป๋านักเรียนคนละ 1 ใบ

   ซึ่งทางเราก็คงทราบกันดีแล้วว่า เป็นของที่ได้มาจากพลังน้ำใจของคนไทยทุกคนที่ร่วมบริจาคผ่านครอบครัวข่าว 3

   ตอนเช้าเห็นมีนักข่าวไปถ่ายบริเวณสะพานบางระกำที่เคยท่วมสูงมานานเป็นสามสี่เดือน

   พูดแล้วน่าน้อยใจ...

   ตอนน้ำท่วม โรงเรียนผมถึงจะท่วมไม่สูงมาก (สูงสุดประมาณเอว ต้ำสุดประมาณเน่า) แต่ก็ท่วมนาน เพราะท่วมตั้งแต่ 18 ส.ค. แต่คุณสรยุทธ์ก็ไม่มาทำข่าว คุณฐาปนีย์ก็ไม่มาเอาไม่เมตรมาจิ้มตรงหน้าเสาธง แหมๆๆๆๆ โรงเรียนปิดตั้ง 36 วันทำการ ต้องสอนชดเชยมาถึงทุกวันนี้ ยังไม่หมดเลยนะครับ (น่าแปลกที่บางแห่งท่วมสูง แต่ก็ไม่ต้องสอนชดเชยนานๆ 555)

   ถ้าคุณสรยุทธ์ได้รับทราบข้อความจากครูแชมป์ หากปีหน้าท่วมอีก รบกวนเข้ามาดูหน่อยนะครับ ผมจะได้ไม่ต้องรายงานผ่านคลิปด้วยตนเอง .....อิอิ




...............................

06 กุมภาพันธ์ 2555

ข้อควรระวังของการใช้พื้นที่ฝากไฟล์ฟรี

   ปัจจุบัน โลกออนไลน์มีบริการฝากไฟล์ออนไลน์มากมาย ทั้งที่ให้บริการฟรี และเสียค่าบริการ โดยจะมีการกำหนดขนาดของไฟล์ ชนิดของไฟล์ และความเร็วในการ download ไฟล์

   บางเว็บ มีจุดมุ่งหมายเพื่อขายโฆษณา จึงให้บริการฝากไฟล์ฟรี หรือให้ส่วนแบ่งผู้ที่มีการ download มาก ครูแชมป์ก็เคยสมัครใช้งานเว็บแห่งหนึ่ง ที่เชื่อกันว่าสามารถสร้างรายได้ใ้ห้กับเราได้ แต่สิ่งที่ ครูแชมป์ พบก็คือ Anti virus แจ้งเตือนว่า มี spy ware อยู่ในเว็บดังกล่าว

   ดังนั้นครูแชมป์ ขอฝากข้อคิดเตือนใจก่อนเลือกใช้บริการพื้นที่ฝากไฟล์ฟรีนะครับว่า

  1. อ่านกฎ กติกา ก่อนให้ครบถ้วน ว่ามีข้อแจ้งเตือน และเสียค่าบริการหรือไม่
  2. ลองสืบค้นข้อมูล ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเว็บดังกล่าวก่อน
  3. ควรใช้ email สำรองอื่นๆในการสมัคร เพื่อป้องกันการ spam 
  4. ระวังเรื่องรหัสผ่าน อย่าใช้ซ้ำกับอันอื่นๆ เช่น email ของเรา
  5. ระวังเรื่องการโพสต์ และการโฆษณา (สำหรับคุณครูที่จะนำไปใช้กับนักเรียน  ครูแชมป์อยากให้ระวังนิดนึงนะครับ เพราะบางเว็บมีโฆษณาวาบหวิวมากกกกก)


   เรื่องนี้ เป็นความปลอดภัยของเรานะครับ บางที ลงชื่อสมัครใช้งานครั้งเดียว ถึงกับต้อง format เครื่องก็มีนะครับ ไฟล์สำคัญในเครื่องหายไปละ แย่เลย จะหาว่าครูแชมป์ไม่เตือน


...............................

05 กุมภาพันธ์ 2555

การเพิ่ม link ใน blog ต่อจาก link เดิม

วันนี้ มีคุณครูท่านหนึ่งได้สอบถามวิธีการเพิ่ม link ธรรมะใน blog
ด้วยเห็นว่ามีประโยชน์ เลยนำมาบอกต่อกันอีกนะครับ


อาจารย์สามารถพิมพ์ต่อเพื่อเพิ่ม link ได้เลยครับ
1 login เข้าสู่ระบบ blogger.com
2 เข้าไปที่ "การออกแบบ"
3 คลิกตรง "แก้ไข" ของส่วนที่เป็น gadget รวม link นะครับ
4 คลิกตรง toolbar "ข้อความที่รูปแบบ" มันจะแสดงผลออกมา อาจจะมีตัวหนังสือห่างบ้าง ไม่ต้องสนใจนะครับ เพราะจริงๆแล้วต้องแก้ด้วย code
5 กด enter จากท้าย link ท้ายสุด เพื่อสร้างลำดับใหม่ (ถ้าไม่ enter จากท้ายสุด link ใหม่ที่พิมพ์ จะไม่ต่อเนื่องกัน)
6 พิมพ์ชื่อเว็บ เช่น เสียงธรรมหลวงตามหาบัว
7 คลุมดำข้อความที่พิมพ์ แล้วคลิกตรงรูป "ลูกโลกที่มีโซ่" บริเวณ toolbar ด้านบน ระบบก็จะให้เราป้อน url ของเว็บเสียงธรรมครับ
8 จากนั้นก็คลิก "บันทึก" ของ gadget
9 ระบบจะกลับเข้าสู่ "องค์ประกอบของหน้า" ให้คลิก "บันทึก" ปุ่มสีส้ม อีกครั้งนะครับ

   เข้าหน้า blog ไปลองทดสอบ link ดู ถ้าไม่ถูก ก็สามารถกลับไปแก้ไขได้ หรือใช้วิธี copy url ของเว็บธรรมะ ดังกล่าว ไว้ก่อนครับ พอถึงขั้นตอนที่ 7 ก็ วาง ได้เลยครับ




...............................

02 กุมภาพันธ์ 2555

ต่างมุ่งมาด...

   บ้างก็ว่าตนดีมีความเด่น
บ้างก็เห็นคนอื่นช่างด้อยเหลือ
ที่แท้คน ต่างก็โลภ อย่างเหลือเฟือ
ข่าขันเหลือ แสนอนาถ อุบาทนัก

29 มกราคม 2555

ประเพณีเสนเรือน ของชาวไทยทรงดำ "โซ่ง"

   เมื่อวานนี้ มีน้องนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าำไปพูดคุยกับชาวบ้านเรื่องวัฒนธรรมการร่วมมือร่วมใจกันของชาวบ้านในชุมชน ผมเลยให้ข้อมูลเรื่องเสนเรือนไป เพราะในพื้นที่เป็นชาวไทยทรงดำ หรืิอที่เรียกว่า ไทยโซ่ง หรือลาวโซ่ง

   ที่โรงเรียนเก่า (อ่อนวิมลราษฏร์วิทยา) ก็เป็นพื้นที่ไทยทรงดำเหมือนกัน พอได้ร่วมพูดคุยก็รู้ว่า ทั้งประเพณี วิถีชีวิตก็มีส่วนคล้ายคลึงกันมา่ก

   ก็เลยเอารูปที่เคยถ่ายเอามาขึ้นให้ชมกัน (ไม่ค่อยชัดนะครับ เพราะคุณภาพกล้องต่ำมากๆ)

ภายในห้อง (ปกติ จะไม่ให้คนอื่นน้องจากลูกหลานเข้าไปโดยเด็ดขาด)

พี่รำพรวน เจ้าของบ้าน ผู้ขออนุญาตผีปู่ย่า ให้เข้าไปถ่ายได้

พ่อหมอ ขณะทำพิธี (ปกติ จะไม่ให้คนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด)


   จำได้ว่้า วันนั้นกว่าจะตัดสินใจขึ้นไปดูได้ ก็นานเหมือนกัน พี่ๆคนอื่นๆเค้าไม่ขึ้นไปดูด้วยเลยสักคน แถมยังต้องถอดพระ ถอดตะกรุดออกเอาไว้ข้างล่าง สุดยอดเลยหละครับ







...............................

28 มกราคม 2555

วิธีการป้องกันตัวจากพลังงานลบที่มาดูดจากเราโดยไม่รู้ตัว



วิธีการป้องกันตัวจากพลังงานลบที่มาดูดจากเราโดยไม่รู้ตัว

เช่น คนที่กำลังทุกข์, ไม่สบายใจ, ป่วยไข้, คนโศกโศร้า,คนเห็นเเก่ตัว,คนอารมณ์ไม่ดี,คนที่คิดร้ายตลอดเวลา คนเล่นคุณไสย์ใส่คุณ ฯลฯ

วิธีเเรกเเบบง่ายที่สุด ไข่

จินตนาการให้ตัวคุณเอง เข้าไปอยู่ในไข่ใบใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เเล้วคุณเปิดประตูเข้าไปในไข่ใบนี้ ไข่พลังงาน เดินเข้าไปข้างใน เเล้วก็ปิดประตูซะ ข้างในเป็นกำเเพงที่เเข็งเเกร่งเเละหนามากๆ เเละไม่มีอะไรที่จะทำลายไข่ใบนี้ได้ สิ่งที่จะเข้ามาได้มีเเต่ พลังงานบวก พลังงานความรัก พลังงานเเห่งความเมตตาเท่านั้น คนที่มองโลกในเเง่ลบจะอยู่ข้างๆไข่ของคุณ ไม่สามารถเข้ามาได้เด็ดขาด มีประโยชน์มากเวลาที่คุณเดินทาง เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้ว่า คนที่อยู่ใกล้ๆคุณกำลังคิดอะไรเเละมีพลังงานเเบบไหน เพราะ ความคิด คือ พลังงาน ดังนั้น เรื่องราวที่เขาคิดย่อมมีผลกระทบกับเรานั้นเอง ไข่ใบนี้จะช่วยคุณเวลาที่คนคิดร้ายกับคุณ เช่น นินทาคุณ หรือ พูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณ หรือ อาจจะอิจฉาคุณ เพราะ พลังงานไข่จะกันพลังงานลบเเละสะท้อนออกไปจากภายนอก เเล้วพลังงานพวกเขาจะไม่ทำให้คุณรู้สึกอะไร คุณจะใช้เมื่อไรก็ได้ เพียงเเค่คิดเเละจินตนาการขึ้นมาทันทีเมื่อคุณต้องการป้องกันตัวเองจากพลังงานลบทั้งหมด ถ้าคุณจินตนาการไม่เก่งให้พูดออกมาเลยว่า "ฉันล้อมรอบอยู่ในไข่ของฉัน" ได้ผลเเละมีประสิทธิภาพมากเช่นเดียวกัน

วิธีที่สอง ต้นไม้

สำหรับคนทั้งตั้งใจส่งพลังงานมาหาคุณโดยเฉพาะ เช่น คุณไสย์ เวทย์มนต์ สาปเเช่ง ตั้งใจทำร้ายคุณเเบบจริงๆจังๆ ให้คุณ จินตนาการถึงต้นไม้ต้นใหญ่ๆ เช่น ต้นโอ็ค ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไม้ใหญ่มากอยู่รอบๆตัวคุณทุกมุมซ้าย ขวา หน้า หลัง ให้คุณอยู่ตรงกลางที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ จินตนาการโซ่ทองผูกรอบๆต้นไม้ทั้งหมด จินตนาการลำเเสงสีขาวบริสุทธิ์พุ่งลงมาที่ตัวคุณอยู่ภายในต้นไม้ เเละรู้ว่า คุณได้รับการปกป้องจากพลังงานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือ ได้ผลเเละมีประสิทธิภาพมาก

วิธีที่สาม ไฟ

ให้จินตนาการถึงเปลวไฟ เมื่อคุณต้องการทำความสะอาดเเละป้องกันพลังออร่าของตัวคุณเอง หรือ ให้คุณกล่าวว่า "ขอให้เทพเเห่งไฟช่วยทำความสะอาดเเละรักษาร่างกายเเละพลังงานของลูกด้วย" เเล้วให้คุณจินตนาการว่า ไฟกำลังเผาพลังงานลบที่อยู่ในตัวคุณออกให้หมด เหมือนอย่างที่อยู่รายล้อมคุณ ให้ใช้เมื่อคุณกำลังรักษาผู้อื่นอยู่ เราคงไม่อยากให้พลังงานลบของพวกเขามาทำสร้างพลังงานลบให้กับเราเช่นเดียวกัน

วิธีที่สี่ ปิรามิด

ถ้ามีคนต้องการลบพลังงานของคุณ ให้จินตนาการให้คุณอยู่ใน โคน หรือ ปิรามิดกระจกที่เเข็งเเกร่งมากๆ กระจกจะสะท้อนพลังงานใดๆก็ตามที่เข้ามาหาคุณชนกับกระจกเเละสะท้อนออกไปขึ้นสู่ท้องฟ้า ขึ้นไปสู่สวรรค์ สถานที่ๆสามารถเปลี่ยนพลังงานดังกล่าวให้กลายเป็นพลังเเห่งความรักอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้คุณสามารถจินตนาการได้เเละจะช่วยป้องกันคุณะจากไวรัสเเละเชื้อโรคต่างๆเช่นเดียวกัน เเละคลื่นความถี่นี้จะช่วยยกระดับคุณให้เข้าสู่ระบบใหม่ ดังนั้นมันมีประโยชน์มากกับทุกระดับเพื่อปกป้องพลังงานของคุณ

สอนโดย Anne Jones
Protecting your Energy

27 มกราคม 2555

ครูบอกแล้ว ไม่เชื่อกันเอง

   วันนี้เด็กๆชั้น ม.3 กลับมาจากการเข้าค่ายลูกเสือ

   สีหน้าที่อิดโรย กับท่าทางที่แทบจะแบกสังขารไม่ไหว มันทำให้ผมดีใจยิ่งนักที่เด็กๆได้สัมผัสอีกความรู้สึกหนึ่ง คนเราย่อมมีช่วงเวลาที่ยากลำบากทั้งนั้น

   ... แด่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป

   เด็กๆเล่าถึงกิจกรรมสุดโหด สุดมันส์ให้ฟัง แล้วก็พูดว่า "เป็นแบบที่ครูแชมป์พูดจริงๆด้วย"

   ผมคงต้องได้ยินคำนี้อีกนาน เพราะทุกรุ่นก็แบบนี้แหละ หลายเรื่องเลยที่ไม่เชื่อครูตั้งแต่แรก เมื่อถึงเวลาหนึ่ง ก็จะเข้ามากอดขา พร้อมกับพูดว่า

   "รู้อย่างนี้ ผมเชื่อครูตั้งแต่แรก"





...............................

26 มกราคม 2555

แม้จะได้แค่บ่น แต่ก็ขอ 1 Like เป็นกำลังส่งสู่พี่น้องครูชายแดนใต้...

แม้จะได้แค่บ่น แต่ก็ขอ 1 Like เป็นกำลังส่งสู่พี่น้องครูชายแดนใต้...

ทุกวันนี้ ผมว่า ผมเดินทางมาทำงานด้วยความเสี่ยงมากแล้ว แต่เมื่อได้นึกถึงเพื่อนครู พี่น้องครู ที่อยู่สามจังหวัดชายแดนว่าเค้าต้องเสี่ยงภัยมาเพียงไหน ความลำบากของผมเป็นเรื่องเล็กๆไปเลย

เสี่ยงทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ขอคารวะพี่น้องครูสามจังหวัดว่า เป็นยอดครูที่แท้จริง

บางคนในขณะนี้ กำลังจะได้ผลตอบแทนจากการกระทำของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วกว่าเจ็ดล้าน ในขณะที่พี่น้องครูของเรา ได้จากฌาปนกิจฯ ได้จาก ชพค. ชพส. ไม่ถึงล้าน... ที่สำคัญ ยังต้องเสียเบี้ยประกันด้วยตนเอง

คนที่ได้เจ็ดล้าน เค้าบอกว่า เค้าคำนวณจากอายุเฉลี่ย ว่าถ้ายังอยู่ จะสามารถหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้เท่าไร แล้วเอามาคูณจำนวนปีอายุเฉลี่ย ผมก็ขอมองในมุมของครูบ้างว่า ถ้าเอาครูชายแดนใต้ 1 คน มาคำนวณบ้างว่า ครู 1 คน สามารถสอนศิษย์จบไปปีละ 20 คน โดย 1 คน สามารถหารายได้เดือนละ 9000 บาท (ตามค่าแรงขั้นต่ำ 300 บ.) ก้เท่ากับว่า ครูมีส่วนให้เกิดรายได้เดือนละ 180000 บาท แล้วชีวิตครู กลับถุกมองว่าด้อยค่ากว่าเหรอ

ถามความสมัครใจผมว่า ให้ผมย้ายไปสอนที่นั่นไหม...
ผมก็ยอมรับว่าไม่กล้า และก็เชื่อว่า หลายคนก็ไม่กล้า ผมจึงขอก้มหัวคารวะหัวจิตหัวใจครูชายแดนใต้มากๆเลยครับ

เอาเถิดครับ ในฐานะที่เป็นครูเหมือนกัน ก็ขอให้กำลังใจเรื่อยๆ และเชื่อว่า ในชาตินี้ ประเทศนี้ ย่อมมีคนที่ห่วงใยพี่น้องครูชาวใต้มากมาย หากพี่น้องครูชาวใต้ได้อ่านข้อความนี้ ผมก็ขอเรียนผ่านตรงนี้ว่า "คุณคือครู โดยจิตวิญญาณ" อย่างแท้จริง...

ช่วยกันแชร์ ให้ถึงมือพี่น้องครูสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%8C-Kru-champ/156982141018567
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ