11 กันยายน 2552

คาถาบูชาพระสังกัจจายน์

คาถาบูชาพระสังกัจจายน์

อิมินา สักกาเรนะ สาวะกะสังโฆ กัจจายะนะเถโร มะหาเตชะวันโต พุทธะโภคาวะโห ปาระมิตาโร อิทธิฤทธิ ติตะ มะณะตัง สะระณัง คัจฉามิ

10 กันยายน 2552

คาถาบูชาพระพุทธชินราช

คาถาบูชาพระพุทธชินราช
กาเยนะ วาจายะวะ เจตะสา วา เทวะนะคะเร จักกิวังสัสสะ ปัญจะมะมะหาราเชนะ ชินะราชะพุทธะรูปัง กะตัง นะมามิหัง
(๓ จบ

09 กันยายน 2552

คาถาบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)

คาถาบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)

พุทธะมะหามะณีระตะนะปะฏิมากะรัง ปูเชมิ
ทุติยัมปิ พุทธะมะหามะณีระตะนะปะฏิมากะรัง ปูเชมิ
ตะติยัมปิ พุทธะมะหามะณีระตะนะปะฏิมากะรัง ปูเชมิ
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ มะหาเตโช เจวะ มะหาปัญโญ
จะ มะหาโภโค จะ มะหายะโส จะ ภะวันตุ เม
นิพพานัสสะ ปัจจะโย โหตุ (หรือ วาละลุกัง สังวาตังวา)

08 กันยายน 2552

คาถาบูชาพระพรหม

คาถาบูชาพระพรหม
โอมปะระเมสะนะมัสการัม
องการะนิสสะวะ รัง พรหมเรสสะยัม ภูปัสสะวะวิษณุ ไวยะทานะโมโทติลูกปัมทะระมา ยิกยานัง ยะไวยะลา คะมุลัม สะทา นันตะระ วิมุสะตินัน นะมัตเต นะมัตเตร
จะ อะการัง ตโถวาจะ เอตามาตาระยัต ตะมัน ตะรามา กัตถะนารัมลา จะสะระวะ ปะติตัม สัมโภพะกลโล ทิวะทิยัม มะตัมยะ

07 กันยายน 2552

รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงาน คศ.3

ตอนนี้ มีแต่คนค้นหาคำว่า รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงาน คศ.3 หรือ รายชื่อคณะกรรมการตรวจผลงานอาจารย์ 3

ไม่รู้ว่าจะหาไปทำไม

อยากรู้ว่า ใครเป็นคนตรวจบาง เพื่อจะเดาทางทำผลงาน
หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ... ก็ไม่รู้


แต่มีคนค้นหาคำนี้เข้ามา (บ้าง)

แม้ไม่มาก แต่ก็ทำให้ผมสงสัยว่า "ทำไม"

รายชื่อคณะกรรมการตรวจประเมินผลงาน ชำนาญการพิเศษ
1. นาย.....
2. นาง.....
3. ผศ.....

แล้วถ้าคุณทำผลงานดี ต่อให้ใครต่อใคร เค้าก็เต็มใจประทับคำว่า ผ่าน ครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนแล้วกัน

รวมไปถึงคุณๆ ที่ค้นหามาเจอหน้านี้นะครับ

06 กันยายน 2552

ขึ้นเงินเดือนครู8% ลุ้นพรบ.ผ่าน

ขึ้นเงินเดือนครู8% ลุ้นพรบ.ผ่าน

ประชุม ก.ค.ศ.ไฟเขียวไปยกร่างบัญชีเงินเดือนและเงินวิทยฐานะครูใหม่ เงินเดือนเพิ่ม8% แต่แก้ไขพ.ร.บ.เงินเดือนครูก่อน

วันนี้(27พ.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ว่าหลังจากที่สั่งให้ ก.ค.ศ.เร่งยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่ ให้สอดคล้องพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ที่บัญญัติให้มีบัญชีเงินเดือนที่กำหนดเฉพาะเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูง (แบบช่วง) ในการประชุม ก.ค.ศ.จึงมีมติเห็นชอบ ร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและร่างบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ.เสนอ

ซึ่งมีผลให้เงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8 แต่ต้องรอให้สำนักงาน ก.ค.ศ.จะต้องไปยกร่าง พ.ร.บ.เงินเดือนเงินวิทยฐานะและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับใหม่เสร็จก่อน ซึ่งบัญชีนี้จะมีผลบังคับใช้ย้อนหลังไปวันที่ 1 เมษายน 2552 เหมือนกับข้ารากชารพลเรือนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการยกร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ แต่ในระหว่างที่ร่างพ.ร.บ.เงินเดือนฯ ยังไม่มีผลบังคับใช้ คงไม่สามารถใช้บัญชีอัตราเงินเดือนประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนโดยอนุโลมได้ เนื่องจาก ศธ.มีพ.ร.บ.เงินเดือนฯ เพื่อใช้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ

สำหรับร่างบัญชีเงินเดือนฯ มีอัตราดังนี้ ครูผู้ช่วย ขั้นต่ำชั่วคราว 7,940 บาท ขั้นต่ำ 8,700 บาท ขั้นสูง 16,840 บาท คศ.1 ขั้นต่ำชั่วคราว 8,130 บาท ขั้นต่ำ 11,930 บาท ขั้นสูง 29,700 บาท คศ.2 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 15,410 บาท ขั้นสูง 36,020 บาท คศ.3 ขั้นต่ำชั่วคราว 12,530 บาท ขั้นต่ำ 18,910 บาท ขั้นสูง 50,550 บาท คศ.4 ขั้นต่ำ 23,230 บาท ขั้นสูง 59,770 บาท คศ.5 ขั้นต่ำ 28,550 บาท ขั้นสูง 66,480 บาท

ส่วนร่างบัญชีอัตราเงินวิทยฐานะฯ จำแนกเป็นเงินวิทยฐานะตำแหน่งครู ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษารวมถึงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ก.ค.ศ.กำหนด มีอัตรา ดังนี้ วิทยฐานะชำนาญการ 3,500 บาท วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ 5,600 บาท วิทยฐานะเชี่ยวชาญ 9,900 บาท และวิทยฐานะ เชี่ยวชาญพิเศษ 15,600 บาท โดยในส่วนของวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นการขยายเพดานจาก 13,000 บาท เป็น 15,600 บาท

05 กันยายน 2552

แพ้สีทาเล็บ

แพ้สีทาเล็บ
การแพ้ยาทาเล็บในบางรายอาจพบรอยผื่นแดงในบริเวณรอบเล็บ

แพ้สีทาเล็บ

ปัจจุบัน สาว ๆหลายคนนิยมทำเล็บ ตกแต่งเล็บ ต่อเล็บ หรือเพนท์เล็บ ให้มีสีสันสวยงาม ซึ่งส่วนใหญ่ทำแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็มีบางคนที่ทำเล็บแล้วอาจมีผลข้างเคียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นตามมาได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า เล็บ คือ สารเคอราติน อัดเป็นแผ่นเรียบคลุมปลายนิ้ว มีพื้นที่แต่ละเล็บประมาณ 1-1.5 ตารางเซนติเมตร แผ่นเล็บจะโปร่งแสงจึงมองเห็นเม็ดเลือดแดงเป็นสีชมพูใต้เล็บ ในภาวะวิกฤติแพทย์ใช้สีเล็บประเมินระบบไหลเวียนของโลหิต จึงแนะนำให้ผู้ป่วยล้างยาทาเล็บออกเมื่อรับไว้เป็นผู้ป่วยภายใน

ปัจจุบัน ธุรกิจความงามบนแผ่นเล็บของสหรัฐมีมูลค่าสูงถึงปีละ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ ประเทศไทยก็กำลังเข้าสู่กระแสตามผู้นำของโลกเช่นกัน จึงพบศูนย์บริการแต่งเล็บเกิดขึ้นหลายแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

แต่เดิมการตกแต่งเล็บจะใช้ยา ทาเล็บแต่งสี จากเคยนิยมสีชมพูเลียนแบบสีธรรมชาติเพื่อแสดงว่าสุขภาพสมบูรณ์ ปัจจุบันสียาทาเล็บเปลี่ยนเป็นสีเข้มคล้ายสีเล็บของผู้เจ็บป่วยใกล้ตาย เช่น สีฟ้า สีม่วง การตัดแต่งเล็บก็เปลี่ยนไปตามกระแสนิยม ปลายเล็บรูปรีแหลมก็เปลี่ยนเป็น ตัดตรงเหลี่ยม การตัดหนังรอบเล็บเพื่อให้ผิวเล็บเพิ่มมากขึ้น ในระยะโรคเอดส์เริ่มระบาดหลายคนเลิกทำเล็บเพราะเกรงว่าเครื่องมือไม่สะอาดพอ แต่ความกลัวได้จางหายไป การตกแต่งเล็บจึงกลับมานิยม อีกครั้ง

ขั้น ตอนการทาเล็บจะต้องทำความสะอาดเล็บด้วยสารอะซีโตน ซึ่งสารนี้เมื่อใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เล็บขาดความเงางาม เนื้อเล็บจะขุ่นและเปราะบางหลังทำความสะอาดจึงใช้น้ำยาทาเล็บทาทับหลายชั้น เพื่อให้ผิวเล็บเรียบ ยาทาเล็บประกอบด้วยสารหลายชนิดที่สำคัญ คือ ไนโตรเซลลูโลส โทลูอีน ซัลโฟนามายด์ ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซิน หรือ ทีเอสเอฟ อาร์ (toluene sulfonamide-formaldehyde resin : TSFR) และพลาสติไซเซอร์ ซึ่งเมื่อแห้งจะเป็นแผ่นฟิล์มใสวาวเรียบเคลือบเล็บ

สีที่ผสมในยาทา เล็บจะต้องใช้ชนิดไม่ละลายเข้าในเนื้อเล็บ ในยาทาเล็บมักมีสารฟอร์มาลิน เจืออยู่ เพื่อเพิ่มความแข็งของเล็บ สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้ได้ สำหรับยาทาเล็บแบบสีมุก จะผสมด้วยผงกวานีน ซึ่งได้จากเกล็ดปลา อาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ในบางราย

แต่ส่วนใหญ่การแพ้ยาทาเล็บจะไม่มีผื่นบริเวณรอบเล็บเพราะในขณะทาเล็บผู้ทา ต้องระมัดระวังไม่ให้ยาทาเล็บโดนผิวหนัง ดังนั้นรอยผื่นแพ้ยาทาเล็บมีลักษณะรอยแดงเป็นทางยาวพบในบริเวณใบหน้า หนังตา แก้ม รอบปาก ด้านข้างของคอ หรือบริเวณหน้าอก เพราะในขณะรอให้ยาทาเล็บแห้งเจ้าของมืออาจขยับทำกิจกรรมต่าง ๆ น้ำยาทาเล็บที่ยังไม่แห้งสนิทจึงสัมผัสผิวหนังในบริเวณดังกล่าว ยาทาเล็บเมื่อแห้งสนิทจะไม่ทำให้เกิดการแพ้ สารที่แพ้คือสารเคลือบเล็บ

การ ตกแต่งเล็บกำลังพัฒนาเป็นการสร้างประติมากรรมขนาดย่อม มีการใช้แผ่นเล็บสังเคราะห์มาเชื่อมแปะทับเพื่อเพิ่มพื้นที่และมีการใช้ผงอะ คริลิกผสมน้ำยาทาทับบนแผ่นเล็บให้หนาขึ้นพอที่จะแกะสลักลวดลายให้พิสดาร ประดับด้วย ทอง เพชร พลอย การตกแต่งเล็บมักนิยมขูดแผ่นเล็บจริงให้เรียบ จำเป็นต้องใช้กาวพิเศษกลุ่มอะคริลิกโพลิเมอร์เพื่อให้การยึดสิ่งซึ่งจะมา ประดับแน่นหนาเพิ่มขึ้น วัสดุซึ่งปิดทับเล็บจะขัดขวางการระเหยของน้ำของแผ่นเล็บ ทำให้แผ่นเล็บนิ่มและน้ำที่ขังในแผ่นเล็บยังละลายกาวให้ดูดซึมเข้าใต้แผ่น เล็บได้ กาวจะทำลายเนื้อเล็บแบบถาวรได้ ซึ่งหมอเจอคนไข้รายหนึ่งมาพบด้วยสาเหตุนี้ จนเล็บหลุดไป อย่างไรก็ตามมีความพยายามที่จะเปลี่ยนชนิดของกาวที่ใช้ให้ปลอดภัยขึ้น แต่ก็มีรายงานการแพ้แบบรุนแรงอยู่เช่นเดิมในคนไข้บางคน

ท้ายนี้คง ต้องบอกว่า การดูแลเล็บแบบถูกต้องก็คงเพียงแค่ตัดเล็บให้สั้น เพื่อสะดวกในการทำความสะอาด อาจใช้แปรงนุ่ม ๆ ขัดผิวเล็บที่สกปรก ไม่ควรตัดหรือขัดถูผิวหนังรอบเล็บเพราะจะกระตุ้นให้หนังหนาแข็งได้ แผ่นเล็บอาจแสดงถึงสุขภาพทั่วไปซึ่งจะเสื่อมไปตามวัย แผ่นเล็บอาจขุ่น ผิวเล็บอาจขรุขระก็ต้องทำใจรับธรรมชาติ ส่วนการตกแต่งเล็บก็ควรทำแค่พองาม เพราะถ้าเกินงามอาจสูญเสียเล็บแบบถาวรได้.

นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน

ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

04 กันยายน 2552

ปวดเมื่อยมหันตภัยร้าย ภัยของทุกวัยในสังคม

ปวดเมื่อยมหันตภัยร้าย ภัยของทุกวัยในสังคม
นั่งทำงานหลายชั่วโมง ร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด

ปัจจุบันวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยใหม่ ตั้งแต่วัยเด็กเล็กไปจนถึงวัยเกษียณอายุ ล้วนแล้วแต่ประสบกับปัญหาความเมื่อยล้าอันเนื่องมาจากการใช้กล้ามเนื้อจน เกินไป ไม่ว่าจะเป็นต้องนั่งหลังคดหลังแข็งท่องหนังสือ นั่งทำงานหลายชั่วโมงติดต่อกัน ฯลฯ จนร่างกายรับไม่ไหวกลายเป็นโรคภัยไข้เจ็บไปในที่สุด

คุณเพ็ญพิชชา กร แสนคำ นักกายภาพประจำสถาบันปรับโครงสร้างอริยะ กล่าวว่า เด็กรุ่นใหม่สมัยนี้จะมีโรคภัยไข้เจ็บง่ายเพราะเอาแต่เรียนไม่มีกิจกรรมอื่น เสริมเหมือนในสมัยก่อน เพราะเด็กมีความยืดหยุ่นดีจึงทำให้เขามีอาการที่ไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่จะเห็นได้ชัดในวัยเด็กก็คือ ความผิดปกติของโครงสร้างร่างกายหรือ ความผิดปกติของระบบกระดูกสันหลัง ซึ่งอาจทำให้รบกวนพัฒนาการของเด็กได้ ไม่ว่าจะเป็นหลังค่อม หลังคด อ้วน หลังแอ่น เหล่านี้พ่อแม่หลายท่านอาจจะไม่ได้นึกถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในอนาคต แต่จะกังวลเรื่องบุคลิกภาพ เกรงว่าเมื่อโตขึ้นจะทำให้บุคลิกภาพไม่ดี โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง เมื่อย่างเข้าวัยสาวก็จะทำให้มีปัญหาได้ เด็กบางคนมีความผิดปกติจนถึงขั้น สะโพกเอียงไปข้างหนึ่ง หรือหลังไหล่ค่อมจนทำให้ดูไม่สูงก็มี ซึ่งหากดูแลโครงสร้างร่างกายให้ดี ปรับโครงสร้างร่างกายในเด็กกลุ่มนี้แล้วจะทำให้เขามีบุคลิกที่ดีขึ้น ตัวสูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างร่างกาย (แรงอัดในช่องว่างกระดูกสันหลังน้อยลง) และที่สำคัญที่สุดเมื่อเขาโตขึ้นอยู่ในวัยทำงานเขาก็จะสามารถทำงานและเป็น ผู้ใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนวัยทำงานเป็นวัยที่ต้องใช้ร่าง กายหนักมากที่สุด จนในที่สุด เกิดโรคใหม่ของคนวันทำงาน ที่เรียกว่า Office Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่หนักมากเกินไป ใช้ร่างกายอยู่ในท่าเดิมๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ซ้ำๆกัน วันหนึ่งหลายชั่วโมง และต่อเนื่องกันมานานหลายปี รวมถึงไม่ได้ดูแลร่างกายอย่างถูกต้องจึงก่อให้เกิดปัญหาตามมาเช่น โรคปวดหลัง,ปวดคอ,หมอนรองกระดูกเคลื่อน/ทรุด/และเสื่อมก่อนวัยอันควร ,อ่อนแรง-ชาตามมือ/แขน/ขา ฯลฯ โดยปกติอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนหากคุณไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง แล้ว นอกจากจะกลายเป็นอาการเรื้อรังรักษาไม่หาย ก็อาจทำให้เป็นโรคร้ายได้ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจถึงขั้นอัมพฤกษ์อัมพาตก็ได้

ด้าน ผู้สูงอายุทั้งหลาย ที่พบได้บ่อย คือ การปวดเมื่อยตามร่างกาย อันเนื่องมาจากร่างกายมีความเสื่อมอยู่แล้วแต่หากความเสื่อมนั้นเข้ามารุม เร้าก่อนวัยอันควรก็จะทำให้เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวันมาก รวมถึงมีผลกระทบกับคนรอบข้างอีกด้วยเพราะถ้าต้องเป็นภาระของคนอื่นด้วยแล้ว ยิ่งทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่ตามมาด้วย

ในทางของธรรมชาติบำบัดบอกไว้ว่า ความเจ็บปวดและอาการต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกที่ร่างกายแสดงออกมาให้เรารับรู้นั้นเป็นสัญญาณเตือนภัย ที่จะบอกเราว่าเราเริ่มมีความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ความเมื่อยล้าหรืออาการปวดเมื่อยก็เช่นเดียวกันเป็นสัญญาณอย่างถึงที่บ่งบอก ไปถึงความผิดปกติของระบบกระดูกกล้ามเนื้อ ซึ่งระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตหนึ่ง ชีวิต นั่นคือ ระบบกระดูกกล้ามเนื้อเป็นทางผ่านของระบบเส้นประสาท เลือด น้ำเหลือง ฯลฯ ซึ่งสมองเป็นตัวสั่งการให้ร่างกายทุกส่วนทำงานอย่างเป็นปกติ ส่งผ่านทุกหน่วยย่อยของเส้นประสาท เซลล์จะได้รับอาหารและถ่ายเทของเสียโดยผ่าน ระบบเลือด/น้ำเหลือง ซึ่งผ่านไปตามแนวของกล้ามเนื้อ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าร่างกายคนเราจะทำงานให้เต็มศักยภาพก็ต่อเมื่อระบบ กระดูกกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียน ต้องอยู่ภายใต้ระบบกระดูกกล้ามเนื้อที่สมดุลและแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน

สิ่ง หนึ่งที่แน่นอนว่าจะเป็นทางออกของปัญหาดังกล่าว ก็คือ การรู้จักดูแลป้องกันตัวเองก่อนที่ตนเองก่อนจะสายเกินไป นั่นคือ การปรับโครงสร้างร่างกายเป็นการปรับสภาวะของระบบกระดูกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และสมดุลกัน กระดูกวางตัวอยู่ในความโค้งที่ปกติ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อมีความแข็งแรงทนทานเพียงพอต่อการใช้งานในไลฟท์สไตล์ ของแต่ละคน

นอกจากนี้ การปรับโครงสร้างร่างกายยังรวมถึงการอยู่ในท่าทางและอิริยาบถที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการทำงาน การเดิน การยืน การนั่ง การนอน ฯลฯ เช่นการนอนที่เหมาะสมที่สุดคือนอนหงายมีหมอนรองใต้ข้อเข่า การยืนควรยืนลงน้ำหนักให้เท้าสองข้างลงน้ำหนักเท่าๆ กัน การนั่งไม่ควรนั่งไขว้ห้าง หรือนั่งเท้าแขน ควรเลื่อนก้นให้ชิดพนักพิง ยืดลำตัวตรง หากต้องนั่งทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ก็ควรมีช่วงพัก เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง เพื่อให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ยืดกล้ามเนื้อบ้าง ฯลฯ

สำหรับผู้สนใจเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สถาบันปรับโครงสร้างร่างกายอริยะ ชั้น 1 ไลฟ์เซ็นเตอร์ ตึกคิว เฮ้าส์ ลุมพินี โทร.02-677-7166
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ