17 กันยายน 2554

สถานการณ์น้ำท่วม...พิษณุโลก 17 ก.ย. 54

วันนี้ขอรายงานสถานการณ์น้ำท่วมผ่านภาพถ่ายฝีมือสมัครเล่นนะครับ


น้ำทะลักทางสายหลัก (สีหราชเดโชชัย)

น่ากลัวน้อ

น้ำทะลักนะครับ ไม่ใช่น้ำท่วม (ทะลักจากท่อ)

ตลาดไนท์ฯ ของชาวพิษณุโลก

เอากระสอบทรายมาไม่ทัน ใช้ดินแทนละกัน

ซบเซา เงียบเหงา

เหลือประมาณ 1 คืบ

เฟื้องฟ้ากลางกระแสธารา

เรือนแพ...

กระแสเชี่ยวที่เลี้ยวลด

เงียบบบบ

เพิ่มคำอธิบายภาพ

แพร้านอาหาร

สะพานเอกาทศรถ

แผงพระ

องค์พระพรหม


ลานเต้นแอร์โรบิค

กลายเป็นสนามโปโลน้ำไปซะแล้ว



อาคารสำนักศิลปและวัฒนธรรม ม.ราชภัฏพิบูลสงคราม




ใจกลางเมือง... ใจกลางน้ำ...


ขอบคุณครับ


...............................
วัตถุมงคล อ.หนู กันภัย สอนพิเศษพิษณุโลก

ยันต์โสฬสมงคล

ตะกรุดยันต์โสฬสมงคล หลวงพ่อตัด วัดชายนา
โดย : trustnow


ยันต์โสฬสมงคล
   เป็นยันต์เลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว ( โสฬสคำนี้แปลว่า 16 ชั้นฟ้า อันมีอินทร์ , พรหม , ยม ,นาค และพระคณาจารย์โบราณ จะกล่าวพรรณาถึงเมื่อเวลากระทำพิธีบวงสรวง ในการบูชาครูทุก ๆ ครั้ง ) ด้วยสูตรโสฬสรอบกลางลงด้วยเลข 12 ตัว ลงด้วยสูตรตรีนิสิงเห , รอบในลงด้วยเลข 6 ตัว , ลงด้วยสูตรจตุโร แล้วทำการลงอักขระเพื่อล้อมรอบยันต์ทั้ง 4 ด้านด้วยพระคาถาบารมี 30 ทัศน์ ส่วนพระยันต์ไตรสรณาคม ประทับหลัง เมื่อม้วนแล้วยันต์จะอยู่ด้านนอก ล้อมด้วยอิติปิโส ฯลฯ ภควาติ ลงด้วยสูตรรัตนมาลัยเป็นตาม้าหมากรุกโดยรอบ
( พระยันต์นี้แม้แต่สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ ผู้เจนจบในพระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่ายันต์โสฬสมงคลเป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศน์ฯ และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศรีษะตลอดเวลา จนกระทั่งมรณะภาพเมื่อปี พ.ศ. 2487 จึงได้พบแผ่นยันต์นี้ )


   เรื่องราวโสฬสมงคลธรรมนั้นเกิดขึ้นเมื่อครั้งท้าวปรนิมมิตวสวัตดีมาร ได้พ่ายแพ้แก่พระพุทธองค์ กระทั่งพิณประจำพระองค์หล่นตกแล้วท้าวสักกะเทวราชนำไปมอบให้ปัญจสิงขรคนธรรพ์เทวบุตรนั้น ตำนานชาวพุทธที่ได้บันทึกเรื่องราวในปฐมสมโพธิกถานั้นได้บันทึกต่อว่าท้าวพระยามาราธิราชได้นั่งขีดแผ่นศิลา (ปถวี) เทียบบารมีระหว่างตนกับพุทธองค์ (พระสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์) อยู่ ก็พบว่าอันความรู้ที่พระบรมโพธิสัตว์สิทธัตถะทรงมีมากกว่าฝ่ายตนอยู่ถึง 16 ประการทีเดียวอันเป็นเหตุให้ พระยามาราธิราชและฝ่ายเสนามารพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดยดุษฎีไม่ว่าด้วยเหตุผลปกติ ไร้เหตุผลและเหนือเหตุผลอันปกตินั้นก็ตาม “โสฬสมงคล” อันเป็นความรู้ที่เหนือกว่าวิชาฝ่ายมารในทุกกระบวนที่บันทึกไว้นั้นก็คือทานบารมี , ศีลบารมี , เนกขัมบารมี , ปัญญาบารมี , วิริยะบารมี , ขันติบารมี , สัจจบารมี , อธิษฐานบารมี , อุเบกขาบารมี (คือบารมีสิบตามสิบศูนย์ที่กล่าวข้างต้นที่หลอมรวมเป็นเครื่องหยั่งรู้ “ญาณ” , อินทรียปโรปริยัติญาณ คือความรู้เรื่องธาตุอินทรีย์ ที่มีระดับแตกต่างกันของสัตว์ทั้งหลาย , สยานุสยญาณ ความรู้เรื่องโครงสร้างของกำเลศ ที่ปรากฏในสันดานสัตว์ทั้งหลาย , มหากรุณาสมาบัติญาณ ความรู้การเข้าสมาบัติ โดยอานุภาพมหากรุณาใหญ่ , ยมกปาฏิหาริยญาณ ความรู้ในปาฏิหาริย์แห่งธาตุที่มีสมบัติคู่ตรงกันข้าม , อนาวรณญญาณ ความรู้ในธรรมที่อยู่นอกพ้นกิเลส , สัพพัญญุตญาณ ความรู้ในธรรมทั้งปวงได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
หกประการหลังที่เป็นการรวบยอดความรู้อย่างพิเศษ นี้เองคือ “อสาธารณญาณ” เป็นเรื่องเฉพาะ ในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่ปรากฏในพระสาวกใหญ่ น้อยทั้งหลาย ซึ่งเกิดจากความรู้อย่างถ่องแท้ในบารมีทั้งสิบ ทั้งสินในประการสุดท้ายที่เกิด “สัพพัญญุตาญาณ” นี่เองที่กล่าวมาข้างต้นว่าหากสำเร็จโสฒส คือผู้แจ้งโลก กระบวนความรู้ ในศาสตร์โสฬสได้ถูกนำมาสังเคราะห์ใช้ประโยชน์ในเรื่องราวต่าง ๆ อย่างการถอดสมการของโลกธาตุที่แทนค่าความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งอย่างระบบตัวเลขที่มีความเกี่ยวพันกันจากจำนวนหนึ่งไปสู่จำนวนหนึ่งเป็นสหสัมพันธ์สมุทฐาน แบบวิธีการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างสรรพสิ่งด้วยปรัชญา “หนึ่งคือทั้งหมดและทั้งหมดก็คือหนึ่ง” ความสัมพันธ์ของตัวเลข ก็จะเป็นแบบ การผสมผสานของสหธาตุธรรม ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ที่มีความแก่อ่อน ในลักษณะธาตุธรรมที่แตกต่างกันออกไป โดยจะเกิดร่วมกันเสมอ จะขาดธาตุใดมิได้ การกำหนดการคิด สะระตะโสฬส จึงเริ่มจากจำนวนสิบ ที่มีฐานในการวางตัวเลขต่างออกเป็นสี่ เขต (ทวีป) จนเกิดตารางโสฬสที่เป็นการจัดวางตัวเลขในอัตราต่าง ๆ อย่างสมดุลโดยตัวเลข 1-2-3-4 นั้นก็มีอัตราผลรวมเท่ากับ 10 เป็นเลขประธาน (รายละเอียดของการแจกแจงตัวเลข 1-2-3-4 เป็นตารางโสฬส “2 3 4 1 ผู้ใดคิดถึง ลุ ซึ่งโสดา ถ้าคิดมิได้ ให้เอาที่แร้งกับกา หนีที่คว่ำ ให้เอาที่หงาย หนีที่ตายให้เอาที่เป็น ผู้ใดคิด 6 เห็น ได้ทองทุกวัน”ดังนี้จะเห็นว่าเลข 6 นี้ก็เป็นรหัสหรือกุญแจสำคัญตัวหนึ่งในการไขปริศนาโสฬส บางโบราณาจารย์ท่านเรียกว่า คือ “กุญแจทอง” ทั้งนี้ต้องอาศัยหลัก 2-3-4-1 เมื่อรวมกันเท่ากับ 10 และ 1+0 ก็เท่ากับ 1 เหล่านี้คือรหัสเลขกลที่ปัจจุบันมีความรู้ที่เรียกว่า “เลขศาสตร์” ที่มีการนำมาไขปริศนาเหตุการณ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันได้ถูกต้องอย่างน่าประหลาดใจสำหรับตัวเลข 6 ที่ว่าเป็นปริศนา ในการไขเรื่องราวต่าง ๆ นั้นก็ มีการตีความปริศนา เลขทั้ง 9 ตัวไว้ เทียบกับจำนวน 6 พออภิปรายเทียบเคียงตาม กฎพระไตรลักษณ์ได้ดังนี้
ทุกขัง คือ 1+2+3=6 อนิจจัง คือ 4+5+6 = 15 คือ 1+5 = 6 อนัตตา คือ 7+8+9 = 24 คือ 2+4 = 6
ซึ่งเอาแค่ 1+2+3+4 = 10 เท่ากับหนึ่งเป็นกลให้นับเวียนไป อย่าทิ้ง 1 ถึง 9
   การแจกแจงเลขกลบทดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจความสัมพันธ์ ของธาตุทั้งมวลที่ปรากฏขึ้นในโลกและอาศัยควรามรู้ในความสัมพันธ์ต่าง ๆ นั้นบริหารธาตุธรรมเหล่านั้นให้เป็นไปตามปรารถนา โดยการหยั่งรู้คำนวณธาตุเหล่านั้นก็จะทราบอดีต (ก่อนมีมาในสถานะที่ปรากฏนั้น) การดำรงอยู่ในปัจจุบัน (สถานะที่ธาตุธรรมนั้นดำรงอยู่หรือการคงสภาวะอยู่) อนาคต (สิ่งที่ธาตุธรรมนั้นกำลังดำเนินวิถีที่ตนเองเปลี่ยนแปลงไปยังสถานะอื่นอีก)



คาถายันต์โสฬส 
ป้องกันอุปัทวันตรายทั้งปวง กันฟ้า กันไฟ กันโจรภัย กันภูตผีปิศาจ กันคุณผีคุณคนทุกชนิด
คาถากำกับยันต์โสฬส
โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมา
จัตตาโร จะ มะหาทีปา ปัญจะพุทธามะหามุนี
ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา ฉะกามาวะจะราตะถา
ปัญจะทะสะภะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ
เตระสะธุตังคาจะ ปาฏิหารัญจะทะวาทะสะ
เอกะเมรุ จะ สุราอัฎฐะ ทะเวจันทังสุริยังสัคคา
สัตตะสัมโพชฌังคาเจวะ จุททะสะจักกะวัตติจะ
เอกาทะสะวิษะณุราชา สัพเพเทวาสะมาคะตา
เอเตนะมังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถีภะวันตุเม

"อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด"

16 กันยายน 2554

พระอริยธาตุ

พระอัฐฐฺธาตุ หลวงตามหาบัว
     จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่ผมภาคภูมิใจ ดีใจที่สุดในชีวิตที่ได้กราบพระธาตุองค์หลวงตา ได้ดมกลิ่น ได้สัมผัสอังสะที่มีรอยหมากอยู่จากพี่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นโยมที่เคยได้ใกล้หลวงตา

     ถามว่า ในชีวิตนี้ ผมเคยไปกราบหลวงตาแบบใกล้ชิดไหม...
     ... ตอบได้เลยว่า ไม่เคย

     แต่ผม เคยได้ปัดกวาดเช็ดถูกกุฏิหลวงตา ที่วัดแพร่ธรรมาราม ซึ่งจะมีวัตรปฏิบัติทุกวัน เสมอเหมือนหลวงตา และพระอาจารย์ใหญ่ ท่านได้จำวัดอยู่ตลอดเวลา 
     นอกจากนั้น ก็คือการได้ชมและฟังธรรมเทศนา ผ่านช่อง หลวงตา เท่านั้น

     ส่วนหนึ่ง ผมถือว่า หลวงตาท่าน คือครูของครูผม (หมายถึงท่านพระอาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์กัณหา สุขกาโม) 

    ซึ่งในขณะที่ผมบวช ท่านพระอาจารย์เอกราช ก็กล่าวถึงหลวงตา และทำงานตามแนวทางของหลวงตามาตลอด ท่านพูดเสมอว่า ... "ทำถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ พระอริยะเจ้า"

     หลายๆเหตุการณ์ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า คิดถูกแล้ว เดินถูกทางแล้ว 
     .... และ เรา คือศิษย์มีครู




กราบขอบพระคุณนะครับ ที่ให้โอกาสผมได้สัมผัสพระอริยะเจ้าอย่างใกล้ชิด

15 กันยายน 2554

เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นภายในวันเดียว (บทสรุปปฏิบัติการ พาโมเมกลับบ้าน)

   สว้สดีครับ
   ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณพี่น้องทุกท่าน ที่ร่วมด้วยช่วยกันส่งต่อข้อมูลเรื่องราวการหายไปผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะ email และ ทาง facebook เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อว่า คนดีๆในสังคม หากร่วมมือกันทำความดีตามกำลัง ตามความสามารถ สังคมของเราคงจะน่าอยู่ขึ้นกว่านี้ (ตอนที่รู้ว่าโมเมหายไป ผมทำหน้าเว็บประกาศที่นี่ครับ http://www.seal2thai.org/etc/sapanboon/mome.htm )

สอบถามข้อมูลจากโมเม
    ผมออกเดินทางไปสอบถามข้อมูลจากโมเมและครอบครัวด้วยตนเอง โดยเดินทางไปถึงประมาณ 08.45 น. แล้วก้ได้สอบถามข้อมูลจากทุกคน
(แอบไปทำนั่งร้านบ้านโมเมพังไหมเนี่ย)
   ร่างกายของโมเมคล้ำไปมาก แต่โชคดีที่ไม่ถูกข่มเหงเหมือนดังที่หลายๆคนกลัวกัน โดยแม่ของโมเมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า คนที่ล่อลวงไปนำเสื้อผ้านักเรียนมาหา แล้วบอกให้โมเมไปเป็นเพื่อนสมัครเีรียนโรงเรียนในตัวอำเภอ ด้วยความไว้ใจ แม่ของโมเมได้ฝากเงินซื้อของมาขายตอนน้ำท่วมด้วย

   โมเมได้เล่าให้ฟังโดยต้องประติดประต่อเอาบ้างว่า คนที่พาไป พาซ้อนจักรยานยนต์ไปทางลานกระบือ เพื่อไปยังอำเภอคลองขลุง (ซึ่งเป็นคนละทางกับทางอำเภอ) จากนั้นก็พาไปกักตัวอยู่ที่นครสวรรค์ โชคดีที่ระหว่างนั้น ไม่ได้ถูกคนใจร้ายใจมารกระทำการใดใด นับว่าเป็นบุญของโมเม และผมเชื่อว่า อีกส่วนหนึ่งคือ แรงอธิษฐานและแผ่เมตตาจากหลายท่านที่ได้ปกป้องคุ้มครองเธอไว้

   โมเมถูกพาตัวไปอยู่ที่แคมป์คนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ โดยคนที่พาไปบังคับให้เธอเรียกว่าแม่ และให้เรียกสามีเก่าของคนที่พาไปว่าพ่อ และให้บอกว่า พ่อแม่ที่แท้จริงตายไปหมดแล้ว

   น่าแปลกใจ ที่หัวหน้าคนงาน หรือผู้รับเหมา ดูเหมือนน่าจะรู้เรื่องบ้าง เพราะได้บอกกับโมเมตอนที่โมเมบอกว่า คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านว่า "ไม่ต้องกลับไปหรอก ทำงานที่นี่แหละ เดี๋ยวก็หาผัวหล่อๆที่นี่" มันแสดงถึงสามัญสำนึกของคนบางคน หากเป็นเราๆ เมื่อเห็นเด็กที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะถึง 15 และดูท่าทางไม่ปกติเหมือนเด็กทั่วไปมันก็ต้องเอะใจบ้าง แต่นี่ ยังมีการโทรบอกคนพาไปว่า รีบพาออกไปซะ ตำรวจจะเข้าจับกุมแล้ว (ใจสัตว์จริงๆ... ขออภัยนะครับ)

ครอบครัวดีใจ ที่ได้ลูกคืน
   เรื่องคดี ก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องทุกคน คงได้รับผลของการกระทำ หรือหากบนคนที่หลุดรอดไป ผมก็เชื่อว่า "กฎหมายเลี่ยงได้ กฎแห่งกรรมเลี่ยงไม่ได้"

เด็กนักเรียน ม.2 พายเรือออกมาหาครูแชมป์
   ผมเดินออกไปศาลาประชาคมที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามของบ้านโมเม เพื่อไปคุยกับผู้ปกครองของนักเรียนบางคน ตอนนี้ทั้งครูและผู้ปกครองมีความหวั่นใจตรงกันว่า "เด็กมันจะจับดินสอไม่เป็นเสียแล้ว"

ทางเข้าโรงเรียนครับ...
   ใครจะทำ ใครจะเลิก บางระกำโมเดลก็ช่างเขา แต่ครูแชมป์ ขอไปนั่งคิดยางแขวนอู่โมเดลก่อนนะครับ ว่าจะสอนชดเชยกันอย่างไร

ชี้ชัดๆ จัดเต็มๆ

ถึงจะเป็นครูจนๆ ก็ภูมิใจที่ไม่โกงชาติ..(ว่าไปนั่น)

   ผมออกจากบ้านโมเมประมาณ 11.00 น. หิวข้าวเพราะยังไม่ได้กินข้าว เลยแวะไปกินข้าวแกงร้านอร่อยก่อนถึงตัวอำเภอ กินเสร็จนึกอย่างไรไม่รู้ อยากไปหาคุณป้าคนหนึ่งที่สอนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ถามทางเสร็จ ยังขี่เลยบ้านป้าแกไป ยังมีใจย้อนกลับมาอีก ทั้งๆที่อยากมาแวะคุยเล่นเฉยๆ พอนั่งคุยเล่นกันสิบนาที ป้าแกก็ชวนไปวัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสายปฏิบัติ แต่ผมไม่มีแก่ใจอยากไป แล้วเราก็คุยกันต่อ แล้วป้าก็ออกปากชวนไปบ้านของคนที่เคยเล่าให้ฟัง ผมต้องยอมรับว่า จริงๆแล้วผมลืมไปว่าเป็นใคร แต่ปากก็ตอบรับแกไปทันที (ป้าแกมาบอกตอนหลังมา ... มีผู้ดลใจ)
กล่องหนังสือธรรมะหลวงตามหาบัว
   สิ่งแรกที่ผมทำตอนเข้าไปในบ้านคือ กราบ 5 ครั้ง เพราะเบื้องหน้าคือรูป และรูปลอยองค์หลวงตามหาบัว หลังจากนั้น เจ้าของบ้านก็เชื้อเชิญให้ไปชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น้อยคนจะมีไว้

วงสนทนาธรรม
   วงสนทนาก็เล่าสู่กันฟังในเรื่องของประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องปราฏิหาริย์ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ได้เมตตาต่อเหล่าศิษย์ (เอาเป็นว่า เล่าตั้งแต่สิบเด็ดโมง ยังสี่โมงครึ่ง)

รูปลอยองค์ องค์หลวงตามหาบัว

รูปลอยองค์ องค์หลวงตามหาบัว

ภาพถ่ายจากวัดป่าบ้านตาด

หลวงตาทอดผ้าป่าช่วยชาติ

วัตถุมงคลและพระธาตุพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่างๆ

ผ้าซับหลวงตามหาบัว (ก่อนท่านเข้านิพพาน)
   สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมรู้สึกดีใจที่สุด เพราะเจ้าของบอกว่า ได้รับจากพระอุปฐาก หลวงตในวันที่ท่านละสังขาร (หากใครเห็นภาพของหลวงตาวันที่ท่านละสังขาร จะเห็นมีพวงมาลัยสีขาวอยู่ 5 พวง 3 พวงในนั้นเป็นของพี่คนนี้ ซึ่งเธอตั้งใจจะไปไหว้หลวงตาโดยไม่คาดคิดว่า วันนั้น จะเป็นวันสุดท้ายของท่าน)


พระอังสะของหลวงตา ที่ยังได้กลิ่นของหลวงตาติดอยู่

เกศาธาตุพ่อแม่ครูอาจารย์

"พระธาตุจากน้ำในไขข้อกระดูกของหลวงตา... บางชิ้นกลายเป็นทอง"

พระอัฐฐิธาตุของหลวงตามหาบัว

พระอัฐฐิธาตุหลวงตามหาบัว
   นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเชื่อว่า เป็นผลมาจากความตั้งใจช่วยโมเมอย่างเต็มที่ และด้วยความปรารถนาอยากให้โมเมกลับบ้านอย่างปลอดภัย ครูบาอาจารย์เลยมอบรางวัลให้

ไม้จิกที่เหลือจากการเตรียมถวายเพลิงหลวงตา

ป้าแกนอนฟังเพลินเลย

สุดยอดพระยอดธง สายพระปฏิบัติ

เจ้าของบ้านมอบให้คนละองค์ (เป็นล็อกเก็ตที่แจกในงานพระราชทานเพลิงสังขารหลวงตา 50,000 องค์)
มวลสารหลวงตามหาบัว (ชานหมาก, ข้าวก้นบาตร, เกศา)

ของดีทั้งนั้น
   สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างหนึ่งคือ ปกติ พี่เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เมื่อวานนี้ พี่ก็ได้โทรบอกป้าแกมาเอาว่านยา (ส่วนที่เหลือหลังจากส่งไปถวายพ่อแม่ครูอาจารย์รูปหนึ่ง) แต่ป้าแกก็ไม่มา ปกติโทรปุ๊บ มาปั๊บ และพี่คนนั้นก็กำลังจะออกจากบ้านพอดี จะไปส่ง CD ให้น้องชายทำสำเนา 

   สรุปแล้ว ป้าแกบอกว่า หลวงตาท่านเมตตาให้ผมเป็นผู้ทำงานนี้ และมอบรางวัลให้หลังจากทำความดี โอยยยย ทุกท่านครับ ผมขนลุกหลังจากรับวัตถุมงคลของหลวงตา เกิดปิติน้ำตาไหล คนที่ไปด้วยก็เกิดอาการเดียวกัน ผมเชื่อครับ ว่าท่านพาผมมาจริงๆ

   เอาเป็นว่า ... เรื่องราวในวันนี้ ทำให้ผมเชื่อว่า "กรรม เป็นสิ่งที่ให้ผลแน่นอน ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว" ที่สำคัญ ให้ผลได้ไม่จำกัดกาล

ขอบคุณครัับ

14 กันยายน 2554

::ร่วมกันช่วยโมเมกลับบ้าน::14 ก.ย. 54

เมื่อวาน
ผมลองขี่มอเตอร์ไซต์ไปดูตามจุดต่างๆ เผื่อจะเจอโมเมบ้าง หลังจากที่ได้ข่าวจากอาจารย์ท่านหนึ่งว่า มีเด้กคณะวิทยาการจัดการ เคยเห็นเด็กที่หน้าตาเหมือนโมเมในเมือง

ขอบคุณทุกคนที่ร่วมด้วยช่วยกันครับ




13 กันยายน 2554

::ร่วมกันช่วยโมเมกลับบ้าน::13 ก.ย. 54

13 ก.ย. 54 (08.25 น.) ผมโทรไปหาแม่ของโมเม เพื่อสอบถามรายละเอียดที่แท้จริง หลังจากที่หลายๆกระแสพูดไม่ตรงกัน ทราบว่า สามารถติดต่อครั้งหลังสุดเมื่อ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยคนที่พาให้ให้โมเมพูดสายด้วย แม่ถามว่า คนที่พาไปตีหรือไม่ ... โมเมตอบว่า ไม่ตี ... แล้วหนูกินข้าวอิ่มไหม กินข้าวกับอะไร ... โมเมตอบว่า อิ่ม กินข้าวมันไก่ ... แล้วหนูอยากกลับบ้านไหม... โมเมบอกว่า อยาก แต่คนพาไปยังไม่พากลับบ้าน... แล้วก็ถูกถึงโทรศัพท์ไป ก่อนวางสายคนพาไปบอกว่า โมเมสบายดี ตอนนี้เล่นกับหมาอยู่ (แม่บอกว่า ได้ยินเสียงเล่นกับหมาจริง แต่ก็รีบตัดสายไป)

   ถ้ามองในแง่ดี เราก็อาจสบายใจได้บ้างที่ไม่เกิดเรื่องร้ายๆแบบที่เรากลัว แต่นั่นคือครั้งสุดท้ายที่ติดต่อได้ หลังจากนั้น ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ผมก็ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ช่วยกันทุกวิถีทางทั้งโพสต์ข้อมูลผ่านเครือข่ายสังคมและส่งต่อทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทางตำรวจก็ทำงานของเขาเต็มที่ แต่เวลาที่ผ่านไปทุกวินาทีคือความปลอดภัยของเด็ก ผมรบกวนทุกท่านด้วยนะครับ (ผมรบกวนส่งข้อมูลให้กับทางตำรวจโดยตรง เพราะมีพี่คนหนึ่งบอกว่า กรณีของน้องพอมแพม มีคนไม่หวังดีสวมรอยให้ข่าวเพื่อหวังเงินรางวัล.... ยังจะหวังหาประโยชน์จากคนที่เดือดร้อน แบบนี้ไม่ใช่คนแล้ว) ยังไงช่วยกันนำโมเมกลับบ้านหน่อยนะครับ

ร่วมกันส่งข่าวเพื่อตามหาโมเม http://www.seal2thai.org/etc/sapanboon/mome.htm

ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ