12 เมษายน 2553

รู้ไว้ใช่ว่า : ฉลากบนผลไม้ (ยังไม่ได้มีการยืนยันว่าจริงเท็จแค่ไหน โปรดใชวิจารณญาน)


Conventional Fruit Labels - Four digits starting with
4

ฉลากผลไม้ทั่วไป - มีตัวเลขสี่หลัก ขึ้นต้นด้วย
4
เช่น
4xxx



Organic Fruit Labels - Five digits and starts with number

9


ฉลากผลไม้
Organic (ผลไม้ที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี) -
มีตัวเลขห้าหลัก ขึ้นต้นด้วย 9
เช่น
9xxxx




Genetically Modified Fruits (GMO) -Start with the digit
8


ฉลากผลไม้ GMO (ผลไม้ที่ปลูกโดยใช้พันธ์ที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม)

-
มีตัวเลขห้าหลัก ขึ้นต้นด้วย 8
เช่น
8xxxx



So next time you go shopping, remember these critical numbers and know how to avoid purchasing inorganic and GMO fruits. Shop Safe :


This is good to know because stores aren't obligated to tell you if a fruit has been genetically modified .

ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณจะเลือกซื้อผลไม้ จำไว้ว่าตัวเลขสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อจะหลีกเลี่ยงการซื้อผลไม้ที่มีสารเคมีและผลไม้
GMO




So if you come across an apple in the store and it's label is 4922, it's a conventional apple grown with herbicides and harmful fertilizers.




ดังนั้น ถ้าคุณเห็นแอปเปิ้ล ที่มีรหัส
4922
แปลว่า แอปเปิ้ลนี้เป็นแอปเปิ้ลทั่วๆไป ที่ปลูกด้วยการใส่ปุ๋ยปกติ




If it has a sticker 99222, it's organic and safe to eat.

ถ้าแอปเปิ้ลติดสติ๊กเกอร์ มีรหัส
99222
แสดงว่าเป็นแอปเปิ้ลที่ปลูกโดยวิธีปลอดสารเคมี และปลอดภัย




If it says 89222, then do not buy!!!! It has been
genetically modified
(GMO).

ถ้าแอปเปิ้ลติดสติ๊กเกอร์ มีรหัส
89222
อย่าซื้อ!!!


แสดงว่าเป็นแอปเปิ้ลที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม(GMO)

11 เมษายน 2553

ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย

ไขปริศนา 49 วัน ชีวิตหลังความตาย

มนุษย์และ สัตว์มิได้สิ้นสุดที่ความตาย เพราะการ "ตาย" หมายถึง สภาพร่างกายที่ไม่สามารถให้บริการแก่จิตวิญญาณใช้งานต่อไปได้อีก วิญญาณยังคงอยู่ ถึงแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยไปแล้ว ทั้งนี้สภาพการตายจะบ่งบอกให้รู้ว่าจิตวิญญาณนั้นไปสุคติหรือลงสู่นรกภูมิ


1. ตอนตายใหม่ ถ้าหากสีหน้าปกติ ร่างกายอ่อนนิ่ม สีหน้าเหมือนคนมีชีวิตอยู่ เนื่องจากได้บรรลุธรรม ดวงวิญญาณจะไปสู่สุคติ

2. ตอนตายใหม่ๆ หน้าตาซีดผาด เหมือนคนตกใจ แสดงว่าวิญญาณได้ตกสู่นรกแล้ว

3. ตอนตายใหม่ๆ ร่างกายแข็งทื่อ หน้าตาน่ากลัว เพราะความตกใจ บางคนจะกรีดร้องเสียงคล้ายสัตว์ คนเหล่านี้จะไปเกิดเป็นสัตว์ 4 ชนิด สังเกตได้จากตา หู จมูก ปาก ตาจะมีน้ำตาออก หูจะมีขี้หู จมูกจะมีน้ำมูก ปากจะมีน้ำลายฟูมปาก เป็นทวารที่ไม่สะอาด 4 ช่องทาง เมื่อจิตวิญญาณออกทางนี้ จะเกิดเป็นสัตว์ 4 ประเภท



- ตา ชอบดูสิ่งเหลวไหล ลุ่มหลงในรูปต่างๆ คนเหล่านี้เวลาใกล้ตาย ดวงตาจะเบิกกว้าง จะไปเกิดเป็นสัตว์ปีก (เกิดออกจากไข่)

- หู ชอบฟังเรื่องเหลวไหล เรื่องซุบซิบนินทา คนเหล่านี้เวลาตาย หูจะชันขึ้น จะไปเกิดเป็นสัตว์ที่เกิดจากครรภ์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย

- จมูก ชื่นชมกลิ่นคาวโลกีย์ เช่น เงินทอง สุรา นารี การพนัน ชื่อเสียงลาภยศ และค่านิยมที่ผิดศีลธรรม ฯลฯ จะไปเกิดเป็นแมลง มด ยุง แมลงวัน ฯลฯ บาปหนักมาก วิญญาณจึงถูกตีเป็นเศษวิญญาณ

- ปาก ชอบพูดเรื่องเหลวไหล พูดนินทา พูดวิจารณ์ พูดกล่าวร้ายป้ายสี ด่าคำหยาบคาย คนเหล่านี้เวลาตาย ปากจะอ้าค้างอยู่ตลอด จะเกิดเป็นสัตว์น้ำ ไปอยู่กับรสชาติที่โสโครกและสกปรก


เมื่อออกจากร่าง วิญญาณจะไปที่ไหน?

ดวงวิญญาณที่ออกจากร่างในตอนแรก จะวนเวียนอยู่บริเวณนั้น พอได้สติก็จะมีท่านมัจจุราชทำหน้าที่มานำเอาวิญญาณของมนุษย์หรือสัตว์ที่ ชะตาถึงฆาต พาไปยังยมโลก เพื่อตรวจสอบบาปบุญความดีความชั่ว ในขณะที่มีชีวิตอยู่


วิญญาณบาปจะถูกนำตัวส่งไปนรก 8 ขุมใหญ่ แต่ละขุมแบ่งย่อยขุมละ 36 แห่ง แต่ละแห่งมีการลงทัณฑ์และทรมานอีก 800 ด่าน แต่ละด่านมีเครื่องทรมานนับไม่ถ้วน วิญญาณบางดวงอาจตกนรกทั้ง 8 ขุมเลยก็มี โดยเฉพาะคนที่ทำกรรมชั่วมหันต์ หรือเรียกว่า "อนันตริยกรรม" มีอยู่ 5 อย่าง คือ 1.ฆ่าพ่อ 2. ฆ่าแม่ 3. ฆ่าพระ อรหันต์ 4. ยุยงสงฆ์ให้แตกแยก 5. ทำร้ายพระพทุธเจ้าห้อเลือด

หลังจากที่คน เราตายประมาณ 1-2 วัน ปกติแล้ว เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองตาย 7 วัน ให้หลังเขาจึงรู้ว่าตนเองตายแล้ว วิญญาณจะถูกกักบริเวณไว้ 49 วันเพื่อรอพิจารณาคดี ในระหว่างนั้นผู้ตายก็กำลังรอบุญกุศลจากลูกหลานทางโลกที่กำลังง่วนอยู่กับ งานศพ

เรามาดู ปรากฏการณ์ 49 วัน ชีวิตหลังความตาย ขณะที่วิญญาณของผู้ตายออกจากร่าง ชีวิตหลังความตายก็เริ่มต้นเปิดฉากขึ้นในโลกที่ผู้ตายต้องเข้าไปเพียงลำพัง เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเอาติดตัวจากโลกมนุษย์ได้ เว้นเสียแต่บาปกับบุญเท่านั้น

เจ็ดวันรอบ แรก

วิญญาณผู้ ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทาง เมื่อวิญญาณบาปไปถึง ก็เกิดหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าเห็นดังนั้น ก็กระโจนเข้าขย้ำขบกัดวิญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบ ที่ สอง

เมื่อวิญญาณ ผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นเป็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีอย่างไม่ปรานี และยังมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันมาทวงหนี้เวลานั้น

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผี จะได้รับการต้อนรับและสามารถผ่านด่านนี้ไปโดยปลอดภัย

เจ็ดวันรอบที่ สาม

เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกโซ่ตรวนไว้ และถูกบังคับนำไปอยู่ตรงหน้าหอกระจกส่องกรรม ยามมีชีวิตทำชั่วอะไร ภาพก็จะปรากฏขึ้นเองอย่างอัตโนมัติ เสร็จแล้วก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงวิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด ตอนนี้แต่ก็สายเสียแล้ว

ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึง จะได้รับการต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวนรกขุมต่างๆ และพาไปดูสภาพของบรรดาญาติพี่น้องที่ ทำบาป กำลังรอคอยการพิจารณาตัดสินความผิด

เจ็ดวันรอบ ที่ สี่

เมื่อมาถึงด่านภูเขา กระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้ยากลำบากมาก กระดาษเหล่านี้ได้มาจากลูกหลานญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์หลงงมงายเผาส่งไปให้ ทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากา ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์

เจ็ดวันรอบที่ ห้า

วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเดิม ได้เห็นลูกหลาน คนในครอบครัวต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจกับการตายของตน ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่าตนเองตายแล้ว ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่เสียใจอาลัยอาวรณ์

เจ็ดวันรอบที่ หก

เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านคุมบัญชี ยมบาลจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูบาปบุญที่ผู้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากหักลบกันแล้ว ถ้าบุญมีมากกว่าบาปก็จะให??ไปเกิดยังสุคติภูมิ ถ้าบาปมีมากกว่าบุญ จะส่งไปยังนรกภูมิ รับทุกข์อย่างน่าเวทนา

เจ็ดวันรอบที่ เจ็ด

เมื่อวิญญาณ ผู้ตายไปถึงด่านตรวจสอบ ยมบาลก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดูว่า ผู้ตายตอนมีชีวิตอยู่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตหรือไม่ ถ้าได้ถือศีลกิเจ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ก็จักลหุโทษ ถ้ามัวหลงผิดฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้องก็จะเพิ่มโทษเป็นเท่าตัว.

ที่กล่าวมา ทั้งหมดนี้ ก็ขอให้ทุกคนในขณะมีชีวิตอยู่นั้น เร่งสะสมความดีกันให้มากๆ นรก-สวรรค์นั้น ไม่ใช่สิ่งลวงโลก ตอนนี้ท่านอาจยังไม่เห็น แต่สักวันท่านก็ต้องเห็น กฏแห่งกรรมนั้นเป็นเรื่องจริง ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ...

10 เมษายน 2553

"สงกรานต์เลือด คราบคาว เรื่องราววีรชน"

"สงกรานต์เลือด"

.....เสียงปัง ปัง ดังอยู่ จนหูดับ

คำสั่งลับ สั่งมา จากห่าเหว

ฆ่าคนไทย ด้วยกัน มันแสนเลว

มันจุดเปลว ประกายไฟ บนปลายปืน


.....เดินหน้า เรียกหา อย่างสันติ

ปฏิสนธิ ภราดร อารยขัดขืน

คนไม่เห็น น้ำลายกู กูก็กลืน

ไม่ทันตื่น มีคนตาย วอดวายกัน


.....ศพ ศพ ศพ ศพใคร คนใดหนอ

นั่นก็พ่อ นั่นก็เพื่อน นั่นลูกฉัน

เพื่ออำนาจ เพื่อเงินตรา แสนจาบัลย์

เพื่อใครกัน ถึงเข่นฆ่า ไม่ปราณี


.....ใครรักใคร ชอบใคร เราไม่รู้

แต่เรานั้น เชิดชู ในศักดิ์ศรี

รับเงินมา ปลุกปั่น แสนอัปปรีย์

หยุดเสียที อีกกี่ศพ จึงครบเงิน

09 เมษายน 2553

แม่ของฉัน กับเจ้านายของฉัน

แม่ของฉัน กับเจ้านายของฉัน .........
ใคร เคยทำกับแม่แบบนี้บ้าง ?


ทุกวัน ฉันต้องตื่นเช้า เข้างานแปดโมง
วันนี้..ก็เหมือน เคย แต่เมื่อคืนฉันทำงานจนดึก
ตื่นสาย.. อารมณ์ตอนนั้น
โมโหตัวเองมาก ที่ลืมตั้งนาฟิกาปลุก
(โดนเจ้านายด่าแน่ๆ )
แม่มาเคาะประตูห้อง .... “ ตื่นหรือยังลูก หกโมงแล้ว “
ฉันหงุดหงิดมาก ...........
โธ่ !! แล้วทำไมแม่ไม่ปลุกหนูให้เร็วกว่านี้
เนี่ย..หนูไปทำงานไม่ทันแล้ว วันนี้..มีประชุมด้วย
“ แม่ทำข้าวต้มให้หนูอยู่ เมื่อคืนเห็นนอนดึก อยากให้กินอะไรร้อนๆหน่อย “ .........
แม่ไม่ต้องมาพูดเลย ไม่กง ไม่กินมันแล้ว
.....แม่จับแขนฉันเบาๆก่อนเดินออกจากห้อง
อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ลงมาข้างล่าง แม่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“ กินข้าวต้มกับแม่ก่อนนะลูกนะ แม่รอหนูอยู่ “
หนูไม่กิน พูดโดยไม่มองหน้าแม่ เดินออกมาจากบ้านทันที
ถึงที่ทำงาน
“ไม่รู้หรืองัย ว่าวันนี้มีประชุม แล้วรายงานอยู่ไหน “
ยกมือไหว้ ..
ขอโทษค่ะพี่ ....รีบส่งรายงานให้อย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
“ พี่เลื่อนประชุมไปเป็น 10 โมงนะ
เดี๋ยวช่วยไปหาอะไร ให้พี่กินหน่อยสิ “
... ได้ค่ะพี่ ...
วิ่งเข้า ห้องครัว หยิบโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป รีบ รีบ รีบ เติมน้ำร้อน ...
ว๊า !! น้ำร้อนลวกมือ ...
มาแล้วค่ะพี่ โจ๊กร้อนๆเลยค่ะ....
ออกจากห้อง ประชุมเกือบเที่ยง แม่โทรมาจากบ้าน
“ เมื่อเช้า.. หนูวางผ้าเช็ดหน้าไว้ตรงไหนลูก แม่หาในตะกร้าไม่เจอ จะเอาไปซักน่ะ “
หา ไม่เจอก็ไม่ต้องซักหรอก หนูจำไม่ได้
คงโยนไว้ที่ไหนน่ะ แหละ เมื่อเช้าหนูรีบ .......
“ ไม่เป็นไรลูก แล้วเย็นนี้..กลับกี่โมง มากินข้าวกับแม่นะ”
ยังไม่รู้หรอกแม่ ว่างานเสร็จเมื่อไหร่
ยัง งัย..แม่กินไปก่อนเลยแล้วกัน ไม่ต้องรอ .....
วางหูโทรศัพท์ ก้มหน้า ก้มตาทำงาน เอาใจเจ้านาย ....
“เอ!! พี่วางบัญชีรายชื่อลูกค้าทิ้งไว้แถวนี้มั่งรึเปล่า
ไม่รู้ไปลืมไว้ที่ ไหน หาไม่เจอ..
ไม่เป็นไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูช่วยหา
พี่ลงไปทานข้าว เถอะค่ะเที่ยงกว่าแล้วนะคะ
.... หา หา หา หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
โธ่..พี่ ขา ก็พี่มาทำหล่นไว้ใต้เก้าอี้ในห้องประชุมนี่นา
โอย !! เที่ยงครึ่งแล้ว ลงไปกินข้าวไม่ทันแน่ๆ
ไม่เป็นไร...บะหมี่ซักห่อพออิ่ม ก็แล้วกัน
....พี่คะ เจอแล้วนะคะ พี่ทำหล่นไว้ที่ห้องประชุมค่ะ
“ อ้าว..เหรอ “ รับเอกสารคืน ไม่มีแม้แต่ขอบใจสักคำ
แต่ฉันกลับปลื้ม ที่ทำให้เจ้านายพอใจได้ ใกล้เลิกงานแล้ว.. รีบกลับบ้านไปนอนดีกว่า
“ ช่วยแก้งานตรงนี้ให้พี่หน่อยนะ เสร็จแล้ววางไว้บนโต๊ะพี่เลย พี่กลับก่อนล่ะ
ว่าแต่ว่า เราน่ะมีธุระอะไรรึเปล่า คงต้องกลับช้านิดนึงนะวันนี้ “
... ยิ้มรับ.. ไม่มีธุระอะไรค่ะพี่ เดี๋ยวหนูพิมพ์ให้เลยค่ะ
โทรหาเจ้านายตอนเกือบทุ่ม ..
พี่ ขา หนูแก้ไข และตรวจทานเรียบร้อยแล้วค่ะ หนูวางไว้บนโต๊ะนะคะ

“กลับดึกจังลูก จะอาบน้ำก่อน หรือ กินข้าวก่อนล่ะ ?? “
.....เงียบไม่มีเสียงตอบ ไม่มีรอยยิ้ม ...
“ มา มา แม่ช่วย “ แม่รวบของจากมือฉันไปวางบนโต๊ะ ....
หนูเหนื่อยมากเลยแม่ หนูอยากพักผ่อน
กำลังจะเดิน ขึ้นห้อง ...

ฮัลโหล..สวัสดี ค่ะ..เจ้านายเหรอคะมีอะไรรึเปล่าคะ ... อ๋อ !! ไม่ยุ่งค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เลยค่ะ
กุลี กุจอ เปิดคอมพิวเตอร์ ... เจ้านายคะ เรียบร้อยแล้วค่ะ
แม่..หายไปไหน ในครัวไม่มี ห้องนอนไม่มี
. . . แม่นั่งอยู่หลังบ้านเหงา ๆ คนเดียว . . .

แม่แอบร้องไห้ ... เพราะฉันสินะ ฉันทำให้แม่ต้องร้องไห้
แม่..ดูแลฉันมาทั้งชีวิต
เป็นห่วงฉัน รักฉันมากกว่าใครๆ
แต่..ฉันตอบแทนได้สาสมเหลือเกิน
ฉันเริ่ม ทบทวน...
เจ้านายคนที่ให้เงิน เดือนฉัน กับ แม่คนที่ให้ความเป็นคนแก่ฉัน
เพื่อประจบสอพลอเจ้านาย
ฉันทำร้ายผู้ให้กำเนิด ได้เพียงนี้เลยหรือ..
แม่ ...
หนูขอโทษ
ใคร??? เคยเป็นแบบฉันบ้าง .......
...............................................................................

ใน ชั่วชีวิตของคุณ คุณอาจจะเปลี่ยนงานหลายๆ ครั้ง
คุณอาจจะมีเจ้านาย นับไม่ถ้วน
แต่ตลอดชีวิตของคุณ.....
คุณมีแม่มีเพียงคน เดียวครับ คนเดียวจริงๆ
ทำดีกับท่านไว้เถอะครับ
อย่าทำให้ท่านต้อง ร้องไห้เพราะการกระทำของคุณเลย....
คุณอาจจะรักท่านน้อยลง ทุกๆ วัน
แต่ ท่านไม่เคยรักคุณลดลงเลย ตรงกันข้าม
ท่านกลับรักและเป็น ห่วงคุณมากขึ้นทุกๆ วัน....


ขอ ให้คนที่ยังมีแม่อยู่ โปรดรู้ไว้ว่า
คุณน่ะ โชคดีที่ได้ดูแลแม่ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่
ซึ่งบางคน อยากดูแลแม่มาก แต่ท่านได้จากไปแล้ว
แม่คือ...พ ร ะ ใ น บ้ า น

03 เมษายน 2553

เดินสายหลายแห่ง

วันนี้เดินสายตั้งแต่เช้าเลย
ทั้งเรื่อง joomla
ทั้งเรื่องถ่ายเอกสาร
ทั้งไปเลี่ยมไหลดำ ไหลเขียว (ป้าเล็กฝากมา)
ทั้งเรื่องหลวงพ่อขวัญดี วัดท่ามะปราง

เหนื่อยจริงๆ และร้อนมากๆ
แต่เหนื่อยแบบนี้ ดีกว่าเหนื่อยใจกับข่าวการเมือง

เฮ้อ ประชาธิปไตย (แต่ใส่เสื้อนักการเมือง)

02 เมษายน 2553

ข่าวสำนัก อ.หนู กันภัย

วันนี้ได้รับข่าวความคืบหน้าของการเตรียมงานไหว้ครู ประจำปี 2553 ของสำนักสักยันต์ อ.หนู กันภัย

ซึ่งเหล่าลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดได้ร่วมเตรียมงานกันด้วยความกตัญญูต่อ "พ่อ" และ "ครูบาอาจารย์" ... มาชมภาพกันนะครับ

[caption id="attachment_320" align="aligncenter" width="350" caption="โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู"]โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู[/caption]



[caption id="attachment_321" align="aligncenter" width="350" caption="โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู"]โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู[/caption]

[caption id="attachment_322" align="aligncenter" width="350" caption="แท่นที่นั้งสวดของพระเริ่มฉาบปูนแล้วให้ทันวันไหว้ครู"]โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู[/caption]

[caption id="attachment_323" align="aligncenter" width="350" caption="โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู"]โครงหลังคาที่สำนักเริ่มขึ้นโครงก่อนวันไหว้ครู[/caption]

[caption id="attachment_324" align="aligncenter" width="350" caption="เริ่มติดธงแล้วหลังงานคงมีผ้ายันต์ดีให้ลูกศิษย์อีกเยอะ"]เริ่มติดธงแล้วหลังงานคงมีผ้ายันต์ดีให้ลูกศิษย์อีกเยอะ[/caption]

[caption id="attachment_326" align="aligncenter" width="350" caption="เริ่มติดธงแล้วหลังงานคงมีผ้ายันต์ดีให้ลูกศิษย์อีกเยอะ"]เริ่มติดธงแล้วหลังงานคงมีผ้ายันต์ดีให้ลูกศิษย์อีกเยอะ[/caption]

[caption id="attachment_325" align="aligncenter" width="178" caption="หนู กันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ"]หนู กันภัย ศึกมหายันต์ ยิงกันสนั่นจอ[/caption]

[caption id="attachment_319" align="aligncenter" width="350" caption="เสี่ยพูลร้องเพลงให้พ่อและพวกลูกศิษย์ฟังก่อนทานข้าวกับพ่อ น่าจะดังแน่ๆเพราะเสียงดีและเนื้อเพลงทำนองดีมาก"]เสี่ยพูลร้องเพลงให้พ่อและพวกลูกศิษย์ฟังก่อนทานข้าวกับพ่อ น่าจะดังแน่ๆเพราะเสียงดีและเนื้อเพลงทำนองดีมาก[/caption]

01 เมษายน 2553

เย้ๆๆๆ ปิดเทอมซะที

หลังจากที่รอคอยมานาน
และเมื่อวานก็ขี่รอจักรยานยนต์กลับมาจากไทรงาม กำแพงเพชร มาพิษณุโลก เหนื่อยมาก ขนาด บ่ายสามกว่ายังร้อนมากๆเลย

และแล้ว วันนี้ก็ได้นอนเต็มอิ่ม
หลับเต็มตื่น

โอยยยย สุดยอดดดดด

ตอนเปิดเทอมต้องไปโรงเรียนแต่เช้า
ตื่นมาเตรียมตัว
แต่พอไปถึงโรงเรียน
ไหนจะนักเรียนไม่ตั้งใจเรียน
ไหนจะการทำงานห่วยๆของใครบางคน (ที่พยายามมองหาข้อดีของเค้าแล้วยากเย็นเสียจริงๆๆๆๆๆๆ เฮ้อ)

เอาเถอะ วันนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว

31 มีนาคม 2553

เมื่อสองวันก่อนได้รับบทความ ดีท็อกซ์ใจ เขียนโดย คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ในเรื่อง หัวใจสีขาว

การ ดีท็อกซ์ ก็คือการชำระล้างของเสียหรือพิษออกจากร่างกาย ซึ่งการ ดีท็อกซ์ใจ ก็คือการชำระล้างจิตใจที่ขุ่นมัว เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ไม่เป็นที่พอใจ ไม่พึงประสงค์ ไม่เป็นที่สบอารมณ์ ซึ่งเกิดจากตัวเราเองหรือคนรอบข้างและสั่งสมจนเป็น ตะกอน เป็น ก้อนกรวด หรือเป็น สนิม ในใจเรา จนคิดไปว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของจิตใจเรา
การดีท็อกซ์ หรือล้างของเสียหรือพิษเหล่านี้ออกจากจิตใจเราก็มีหลายระดับได้แก่
ระดับที่หนึ่ง ล้าง ตะกอนใจ ซึ่งได้แก่ อาการจู้จี้ ขี้บ่น ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ก็เป็นง่ายหายเร็ว วิธีการล้างก็คือ
- อย่าไปซีเรียสหรือจริงจังกับชีวิตนัก
- อย่ามัวคอยมองหาแต่ความผิดของผู้อื่น ให้มองข้อดีของเขาบ้าง
- ทำอะไรก็ได้ที่ทำให้จิตใจเบิกบาน จะได้บรรเทาอารมณ์โกรธลงได้
- ปลอบใจตัวเองว่าปัญหาทั้งหลายจิ๊บจ๊อบ มีทางแก้ไขได้ทั้งนั้น
- ท่องไว้ว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ถ้าทั้งโกรธและโมโห ก็คือทั้งโง่และบ้า
- คิดไว้เสมอว่า ถ้าโกรธเมื่อไร เราก็กลายจากมนุษย์เป็นยักษ์ กลายจากผู้ดีเป็นไพร่ กลายจากนางเอกเป็นนางร้าย ทันที
- จำไว้ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า ตายไประหว่างที่โกรธ เวลาเกิดใหม่ก็จะรูปชั่วตัวดำ

ดีท็อกซ์ระดับที่สอง ล้าง ก้อนกรวดแห่งความคับแค้นใจ ซึ่งถ้าเราไม่แก้ไข ล้างตะกอน ออกให้หมดก็จะตกผลึกสะสมพอกพูนเป็น ก้อนกรวด แห่งความคับแค้นใจและแสดงออกมาทางสีหน้าแววตา โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ แต่คนอื่นๆเขารู้กันทั่ว หากไม่ ดีท็อกซ์ ออกซะบ้าง หน้าตาก็มีแต่จะเหี่ยวเฉาร่วงโรย อาการที่แสดงออกมาก็คือไม่ไว้ใจใคร หากมีใครหรือเหตุการณ์ใดมาสะกิดปมแห่งความคับแค้นใจนี้แล้ว ก็พร้อมที่จะระเบิดได้ทันที วิธีการล้างก้อนกรวดนี้ก็คือ
- แผ่เมตตา รู้จักชื่นชม รักในสิ่งดีๆ ของตัวเอง มิฉะนั้นแล้วเราก็จะไม่สามารถไปรักหรือรู้จักชื่นชมคนอื่นได้
- เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น โดยเฉพาะในทางลบ
- เปลี่ยนความคิดร้ายๆ ที่เป็นหอกคอยทิ่มแทงให้เป็นความคิดดีหรือเป็นดอกไม้ให้คนอื่นแทน
- คิดเสียว่าหัวใจไม่ใช่ถังขยะ จะได้เอาแต่ของเหม็นของเน่า หรือเรื่องร้ายๆ มาใส่อยู่อยู่ตลอด โปรดเลือกเก็บแต่สิ่งดีไว้ในใจดีกว่า
- คิดเสียว่าทุกคนล้วนเป็นพี่น้องเป็นญาติกันทั้งนั้น อย่ามัวแยกพวกเขา พวกเรา พวกมัน
- แผ่เมตตา "ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวร อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย" ทุกครั้งที่จิตใจไม่สบาย

ดีท็อกซ์ระดับที่สาม ขัด สนิมใจ ซึ่งเป็นอาการของคนที่ฝังตนเองอยู่กับอดีตโดยเฉพาะเรื่องร้ายๆ ไม่ยอมยกโทษให้ใคร และคิดแต่ว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรม ซึ่งคนประเภทนี้ก็มีแต่ความเคียดแค้น พยาบาทชิงชังเกาะลึกในจิตใจเหมือนสนิมที่ยากจะขัดออก มักอยู่ในโลกส่วนตัว ฝังใจอยู่กับอดีตและไฟแห่งความพยาบาท ไม่เข้าสังคม แม้จะไม่โกรธถี่เหมือนกลุ่ม ตะกอน แต่ถ้าโกรธแล้วก็ไม่ต่างกับระเบิดปรมาณู ที่ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ดังนั้น การดีท็อกซ์ กลุ่มนี้จึงต้องทำบ่อยๆ ซ้ำๆ จนกว่า สนิม เหล่านี้จะค่อยๆ ถูกขัดออกไป โดยวิธีดังนี้
- ดึงตัวเองออกจากอดีตมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงในปัจจุบัน
- เชื่อในกฏแห่งกรรม โดยยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกล้าหาญ และไม่สร้างกรรมใหม่ในชาตินี้ให้ผูกพันกันต่อไป
- หยุดหาเหตุว่าทำไมเราจึงโชคร้ายกับชีวิตที่ผ่านมา แต่จงเลือกที่จะมีความสุขกับชีวิตที่เหลือ
- วางใจเป็นกลาง ไม่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทำร้ายจิตใจเรา
- หัดสวดมนต์ ทำสมาธิ จะได้ลดทอนความเห็นผิด ผูกพยาบาท
- ไถ่ชีวิตสัตว์เป็นอภัยทาน การให้ชีวิตผู้อื่นจะทำให้เราเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเอง
- ระลึกมรณานุสติว่า อีกไม่ช้าเราก็จะตายไปจากโลกใบนี้แล้ว คนที่เราโกรธก็เช่นกัน จะได้ให้อภัยกันได้ง่ายขึ้น
- ประกาศให้อภัย อโหสิกรรมต่อตัวเองและคนรอบข้างโดยทำใจให้บริสุทธิ โดยเขียนชื่อ สาเหตุที่ไม่ชอบ ประกาศให้อภัยแล้วก็ฉีกกระดาษทิ้งไป
- เขียนชื่อคนเดิมที่เราแค้นเคือง แต่คราวนี้เขียนถึงสิ่งดีๆ ของเขาแล้วก็ขอโทษในสิ่งที่เราเคยล่วงเกินเขา แล้วจะส่งจดหมายนี้หรือไม่ส่ง จะบอกหรือไม่บอกให้เขารู้ก็แล้วไป แต่ก็ตั้งใจกับตัวเองแล้วกันว่าจะให้อภัยเขาและประกาศอโหสิกรรม
- แต่หากใครที่ส่งจดหมายแจ้งเขาไปแล้วเขาไม่ตอบกลับก็อย่าไปคาดหวัง ทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา
- สุดท้ายคือหมั่นสำรวจว่าเรายังเก็บใครไว้ในหลุมดำบ้าง ถ้ายังมีหลงเหลือก็ค่อยๆ กลับไปทำตามขั้นตอนข้างต้นใหม่จนกว่าสนิมจะถูกขัดจนหมดเกลี้ยงจากใจเรา

การให้อภัยทาน การอโหสิกรรม ถือเป็นการทำทานขั้นสูงสุดและทำได้ยากกว่า การบริจาควัตถุทาน และสูงกว่า การสร้างวิหารทาน หรือสิ่งก่อสร้างที่เป็นสาธารณประโยชน์ และสูงกว่า การให้วิทยาทานและธรรมทาน ดังนั้น การให้อภัยและให้อโหสิกรรม จึงเป็น การชำระล้างตะกอน ก้อนกรวด และสนิมในใจของเรา เพื่อทำให้ชีวิตจิตใจปลอดโปร่ง เบา สะอาดและมีพลัง พร้อมที่จะก้าวไปสู่หัวใจสีขาวต่อไป

ก็ลองมาเริ่ม ดีท็อกซ์ใจ ไปพร้อมกัน
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ