15 กันยายน 2554

เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นภายในวันเดียว (บทสรุปปฏิบัติการ พาโมเมกลับบ้าน)

   สว้สดีครับ
   ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณพี่น้องทุกท่าน ที่ร่วมด้วยช่วยกันส่งต่อข้อมูลเรื่องราวการหายไปผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะ email และ ทาง facebook เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อว่า คนดีๆในสังคม หากร่วมมือกันทำความดีตามกำลัง ตามความสามารถ สังคมของเราคงจะน่าอยู่ขึ้นกว่านี้ (ตอนที่รู้ว่าโมเมหายไป ผมทำหน้าเว็บประกาศที่นี่ครับ http://www.seal2thai.org/etc/sapanboon/mome.htm )

สอบถามข้อมูลจากโมเม
    ผมออกเดินทางไปสอบถามข้อมูลจากโมเมและครอบครัวด้วยตนเอง โดยเดินทางไปถึงประมาณ 08.45 น. แล้วก้ได้สอบถามข้อมูลจากทุกคน
(แอบไปทำนั่งร้านบ้านโมเมพังไหมเนี่ย)
   ร่างกายของโมเมคล้ำไปมาก แต่โชคดีที่ไม่ถูกข่มเหงเหมือนดังที่หลายๆคนกลัวกัน โดยแม่ของโมเมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า คนที่ล่อลวงไปนำเสื้อผ้านักเรียนมาหา แล้วบอกให้โมเมไปเป็นเพื่อนสมัครเีรียนโรงเรียนในตัวอำเภอ ด้วยความไว้ใจ แม่ของโมเมได้ฝากเงินซื้อของมาขายตอนน้ำท่วมด้วย

   โมเมได้เล่าให้ฟังโดยต้องประติดประต่อเอาบ้างว่า คนที่พาไป พาซ้อนจักรยานยนต์ไปทางลานกระบือ เพื่อไปยังอำเภอคลองขลุง (ซึ่งเป็นคนละทางกับทางอำเภอ) จากนั้นก็พาไปกักตัวอยู่ที่นครสวรรค์ โชคดีที่ระหว่างนั้น ไม่ได้ถูกคนใจร้ายใจมารกระทำการใดใด นับว่าเป็นบุญของโมเม และผมเชื่อว่า อีกส่วนหนึ่งคือ แรงอธิษฐานและแผ่เมตตาจากหลายท่านที่ได้ปกป้องคุ้มครองเธอไว้

   โมเมถูกพาตัวไปอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ โดยคนที่พาไปบังคับให้เธอเรียกว่าแม่ และให้เรียกสามีเก่าของคนที่พาไปว่าพ่อ และให้บอกว่า พ่อแม่ที่แท้จริงตายไปหมดแล้ว

   น่าแปลกใจ ที่หัวหน้าคนงาน หรือผู้รับเหมา ดูเหมือนน่าจะรู้เรื่องบ้าง เพราะได้บอกกับโมเมตอนที่โมเมบอกว่า คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านว่า "ไม่ต้องกลับไปหรอก ทำงานที่นี่แหละ เดี๋ยวก็หาผัวหล่อๆที่นี่" มันแสดงถึงสามัญสำนึกของคนบางคน หากเป็นเราๆ เมื่อเห็นเด็กที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะถึง 15 และดูท่าทางไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไปมันก็ต้องเอะใจบ้าง แต่นี่ ยังมีการโทรบอกคนพาไปว่า รีบพาออกไปซะ ตำรวจจะเข้าจับกุมแล้ว (ใจสัตว์จริงๆ... ขออภัยนะครับ)

ครอบครัวดีใจ ที่ได้ลูกคืน
   เรื่องคดี ก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องทุกคน คงได้รับผลของการกระทำ หรือหากบนคนที่หลุดรอดไป ผมก็เชื่อว่า "กฎหมายเลี่ยงได้ กฎแห่งกรรมเลี่ยงไม่ได้"

เด็กนักเรียน ม.2 พายเรือออกมาหาครูแชมป์
   ผมเดินออกไปศาลาประชาคมที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของบ้านโมเม เพื่อไปคุยกับผู้ปกครองของนักเรียนบางคน ตอนนี้ทั้งครูและผู้ปกครองมีความหวั่นใจตรงกันว่า "เด็กมันจะจับดินสอไม่เป็นเสียแล้ว"

ทางเข้าโรงเรียนครับ...
   ใครจะทำ ใครจะเลิก บางระกำโมเดลก็ช่างเขา แต่ครูแชมป์ ขอไปนั่งคิดยางแขวนอู่โมเดลก่อนนะครับ ว่าจะสอนชดเชยกันอย่างไร

ชี้ชัดๆ จัดเต็มๆ

ถึงจะเป็นครูจนๆ ก็ภูมิใจที่ไม่โกงชาติ..(ว่าไปนั่น)

   ผมออกจากบ้านโมเมประมาณ 11.00 น. หิวข้าวเพราะยังไม่ได้กินข้าว เลยแวะไปกินข้าวแกงร้านอร่อยก่อนถึงตัวอำเภอ กินเสร็จนึกอย่างไรไม่รู้ อยากไปหาคุณป้าคนหนึ่งที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถามทางเสร็จ ยังขี่เลยบ้านป้าแกไป ยังมีใจย้อนกลับมาอีก ทั้งๆที่อยากมาแวะคุยเล่นเฉยๆ พอนั่งคุยเล่นกันสิบนาที ป้าแกก็ชวนไปวัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสายปฏิบัติ แต่ผมไม่มีแก่ใจอยากไป แล้วเราก็คุยกันต่อ แล้วป้าก็ออกปากชวนไปบ้านของคนที่เคยเล่าให้ฟัง ผมต้องยอมรับว่า จริงๆแล้วผมลืมไปว่าเป็นใคร แต่ปากก็ตอบรับแกไปทันที (ป้าแกมาบอกตอนหลังมา ... มีผู้ดลใจ)
กล่องหนังสือธรรมะหลวงตามหาบัว
   สิ่งแรกที่ผมทำตอนเข้าไปในบ้านคือ กราบ 5 ครั้ง เพราะเบื้องหน้าคือรูป และรูปลอยองค์หลวงตามหาบัว หลังจากนั้น เจ้าของบ้านก็เชื้อเชิญให้ไปชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น้อยคนจะมีไว้

วงสนทนาธรรม
   วงสนทนาก็เล่าสู่กันฟังในเรื่องของประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องปราฏิหาริย์ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เมตตาต่อเหล่าศิษย์ (เอาเป็นว่า เล่าตั้งแต่สิบเด็ดโมง ยังสี่โมงครึ่ง)

รูปลอยองค์ องค์หลวงตามหาบัว

รูปลอยองค์ องค์หลวงตามหาบัว

ภาพถ่ายจากวัดป่าบ้านตาด

หลวงตาทอดผ้าป่าช่วยชาติ

วัตถุมงคลและพระธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่างๆ

ผ้าซับหลวงตามหาบัว (ก่อนท่านเข้านิพพาน)
   สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมรู้สึกดีใจที่สุด เพราะเจ้าของบอกว่า ได้รับจากพระอุปฐาก หลวงตในวันที่ท่านละสังขาร (หากใครเห็นภาพของหลวงตาวันที่ท่านละสังขาร จะเห็นมีพวงมาลัยสีขาวอยู่ 5 พวง 3 พวงในนั้นเป็นของพี่คนนี้ ซึ่งเธอตั้งใจจะไปไหว้หลวงตาโดยไม่คาดคิดว่า วันนั้น จะเป็นวันสุดท้ายของท่าน)


พระอังสะของหลวงตา ที่ยังได้กลิ่นของหลวงตาติดอยู่

เกศาธาตุพ่อแม่ครูอาจารย์

"พระธาตุจากน้ำในไขข้อกระดูกของหลวงตา... บางชิ้นกลายเป็นทอง"

พระอัฐฐิธาตุของหลวงตามหาบัว

พระอัฐฐิธาตุหลวงตามหาบัว
   นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า เป็นผลมาจากความตั้งใจช่วยโมเมอย่างเต็มที่ และด้วยความปรารถนาอยากให้โมเมกลับบ้านอย่างปลอดภัย ครูบาอาจารย์เลยมอบรางวัลให้

ไม้จิกที่เหลือจากการเตรียมถวายเพลิงหลวงตา

ป้าแกนอนฟังเพลินเลย

สุดยอดพระยอดธง สายพระปฏิบัติ

เจ้าของบ้านมอบให้คนละองค์ (เป็นล็อกเก็ตที่แจกในงานพระราชทานเพลิงสังขารหลวงตา 50,000 องค์)
มวลสารหลวงตามหาบัว (ชานหมาก, ข้าวก้นบาตร, เกศา)

ของดีทั้งนั้น
   สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือ ปกติ พี่เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เมื่อวานนี้ พี่ก็ได้โทรบอกป้าแกมาเอาว่านยา (ส่วนที่เหลือหลังจากส่งไปถวายพ่อแม่ครูอาจารย์รูปหนึ่ง) แต่ป้าแกก็ไม่มา ปกติโทรปุ๊บ มาปั๊บ และพี่คนนั้นก็กำลังจะออกจากบ้านพอดี จะไปส่ง CD ให้น้องชายทำสำเนา 

   สรุปแล้ว ป้าแกบอกว่า หลวงตาท่านเมตตาให้ผมเป็นผู้ทำงานนี้ และมอบรางวัลให้หลังจากทำความดี โอยยยย ทุกท่านครับ ผมขนลุกหลังจากรับวัตถุมงคลของหลวงตา เกิดปิติน้ำตาไหล คนที่ไปด้วยก็เกิดอาการเดียวกัน ผมเชื่อครับ ว่าท่านพาผมมาจริงๆ

   เอาเป็นว่า ... เรื่องราวในวันนี้ ทำให้ผมเชื่อว่า "กรรม เป็นสิ่งที่ให้ผลแน่นอน ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว" ที่สำคัญ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล

ขอบคุณครัับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ