ผมว่า ทุกคนก็เคย ผมเองก็ยังเคย นั่นเพราะ เราตัดสินคนๆนั้นด้วยข้อมูลที่เรามี ด้วยความรู้สึกที่เรามี แล้วเราก็กลับมาเสียใจและรู้สึกผิดที่หลัง ว่าเราไม่ควรคิดกับเขาแบบนั้น
บางสิ่งบางอย่างผุดขึ้นในหัวข้อครูบ้านนอกอย่างครูแชมป์ ตอนนั่งดูแก้วโกโก้
เรามองด้านนี้ เราเห็นหูของแก้ว ในขณะที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับมองเห็นว่า มันเป็นแก้วเปล่าๆ ไำม่มีหู นั่นเพราะ เขามองคนละมุมกับเรา
มันก็คงเหมือนกับที่หลายคนกำลังตัดสินเราอยู่
บางคนเค้าอาจมองว่า การที่ผมออกมาประชุม อบรม สัมมนา เป็นวิทยากร เป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย เป็นการเบียดบังเวลาราชการ เอาเวลามาทำงานส่วนตัว
ผมกำลังมองว่า สิ่งต่างๆที่กล่าวมา เป็นการทำงานส่วนตัวในส่วนไหน
คนที่เค้าพูด เค้าเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ ว่าใน 1 ปีการศึกษา เค้าไปอบรมในนามของโรงเรียนกี่ชั่วโมง (ไม่นับที่เค้าสมัครใจอบรมเพื่อประโยชน์ของตัวเองนะจ๊ะ)
เค้าเคยโดนโทรศัพท์ตอนสามทุ่มครึ่งสั่งให้ไปอบรมในวันพรุ่งนี้หรือไม่
เค้าเคยโดนโทรศัพท์ตอนกำลังจะออกบ้านไปโรงเรียน ให้ไปประชุมแทนการเข้าโรงเรียนหรือไม่
เค้าเคยโดนโทรศัำำพท์ให้เตรียมตัวให้เข้าไปถ่ายรูปน้ำท่วมในโรงเรียนหรือไม่
เค้าเคยโดนโทรศัพท์ให้ย้อนกลับไปประชุมกรรมการแข่งขัน ตอนที่กำลังขี่รถไปถึงครึ่งทางแล้วหรือไม่
เค้าเคยต้องนำสิ่งที่โดนอบรม ประชุม สัมมนา กลับมาทำงานต่อ มาขยายผล มาเขียนรายงาน เขียนแผนปฏิบัติการหรือไม่ ฯลฯ
...แม้กระทั้งการสอนพิเศษที่ผมต้องสอนนักเรียนที่อื่นเพิ่มนั้น เพราะผมมีเหตุผลอะไร
คุณรู้หรือไม่ เวลาที่ผมบอกเหตุผลไปบางคนบอกว่า งบประมาณไปอยู่ที่ไหนหมด ทำไมเค้าไม่จัดซื้อจัดหา ผมมาทราบในภายหลังว่า เค้ามองภาพโรงเรียนของผมมีเนื้อที่ 10 ไร่ มีเด็กนักเรียนเกือบพัน มีครูครึ่งร้อย มีผู้ปกครองที่ร่ำรวยพร้อมที่จะให้การสนับสนุน
แต่ในโลกของความเป็นจริง โรงเรียนผมมีนักเรียนเพียง 99 คน งบประมาณสนับสนุนก็เลยน้อยตาม ทั้งๆที่มีนักเรียนระดับมัธยมต้นอยู่ด้วย
หนักไปกว่านั้น นอกงานงบประมาณจะน้อยแล้ว จำนวนครูก็ลดลงตามจำนวนเด็ก ทั้งๆที่ก็ยังต้องสอนระดับมัธยมอยู่ เอาเป็นว่า คุณลองนึกถึงครูที่ไม่ได้จบคณิตศาสตร์ ต้องมาสอนคณิตศาสตร์ นอกเหนือจากการสอนวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ไปด้วยกัน
คุณภาพ คงไม่ต้องพูดถึง...
เรื่องสามัญสำนึกของความเป็นครู เราก็เชื่อว่า ครูทุกคนล้วนต้องการให้นักเรียนอย่างเต็มที่ ทั้งๆที่มีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งงบประมาณดังที่กล่าวมา ทั้งสื่อการสอน ผมพูดตรงๆ ผมอยากซื้อ VCD คณิตศาสตร์ ของระดับ ม.3 มาเปิดให้เด็กๆดู แต่ติดด้วยราคาชุดละสามพันสามร้อยกว่าบาท อยากมีจอโปรเจคเตอร์มาฉายในห้องวิทยาศาสตร์ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลง ไม่ต้องรบกวนคนอื่น อยากได้เอ๊กซ์ทานอล ฮาร์ดดิกส์ มานำไฟล์ VDO ไฟล์ข้อมูลสาระน่ารู้ทางวิทยาศาสตร์ มาเปิดให้เด็กๆดู
ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเงินเดือนของผมยังน้อยมากๆ
ทางเดียวที่ผมจะหามาได้ คือมีผู้สนับสนุน หรือก็ต้องเก็บเงินซื้อเอง....
เท่าที่พูดมา คือผมกำลังจะอธิบายให้หลายคนที่คิดว่า ผมเป็นพวกสอนพิเศษที่หวังรวย หากินกับเด็กๆ ผมเองก็อยากตอบว่า เอาไว้ผมเอาเวลาไปขายตรง ขายประกันแล้วรบกวนการสอนของผม แบบนั้นคงจะดูไม่ดีมากกว่าไหม...
...ส่วนเรื่องที่ผม เดินสายบ่อยๆ (แหม พูดยังกับเป็นดาราเน๊าะ)
ในใจลึกๆ ผมกำลังทำในสิ่งที่ ทำลายคำว่า "โรงเรียนวัดยางแขวนอู่อยู่ตรงไหนอะ ไม่เคยรู้จัก" เพราะอย่างน้อยๆ เค้าก็จะได้คุ้นชื่อ ครูแชมป์ วัดยางแขวนอู่ไว้บ้าง
บางคนอาจมองว่า มันสำคัญด้วยเหรอ กับการที่ทำให้โรงเรียนเป็นที่รู้จัก...
...สำคัญสิครับ
ถ้าโรงเรียนเป็นที่รู้จัก โอกาสที่งบประมาณจะเข้ามาก็มากขึ้น โรงเรียนพัฒนาได้มากขึ้น นักเรียนมีสิ่งดีๆไว้ใช้มากขึ้น
ผมคิดแบบนี้มาตลอด คิดแบบนี้ทุกวินาทีของลมหายใจ และทุกๆที่ที่ผมรัก ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน หรือที่มหาวิทยาัลัยที่สร้างผมมา
บางที การเสียสละแล้วโดนด่า แต่ทำให้เกิดการพัฒนาขึ้นมา ผมก็ยอมครับ
...เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ !!!!!!
ให้กำลังใจครูบ้านนอกด้วยนะจ๊ะ ... ขอบคุณจ้า
...............................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ