วันนี้ที่โรงเรียนมีการตื่นเต้นกัน
เพราะมีข่าวว่า เขตฯ จะมาตรวจโรงเรียน (ดูจุดเน้น) ในวันพรุ่งนี้
กว่าจะรู้ข่าวก็สายเสียแล้ว ทำอะไรก็ไม่ทัน รดน้ำผักชีกก็ไม่ทัน เลยกะว่าจะโชว์ผักไฮรโดรดีกว่า
เมื่อสืบข่าวไม่ดี อะไรๆก็เสียหาย
ผลปรากฎว่า ข่าวล่าสุด (วินาทีสุดท้าย) ท่านรองผองเขตไม่ว่าง เลยไม่มา
ก่อนเข้าตี ต้องมีการข่าวเพื่อกำหนดยุทธการ ปรับกำลังพล และยุทธวิธีการเข้าตี โดยต้องมีกำลังมากกว่า 3 เท่า ของจุดที่เข้าตี กำหนดเวลาที่แน่นอนเพื่อการเคลื่อนพล ต้องประสานขอกำลังสนับสนุนต่างๆ (ปืนใหญ่ หรือทางอากาศ) จึงจะมีโอกาสสำเร็จ
แล้วโรงเรียนมัวไปทำได้ จึงปล่อยให้เค้าเข้าตีได้เนี่ย หละหลวมจริงๆ
09 กุมภาพันธ์ 2553
08 กุมภาพันธ์ 2553
เด็กซ้ำชั้น ดีหรือไม่ดี
ทำไมถึงต้องให้เด็กซ้ำชั้น
จำนวนที่เด็กซ้ำชั้นมากเท่าไร แสดงว่าโรงเรียนไม่มีคุณภาพอย่างนั้นหรือ
ทีนี้ ก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย
เช่น แล้วทำไมครูถึงปล่อยให้เด็กติด 0
ทำไมครูปล่อยให้เด็กติด ม.ส.
ทำไมครูไม่ใช้วิธีซ่อมเสริม
ทำไมครูไม่ให้เด็กเก็บคะแนนเพิ่ม
ทำไมครูไม่ติวเพิ่ม
ทำไมครูไม่สร้างสื่อการสอนที่ดีๆ
ทำไมครูไม่สอนเด็กให้ดี
ทำไมครูถึงโหดกับนักเรียน
ทำไมครูถึงต้องตีเด็กนักเรียน
เอาละ
มาฟังเสียงของครูบ้านนอก คนนี้บ้างดีกว่า (นักวิชาการ นักการศึกษา นักการเมือง ทุกคนที่ไม่ได้มาสอนนักเรียนจริงๆ ไม่ได้มาอยู่กับนักเรียนตั้งแต่ 8 โมง ถึง บ่าย 4 โมง อย่าแสดงความเห็นตามตำรา เพราะนี่คือชีวิตจริงๆ การสอนจริงๆ ไม่ใช่ตำราที่คุณเขียนเอาไว้ขึ้นหิ้ง)
จำนวนที่เด็กซ้ำชั้นมากเท่าไร แสดงว่าโรงเรียนไม่มีคุณภาพอย่างนั้นหรือ
ทีนี้ ก็มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย
เช่น แล้วทำไมครูถึงปล่อยให้เด็กติด 0
ทำไมครูปล่อยให้เด็กติด ม.ส.
ทำไมครูไม่ใช้วิธีซ่อมเสริม
ทำไมครูไม่ให้เด็กเก็บคะแนนเพิ่ม
ทำไมครูไม่ติวเพิ่ม
ทำไมครูไม่สร้างสื่อการสอนที่ดีๆ
ทำไมครูไม่สอนเด็กให้ดี
ทำไมครูถึงโหดกับนักเรียน
ทำไมครูถึงต้องตีเด็กนักเรียน
เอาละ
มาฟังเสียงของครูบ้านนอก คนนี้บ้างดีกว่า (นักวิชาการ นักการศึกษา นักการเมือง ทุกคนที่ไม่ได้มาสอนนักเรียนจริงๆ ไม่ได้มาอยู่กับนักเรียนตั้งแต่ 8 โมง ถึง บ่าย 4 โมง อย่าแสดงความเห็นตามตำรา เพราะนี่คือชีวิตจริงๆ การสอนจริงๆ ไม่ใช่ตำราที่คุณเขียนเอาไว้ขึ้นหิ้ง)
- แล้วทำไมครูถึงปล่อยให้เด็กติด 0
ตอบ แล้วเด็กที่ทำคะแนน 17 คะแนน จาก 100 จะให้อะไรเด็กดี งานก็ไม่ส่ง สงสัยคงต้องการให้จุดธูปกราบกรานให้เด็กส่งงานอย่างนั้นหรือ เกรด 0 คือ บทลงโทษที่จะทำให้นักเรียนตั้งใจเรียนขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นไอ้แก่ประจำชั้น มันอาย - ทำไมครูปล่อยให้เด็กติด ม.ส.
ตอบ แล้วจะให้ทำอย่างไรครับ ให้ครูทิ้งเด็กอีก 20 กว่าคนที่มาเรียน ขี่รถไปตามไอ้ 2 คน ที่โดดไปเล่นสนุ๊กเกอร์หรือครับ แล้วมันยุติธรรมสำหรับเด็กที่มาเรียนไหมละครับ ไม่ต้องสอนกับพอดี - ทำไมครูไม่ใช้วิธีซ่อมเสริม
จะไปเสริมตอนไหนครับ หลักสูตรก็เต็มสตรีม สอนครบ 6 ชั่วโมงต่อวัน ไม่ใช่ประถมที่สอนเองทุกวิชา แล้วถามว่าการสอนเองทุกวิชา มันทำให้เด็กเรียนดีหรือครับ บูรณาการมันเป็นเพียงทฤษฎีของไอ้พวกวิชาการที่ไม่เคยลงมาสอนจริงๆ เพราะอะไรหรือครับ เพราะครูจะต้องไปกรอกข้อมูลต่างๆนานาที่ เขตพื้นที่ขอมา ที่กระทรวงขอมา ที่หน่วยงานต่างๆขอมา เอางี้ไหม เช้าสอนคณิต 2 ชั่วโมง บ่ายสอนศิลปะ ปล่อยให้เด็กมันวาดภาพไป ส่วนครูก็ตัดสินตามอารมณ์ ทั้งๆที่ไม่มีความรู้ทางศิลป์เลย (ครูยังคิดนอกกรอบไม่เป็น จะสอนเด็กนอกกรอบได้อย่างไร...ถุย) แล้วเวลาจะสอบ o-net ค่อยๆมาติวมันเอา หรือไม่ ก็สอนวิธีส่งซิก 55+ - ทำไมครูไม่ให้เด็กเก็บคะแนนเพิ่ม
ตอบ แล้วทำไม พวกที่ตรวจผลงาน คศ.3 ไม่ให้โอกาสครูทำคะแนนเพิ่มบ้าง(วะ) ทำวิจัยผิด... ให้ตก เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ผิด... ให้ตก ทำสื่อนวัตกรรมผิด... ให้ตก
มันก็เหตุผลเดียวกันแหละครับ ในเมื่อสอนแล้วทำไม่ได้ คุณก็สมควรได้รับผลตอบแทน หรือว่าเราจะสอนให้เด็กคอยแก้ตัว แต่ไม่พยายามทำให้ดีที่สุด ทำสุดความสามารถ ... แบบนี้มันเอาเปรียบคนอื่นๆที่ตั้งใจเรียนหรือเปล่า ... เด็กตก เรียกมาแก้ เรียกมาซ่อม ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี แก้ไปแก้มา โครตเบื่อ "เฮ้ย เอ็งไปหาต้นไม่มาปลูก 10 ต้น เดี๋ยวครูให้ผ่าน สอบสิบครั้งไม่ผ่าน มึงโง่จริงๆ" 55+ - ทำไมครูไม่ติวเพิ่ม
ตอบ สอนครบ 6 ชั่วโมงต่อวัน พักกลางวันกินข้าวเสร็จต้องไปกรอกข้อมูล ไปดูเด็ก ไปตรวจงาน จะถ่ายเอกสารติว ก็ไม่มีเงินให้ พอครูเอาเงินส่วนตัวถ่าย ครูก็ไม่พอจ่ายค่าเช่าหอ ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก เวลาครูในเมืองจะติวเด็ก เก็บเงินค่าถ่ายเอกสารได้ ดีหน่อยโรงเรียนออกให้ แต่สำหรับครูบ้านนอก ทุกวันนี้เด็กยังไม่พอกินแต่ละมื้อ แต่ละวันเลย ... บัดซบ - ทำไมครูไม่สร้างสื่อการสอนที่ดีๆ
ตอบ แล้วทำไง หน่วยงานบัญชาการ ไม่ส่งงบมาให้วะ เวลาให้งบมาก็เอาไปแต่งห้อง ทัศนศึกษา ถ้าไม่แต่ง พวกที่มาตรวจก็บอกว่า "ห้องเรียนไม่ส่งเสริมการเรียนรู้" แล้วเอาไงวะ เงินให้มาก็น้อย จะให้ครบทุกอย่าง ครูเงินเดือนน้อยนะเว้ย จะให้ออกเองหมด เวลาจะทำวิทยฐานะ ก็หาว่าไม่ใช่ครูจริง เงินที่เพิ่มมามันก็เอามาซื้อสื่อ สร้างซื่อได้นะเว้ย - ทำไมครูไม่สอนเด็กให้ดี
ตอบ สงสัยครูเป็นต้นแบบไม่ดี สอนมาวันละหลายชั่วโมง มันยังไม่ได้ดี แล้วจะให้สอนอย่างไร ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งโตยิ่งเซ่อ (เซ่อที่ไปเลือกนักการเมืองเลวๆ แล้วพวกอยากมีอำนาจก็ไปเลียขา เพื่อให้มาบริหารการศึกษา โอยย) - ทำไมครูถึงโหดกับนักเรียน
ตอบ ทุกอย่าง มีทั้งพระเดช และพระคุณ มีให้รางวัลก็ต้องมีลงโทษ เพราะรักไม่ใช่หรือ จึงอยากสอนให้รู้ผิดถูก (สงสัยครูสอนโหด เด็กมันถึงหนีคดีไปต่างประเทศ แล้วบอกโครมๆว่า "ศาลไม่ยุติธรรม" ทั้งๆที่มันเองนั้นแหละ ผิด) - ทำไมครูถึงต้องตีเด็กนักเรียน
ตอบ ม้าดี ต้องผ่านการฝึก การฝึกดีต้องตีให้รู้
คนไม่ใช่ม้า ถ้าสอนด้วยวาจาไม่ได้ ก็ต้องตีกันบ้าง หรือว่าคุณๆ ที่เข้ามาอ่าน ไม่ได้ดีเพราะไม้เรียวครู ใครกล้ายืนยันครับว่า "กู ได้ดีทุกวันนี้ เพราะครูไม่เคยตีกูเลย" สงสัยพวกนี้ไม่เคยผ่านวัยรุ่ย เลยไม่รู้ว่า วัยรุ่นทำอะไรผิดๆ ถูกๆ ถ้าไม่ตีวันนี้ แล้ววันหนึ่งมันโตขึ้นแล้วปีนเข้าบ้านไอ้คนต่อต้านการใช้ไมเรียว ไปข่มขืนลูกไอ้คนต่อต้าน อยากรู้ว่า เข้าจะคิดได้ไหม ว่าสิ่งที่สอนให้รู้ถูก - ผิด อย่างหนึ่งต้องมีไม้เรียว (แล้วเราจะมีกฎหมายอาญาไว้ทำไม หรือว่าข่มขืนลูกคุณไม่ผิดวะ) การลงโทษ ต้องลงโทษคนผิด และลงโทษเพื่อให้หลาบจำ กลับตัวหลับใจ
ผมไม่รู้นะครับ ว่าคุณจะเป็นด้วยหรือเปล่า
แต่โรงเรียนผมเริ่มแย่ลงถึงขั้นต่ำสุด เพราะเด็กไม่ตั้งใจเรียน ไม่กลัวไม้เรียว เพราะคิดว่า "เดี๋ยวกูก็จบ"
ผมเชื่อว่า การให้ซ้ำชั้นในกรณีที่ยากจะแก้ไข จะเป็นการปรามที่ดี เพราะอย่างน้อย 1 คน ที่ซ้ำชั้น 190 คน ตั้งใจเรียน ผมว่าคุ้ม เพราะคนที่เป็นครู ไม่ฆ่าลูกศิษย์อยู่แล้ว
(ใครเข้ามาอ่าน ขอความคิดเห็นด้วยนะครับ และช่วยเผยแพร่กันด้วย จะขอบพระคุณยิ่ง เพราะผมอยากรับทราบแนวคิดของคนอื่นๆบ้าง ว่าคิดเห็นอย่างไรครับ)
ขอบคุณครับ
07 กุมภาพันธ์ 2553
เช็ค Adsense ใบที่ 3
ว้าวๆๆๆๆๆ
วันนี้ได้รับเช็คจาก google adsense ใบที่ 3 แล้ว
ได้ไม่มากมาย ได้เรื่อยๆ แบบนี้สบายเรื่องค่าเช่า host
ขยันทำ ขยันอัพ ได้สมาชิก ได้เงิน โอยยยย สุดยอด
พรุ่งนี้ เอาเช็คไปขึ้นดีกว่า ว้าววววว
วันนี้ได้รับเช็คจาก google adsense ใบที่ 3 แล้ว
ได้ไม่มากมาย ได้เรื่อยๆ แบบนี้สบายเรื่องค่าเช่า host
ขยันทำ ขยันอัพ ได้สมาชิก ได้เงิน โอยยยย สุดยอด
พรุ่งนี้ เอาเช็คไปขึ้นดีกว่า ว้าววววว
06 กุมภาพันธ์ 2553
ประชุมผู้เข้าร่วมการนำเสนอวิจัยเครือข่ายราชภัฏภาคเหนือ
วันนี้ไปประชุมอาจารย์ และนักศึกษาที่จะไปร่วมนำเสนองานวิจัย
ในงานนำเสนอผลงานวิจัยเครือข่ายราชภัฏภาคเหนือ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ซึ่งกำหนดการคือวันที่ 10 - 12 ก.พ. 2553
โดยได้นำเสนอด้วยวาจา (บนเวที) และมีพี่น้องราชภัฏบางส่วนได้นำเสนอด้วยโปสเตอร์
ในงานนำเสนอผลงานวิจัยเครือข่ายราชภัฏภาคเหนือ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
ซึ่งกำหนดการคือวันที่ 10 - 12 ก.พ. 2553
โดยได้นำเสนอด้วยวาจา (บนเวที) และมีพี่น้องราชภัฏบางส่วนได้นำเสนอด้วยโปสเตอร์
05 กุมภาพันธ์ 2553
ไปทำบุญที่สุโขทัย
วันนี้ได้ไปทำบุญที่สุโขทัย
และได้รับฟังเรื่องดีๆ เรื่องที่อยากรู้ เรื่องที่อยากฟัง
แม้จะไกลไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะไป สุดยอดเลยครับ
และได้รับฟังเรื่องดีๆ เรื่องที่อยากรู้ เรื่องที่อยากฟัง
แม้จะไกลไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะไป สุดยอดเลยครับ
04 กุมภาพันธ์ 2553
ยอด adsense ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่ดีใจเนื้อเต้นมาหลายวัน
เพราะว่า adsense ได้วันลาหลายเหรียญ แบบว่าเร็วมากๆ โอย สุดยอดครับ
พอมาถึงวันนี้ก็ลดลง
เข้าใจว่าเพราะเด็กสอบ o-net กันแล้ว จึงไม่ได้เข้ามาเว็บ
ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาไทยนะเนี่ย ว้าว สุดยอดเลย
เพราะว่า adsense ได้วันลาหลายเหรียญ แบบว่าเร็วมากๆ โอย สุดยอดครับ
พอมาถึงวันนี้ก็ลดลง
เข้าใจว่าเพราะเด็กสอบ o-net กันแล้ว จึงไม่ได้เข้ามาเว็บ
ดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาไทยนะเนี่ย ว้าว สุดยอดเลย
03 กุมภาพันธ์ 2553
ยาดีตีไม่เจ็บ (ทำไมครูยังต้องตี)
ยาดี ถูกครูตีไม่เจ็บ
ไปซื้อมาจากร้านเกมส์ แล้วมาทดลองกินกัน กินแล้วให้เพื่อนต่อย ปรากฎว่ายังเจ็บ
...ก็กินเพิ่มอีก แล้วลองอีก ก็ยังเจ็บ
สงสัยยาออกฤทธิ์ช้า ผ่านไปสักพัก เริ่มมึน เหอะๆๆๆๆ
สังคมไทยกำลังเป็นอะไรไป เด็กนักเรียนไม่สนใจเรียน หนีไปเล่นเกมส์ แล้วกลัวถูกครูตี จึงหาวิธี"ครูตีแล้วไม่เจ็บ"
นักข่าวบางคนบอกว่า "สมัยนี้ ยังมีการลงโทษแบบนี้อยู่เหรอ"
คุณลองมาสอนสักวันสิครับ แล้วจะรู้ว่า...
...นักเรียนไม่สนใจเรียน เพราะมีกฎห้ามซ้ำชั้น
...นักเรียนกล้าชก ผอ. เพราะมีกฎห้ามตี หักไม่เรียวทิ้ง
...นักเรียนไม่ตั้งใจสอบ ทั้งในระดับโรงเรียน หรือระดับชาติ เพราะคิดว่า เดี๋ยวครูก็ให้ผ่าน เพราะหากเด็กสอบตกมาก เด้กมีผลสัมฤทธิ์ต่ำ เป็นความผิดของครู ทั้งๆที่เด็กไม่ทำงาน ไม่ส่งการบ้าน แม้แต่การปลูกถั่วงอกมาส่ง ก้ไม่ทำ เรียกผู้ปกครองมาพบ ก็ไม่กลัว
แล้วแบบนี้ สังคมไทยจะเป็นอย่างไรครับ
เจตนาที่ครูตี เพราะอยากให้หลาบจำ
ไม่ใช่ต้องการให้เด้กเจ็บปวดแล้วสะใจ ผมถามจริงๆ คนที่เป็นใหญ่เป็นโต แม่แต่นักข่าวอย่างคุณ (คนที่พูด) คุณไม่เคยถูกตีหรือ คุณไม่ได้ดีจากไม้เรียวครูหรือ ผมเองก็ยังเคยถูกตี และเราก็มีสติในการทำงานครั้งต่อไป ผมเลยมีวันนี้ มีวันทีได้เป็นข้าราชการครูตั้งแต่อายุ 23 (เข้าเรียนอนุบาลตามเกณฑ์) ผมจำได้ ตอนรับพระราชทานปริญญาบัตร มีคนรุ่นเดียวกันสวมชุดขาวเพียงไม่กี่คน (ไม่ถึง 10 คน) ผมโชคดีมาที่ได้สวมชุดปกติขาวดังใจ
ผมได้ดีเพราะมีครู ได้รู้เพราะครูตี ไม่อัปรีย์เพราะครูสอน ไม่นอนกิน(ชาติ) เพราะครูดี
ไปซื้อมาจากร้านเกมส์ แล้วมาทดลองกินกัน กินแล้วให้เพื่อนต่อย ปรากฎว่ายังเจ็บ
...ก็กินเพิ่มอีก แล้วลองอีก ก็ยังเจ็บ
สงสัยยาออกฤทธิ์ช้า ผ่านไปสักพัก เริ่มมึน เหอะๆๆๆๆ
สังคมไทยกำลังเป็นอะไรไป เด็กนักเรียนไม่สนใจเรียน หนีไปเล่นเกมส์ แล้วกลัวถูกครูตี จึงหาวิธี"ครูตีแล้วไม่เจ็บ"
นักข่าวบางคนบอกว่า "สมัยนี้ ยังมีการลงโทษแบบนี้อยู่เหรอ"
คุณลองมาสอนสักวันสิครับ แล้วจะรู้ว่า...
...นักเรียนไม่สนใจเรียน เพราะมีกฎห้ามซ้ำชั้น
...นักเรียนกล้าชก ผอ. เพราะมีกฎห้ามตี หักไม่เรียวทิ้ง
...นักเรียนไม่ตั้งใจสอบ ทั้งในระดับโรงเรียน หรือระดับชาติ เพราะคิดว่า เดี๋ยวครูก็ให้ผ่าน เพราะหากเด็กสอบตกมาก เด้กมีผลสัมฤทธิ์ต่ำ เป็นความผิดของครู ทั้งๆที่เด็กไม่ทำงาน ไม่ส่งการบ้าน แม้แต่การปลูกถั่วงอกมาส่ง ก้ไม่ทำ เรียกผู้ปกครองมาพบ ก็ไม่กลัว
แล้วแบบนี้ สังคมไทยจะเป็นอย่างไรครับ
เจตนาที่ครูตี เพราะอยากให้หลาบจำ
ไม่ใช่ต้องการให้เด้กเจ็บปวดแล้วสะใจ ผมถามจริงๆ คนที่เป็นใหญ่เป็นโต แม่แต่นักข่าวอย่างคุณ (คนที่พูด) คุณไม่เคยถูกตีหรือ คุณไม่ได้ดีจากไม้เรียวครูหรือ ผมเองก็ยังเคยถูกตี และเราก็มีสติในการทำงานครั้งต่อไป ผมเลยมีวันนี้ มีวันทีได้เป็นข้าราชการครูตั้งแต่อายุ 23 (เข้าเรียนอนุบาลตามเกณฑ์) ผมจำได้ ตอนรับพระราชทานปริญญาบัตร มีคนรุ่นเดียวกันสวมชุดขาวเพียงไม่กี่คน (ไม่ถึง 10 คน) ผมโชคดีมาที่ได้สวมชุดปกติขาวดังใจ
ผมได้ดีเพราะมีครู ได้รู้เพราะครูตี ไม่อัปรีย์เพราะครูสอน ไม่นอนกิน(ชาติ) เพราะครูดี
02 กุมภาพันธ์ 2553
ภาษาอังกฤษทางธุรกิจที่ใช้กันผิดบ่อยๆ
ภาษาอังกฤษทางธุรกิจที่ใช้กันผิดบ่อยๆ
ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจอย่างปัจจุบันนี้ คุณต้องหาข้อเป็นต่อให้มากเท่าที่จะหาได้ไว้ดีกว่า การพูดภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะทำให้คุณก้าวนำคนอื่นอย่างมั่นใจ คิดว่ายากเกินไปเหรอ? ไม่เลย ! ลองอ่านดูข้อที่คู่แข่งขันคุณใช้ผิดบ่อยๆ แล้วจำคำที่ถูกไปใช้ได้ทันที
Personal vs. Personnel
สังเกตการสะกดคำและการเน้นเสียงของสองคำนี้! "Personnel" เป็นคำนามหมายถึงพนักงานในบริษัท เช่น"Our company has the best personnel in the industry." การเน้นเสียงจะเน้นพยางค์ท้ายของคำ ส่วน"Personal" เป็นคำ adjective หมายถึงส่วนตัวหรือส่วนบุคคล เช่น "I'm requesting a day of annual leave for personal reasons." การเน้นเสียงจะเน้นที่พยางค์แรกของคำ แล้วถ้าคุณไม่ระวัง คุณอาจถูกเรียกตัวเข้าประชุม "personal meeting" ไม่ใช่ "personnel meeting." อย่างที่ควรจะเป็น
Executive
"executive" หมายถึงคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัท ถ้าคุณต้องแนะนำ executives ระดับสูงให้แก่แขกหรือลูกค้า ก็ระวังการเน้นเสียงของคำนี้ให้ดี ! อย่าไปเน้นเสียงตรงอักษร "u" เพราะไม่อย่างนั้นคำว่า "executive" จะออกเสียงเหมือนกับคำว่า "execute" ซึ่งแปลว่าฆ่าหรือประหารชีวิต
Present? Presentate? Presentation?
คุณ present(เสนอ)รายงานข้อมูลเมื่อคุณให้ presentation(การ นำเสนองาน) คำว่าPresent เป็น verb หมายถึงแนะนำบางสิ่งให้เป็นที่รู้จักหรือกล่าวถึงบางสิ่งให้เป็นที่สนใจแก่ คนอื่น ส่วนคำว่า presentationเป็นการเรียกกระบวนการนำเสนอหรือการ แนะนำข้อมูลใหม่ในทางธุรกิจ มีคนมากมาย(รวมทั้งเจ้าของภาษาบางคนด้วย)ที่คิดว่า "presentate" เป็น verb ของคำว่า "presentation." คุณอย่าคิดผิดอย่างนั้นด้วยก็แล้วกัน เพราะคำนี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ !
"I look forward to hearing from you."
ประโยคนี้ใช้กันบ่อยในการลงท้ายจดหมายทางธุรกิจ แต่คนมักใช้ผิดเป็น"I look forward to hear from you." ซึ่งไม่ถูกหลักไวยากรณ์และฟังดูตลกๆ สำหรับคนอ่านที่เป็นเจ้าของภาษา ที่ถูกต้องคือคำกิริยา "hear" ในประโยคนี้ต้องต่อท้ายด้วย "ing" เสมอ ดังนี้ "I look forward to hearing from you."
Headquarters and Information
มีคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่มากมายที่สะกดสองคำนี้ผิดโดยการตัด"s" ออกจาก "headquarters" แต่ไปเติม "s"ใน"information" ที่ถูกต้องคือ Headquartersซึ่งคำนี้เป็นคำนามเอกพจน์หมายถึงสำนัก งานใหญ่ของบริษัท เช่น "I'm going to headquarters this weekend to meet with the CEO." คำว่า Headquarters อาจสับสนหน่อยเพราะถึงแม้ว่าจะลงท้ายด้วย "s" แต่มันก็ไม่ใช่พหูพจน์ ! ถ้าคุณตัด "s" ออกจากคำว่า headquarters คำนี้จะเปลี่ยนเป็นคำกิริยา "to headquarter" ทันที ในทางตรงกันข้าม การเติม"s" เข้าที่ information นั้นไม่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าเขาต้องการข้อมูล(information)มากมาย ก็ควรทำให้คำนี้เป็นพหูพจน์ เช่น "I need informations on overseas study programs." แต่ตามความเป็นจริงที่ถูกต้องแล้ว คำว่า information เป็นคำนามที่นับไม่ได้ (ไม่มีรูปพหูพจน์) เพราะฉะนั้น คุณต้องพูดเพียงว่า "I need some information."
ที่มา http://englishtown.msn.co.th
ในโลกแห่งการแข่งขันทางธุรกิจอย่างปัจจุบันนี้ คุณต้องหาข้อเป็นต่อให้มากเท่าที่จะหาได้ไว้ดีกว่า การพูดภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องจะทำให้คุณก้าวนำคนอื่นอย่างมั่นใจ คิดว่ายากเกินไปเหรอ? ไม่เลย ! ลองอ่านดูข้อที่คู่แข่งขันคุณใช้ผิดบ่อยๆ แล้วจำคำที่ถูกไปใช้ได้ทันที
Personal vs. Personnel
สังเกตการสะกดคำและการเน้นเสียงของสองคำนี้! "Personnel" เป็นคำนามหมายถึงพนักงานในบริษัท เช่น"Our company has the best personnel in the industry." การเน้นเสียงจะเน้นพยางค์ท้ายของคำ ส่วน"Personal" เป็นคำ adjective หมายถึงส่วนตัวหรือส่วนบุคคล เช่น "I'm requesting a day of annual leave for personal reasons." การเน้นเสียงจะเน้นที่พยางค์แรกของคำ แล้วถ้าคุณไม่ระวัง คุณอาจถูกเรียกตัวเข้าประชุม "personal meeting" ไม่ใช่ "personnel meeting." อย่างที่ควรจะเป็น
Executive
"executive" หมายถึงคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารของบริษัท ถ้าคุณต้องแนะนำ executives ระดับสูงให้แก่แขกหรือลูกค้า ก็ระวังการเน้นเสียงของคำนี้ให้ดี ! อย่าไปเน้นเสียงตรงอักษร "u" เพราะไม่อย่างนั้นคำว่า "executive" จะออกเสียงเหมือนกับคำว่า "execute" ซึ่งแปลว่าฆ่าหรือประหารชีวิต
Present? Presentate? Presentation?
คุณ present(เสนอ)รายงานข้อมูลเมื่อคุณให้ presentation(การ นำเสนองาน) คำว่าPresent เป็น verb หมายถึงแนะนำบางสิ่งให้เป็นที่รู้จักหรือกล่าวถึงบางสิ่งให้เป็นที่สนใจแก่ คนอื่น ส่วนคำว่า presentationเป็นการเรียกกระบวนการนำเสนอหรือการ แนะนำข้อมูลใหม่ในทางธุรกิจ มีคนมากมาย(รวมทั้งเจ้าของภาษาบางคนด้วย)ที่คิดว่า "presentate" เป็น verb ของคำว่า "presentation." คุณอย่าคิดผิดอย่างนั้นด้วยก็แล้วกัน เพราะคำนี้ไม่มีในภาษาอังกฤษ !
"I look forward to hearing from you."
ประโยคนี้ใช้กันบ่อยในการลงท้ายจดหมายทางธุรกิจ แต่คนมักใช้ผิดเป็น"I look forward to hear from you." ซึ่งไม่ถูกหลักไวยากรณ์และฟังดูตลกๆ สำหรับคนอ่านที่เป็นเจ้าของภาษา ที่ถูกต้องคือคำกิริยา "hear" ในประโยคนี้ต้องต่อท้ายด้วย "ing" เสมอ ดังนี้ "I look forward to hearing from you."
Headquarters and Information
มีคนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่มากมายที่สะกดสองคำนี้ผิดโดยการตัด"s" ออกจาก "headquarters" แต่ไปเติม "s"ใน"information" ที่ถูกต้องคือ Headquartersซึ่งคำนี้เป็นคำนามเอกพจน์หมายถึงสำนัก งานใหญ่ของบริษัท เช่น "I'm going to headquarters this weekend to meet with the CEO." คำว่า Headquarters อาจสับสนหน่อยเพราะถึงแม้ว่าจะลงท้ายด้วย "s" แต่มันก็ไม่ใช่พหูพจน์ ! ถ้าคุณตัด "s" ออกจากคำว่า headquarters คำนี้จะเปลี่ยนเป็นคำกิริยา "to headquarter" ทันที ในทางตรงกันข้าม การเติม"s" เข้าที่ information นั้นไม่ถูกต้อง คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าเขาต้องการข้อมูล(information)มากมาย ก็ควรทำให้คำนี้เป็นพหูพจน์ เช่น "I need informations on overseas study programs." แต่ตามความเป็นจริงที่ถูกต้องแล้ว คำว่า information เป็นคำนามที่นับไม่ได้ (ไม่มีรูปพหูพจน์) เพราะฉะนั้น คุณต้องพูดเพียงว่า "I need some information."
ที่มา http://englishtown.msn.co.th
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ