เมื่อวานนี้ เป็นวันที่ครบ 2 ปี ในการดำรงตำแหน่งครู คศ.1
ซึ่งผมก็ถือว่าเป็นระยะเวลา 2 ปีที่ยาวนาน(มาก)
เช่นเดียวกับการเป็นครูผู้ช่วย ที่เป็นระยะเวลา 2 ปีที่ต้องทำอะไร และเรียนรู้อะไรหลายอย่าง
บางสิ่ง ก็ไม่มีใครสอนเรา แม้แต่คู่มือ หรือเอกสารที่ทาง เขตฯ ให้มา
ดังนั้นอะไรๆ ก็ต้องศึกษาด้วยตนเอง สังเกต จะโชคดีหน่อยที่มีพี่บางคนคอยดูแล คอบบอก คอยสอน คอยเตือน... สุดยอด
ใครที่กำลังก้าวสู่อาชีพครู หรือ กำลังอยากจะเป็นครู
ขอให้รู้นะครับว่า งานครู คืองานหนัก งานที่ลำบาก
คุณต้องเลือกระหว่างความก้าวหน้าของนักเรียน กับความสบายของเรา
...เพราะถ้าเราทำไม่ดี ไม่คิดถึงเด็ก วันหนึ่ง จะย้อยกลับมาที่ลูกเราเอง เชื่อเถิดครับ
"วันที่ 7 พ.ย. วันที่มีความสุข เพราะเราได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"
08 พฤศจิกายน 2552
07 พฤศจิกายน 2552
กาแฟลดความอ้วน
เตือนภัย อย่าเชื่อดื่มกาแฟลดอ้วน
ศ.น.พ.สุรัตน์ โคมินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนวิทยาคลินิกและโรคเบาหวาน
อดีตหัวหน้าหน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ กล่าวถึงโฆษณาประเภทกาแฟ ซึ่งโฆษณาว่าดื่มแล้วจะทำให้รูปร่างผอมได้ว่า เป็นการชวนเชื่อและทำให้ประชาชนคิดว่า การดื่มกาแฟแล้วจะทำให้รูปร่างผอมเพรียว ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด แม้ว่ากาแฟจะมีส่วนต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย แต่หากดื่มเป็นปริมาณมาก โดยหวังว่าจะให้ร่างกายผอม หุ่นดีนั้น อาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ แทนที่จะผอม เพราะกาเฟอีนจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานดีขึ้น แต่หากดื่มมากไปจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
“นอกจากนี้หากดื่มกาแฟก็อาจอ้วนได้เช่นกัน เพราะหากส่วนผสมของกาแฟนั้นมีครีมเทียม น้ำตาลผสมอยู่มากก็จะมีพลังงานหลายกิโลแคลอรี ดังนั้นทำให้อ้วน จะผอมได้อย่างไร ก็ถ้าอยากดื่มกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลและครีม ก็ถือว่าพอมีประโยชน์ในการช่วยเผาผลาญบ้าง แต่ก็ไม่ควรดื่มหลายๆแก้วต่อวัน” ศ.น.พ.สุรัตน์ กล่าว
น.พ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึม
ซึ่งเป็นการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นในระดับสัตว์ทดลอง.....
อ่านต่อที่ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=26
ศ.น.พ.สุรัตน์ โคมินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนวิทยาคลินิกและโรคเบาหวาน
อดีตหัวหน้าหน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ กล่าวถึงโฆษณาประเภทกาแฟ ซึ่งโฆษณาว่าดื่มแล้วจะทำให้รูปร่างผอมได้ว่า เป็นการชวนเชื่อและทำให้ประชาชนคิดว่า การดื่มกาแฟแล้วจะทำให้รูปร่างผอมเพรียว ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด แม้ว่ากาแฟจะมีส่วนต่อระบบการเผาผลาญของร่างกาย แต่หากดื่มเป็นปริมาณมาก โดยหวังว่าจะให้ร่างกายผอม หุ่นดีนั้น อาจเกิดอันตรายกับร่างกายได้ แทนที่จะผอม เพราะกาเฟอีนจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานดีขึ้น แต่หากดื่มมากไปจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ
“นอกจากนี้หากดื่มกาแฟก็อาจอ้วนได้เช่นกัน เพราะหากส่วนผสมของกาแฟนั้นมีครีมเทียม น้ำตาลผสมอยู่มากก็จะมีพลังงานหลายกิโลแคลอรี ดังนั้นทำให้อ้วน จะผอมได้อย่างไร ก็ถ้าอยากดื่มกาแฟดำ ไม่ใส่น้ำตาลและครีม ก็ถือว่าพอมีประโยชน์ในการช่วยเผาผลาญบ้าง แต่ก็ไม่ควรดื่มหลายๆแก้วต่อวัน” ศ.น.พ.สุรัตน์ กล่าว
น.พ.ฆนัท ครุธกูล ผู้จัดการศูนย์หัวใจหลอดเลือดและเมตาบอลิก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่ากาแฟมีส่วนช่วยให้ระบบเมตาบอลิซึม
ซึ่งเป็นการเผาผลาญของร่างกายเพิ่มขึ้นในระดับสัตว์ทดลอง.....
อ่านต่อที่ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=26
06 พฤศจิกายน 2552
ลดความอ้วนด้วยสัปรด
ลดความอ้วนด้วยผลไม้ ลดอ้วนด้วยสัปปะรด
สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้ที่หากินง่าย แต่สิ่งที่น่าสนใจของสับปะรดนั้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่เอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โบรเมอเลน เอนไซม์ ตัวนี้มีคุณสมบัติในการย่อยโปรตีนโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ต่างๆ ดังนั้นการย่อยอาหารของร่างกายจึงเป็นปกติ ท้องไม่อืดหรือเฟ้อหากกินเป็นประจำ
นอกจากนี้แล้วเอนไซม์ตัวนี้ยังช่วยรักษาโรคหัวใจที่มสาเหตุจากการเกิดลิ่มเลือด เพราะเอนไซม์มีโบรเมอเลน เป็นเอนไซม์ที่ช่วยละลายลิ่มเลือดได้เป็นอย่างดี
อ่านต่อ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=24
สับปะรด
สับปะรดเป็นผลไม้ที่หากินง่าย แต่สิ่งที่น่าสนใจของสับปะรดนั้น ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่เอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โบรเมอเลน เอนไซม์ ตัวนี้มีคุณสมบัติในการย่อยโปรตีนโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ต่างๆ ดังนั้นการย่อยอาหารของร่างกายจึงเป็นปกติ ท้องไม่อืดหรือเฟ้อหากกินเป็นประจำ
นอกจากนี้แล้วเอนไซม์ตัวนี้ยังช่วยรักษาโรคหัวใจที่มสาเหตุจากการเกิดลิ่มเลือด เพราะเอนไซม์มีโบรเมอเลน เป็นเอนไซม์ที่ช่วยละลายลิ่มเลือดได้เป็นอย่างดี
อ่านต่อ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=24
05 พฤศจิกายน 2552
โยคะ [YOGA ]
โยคะ [YOGA ]
โยคะ (YOGA) หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหาร ร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วย บรรเทาและบำบัดโรคได้ หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี
ประโยชน์ของโยคะ [ Benefits of YOGA ]
เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ปรับระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ บำบัดโรคที่เกี่ยวกับเลือดไม่ดี โรคภูมิแพ้ ลมหมักหมม
ผิวพรรณที่ไม่ผ่องใส สมองไม่ปลอดโปร่ง มึนศีรษะง่าย
อ่านต่อ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=28
โยคะ (YOGA) หมายถึง การสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียว หะฐะโยคะ (HATHA YOGA) เป็น 1 ในสาขาโยคะทั้งหมด หะฐะโยคะ จะใช้ศิลปการบริหาร ร่างกาย ภายใต้การควบคุมของจิตใจ เกิดความสมดุลของพลังด้านบวกและด้านลบ โยคะจึงช่วย บรรเทาและบำบัดโรคได้ หะฐะโยคะ จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ผู้คนเห็นความสำคัญของ สุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี
ประโยชน์ของโยคะ [ Benefits of YOGA ]
เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ปรับระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ บำบัดโรคที่เกี่ยวกับเลือดไม่ดี โรคภูมิแพ้ ลมหมักหมม
ผิวพรรณที่ไม่ผ่องใส สมองไม่ปลอดโปร่ง มึนศีรษะง่าย
อ่านต่อ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=28
04 พฤศจิกายน 2552
กินเห็ด (Mushrooms.) เพื่อสุขภาพ ตอนที่ 1
กินเห็ด (Mushrooms.) เพื่อสุขภาพ ตอนที่ 1
เห็ดหอม (Mushroom onion) ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารตำรับ “ อมตะ ” เพราะมีคุณสมบัติความเป็นยาบำรุงกำลังและบรรเทาอาการไข้หวัด การไหลเวียนเลือดไม่ดี ปวดกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย ซึ่งเห็ดหอมจะให้โปรตีนได้มากกว่าเห็ดแชมปิญองถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินบี ซีลีเนียม และธาตุอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการ
เห็ดนางฟ้า (Mushroom fairy) เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ
อ่านต่อที่ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=30
เห็ดหอม (Mushroom onion) ชาวจีนยกให้เห็ดหอมเป็นอาหารตำรับ “ อมตะ ” เพราะมีคุณสมบัติความเป็นยาบำรุงกำลังและบรรเทาอาการไข้หวัด การไหลเวียนเลือดไม่ดี ปวดกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย ซึ่งเห็ดหอมจะให้โปรตีนได้มากกว่าเห็ดแชมปิญองถึง 2 เท่า นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วย วิตามินเอ วิตามินบี ซีลีเนียม และธาตุอื่นๆ ที่ร่างกายต้องการ
เห็ดนางฟ้า (Mushroom fairy) เห็ดนางรม และเห็ดเป๋าฮื้อ
อ่านต่อที่ http://www.healthy-care.saweedas.com/?p=30
03 พฤศจิกายน 2552
ครูหนาว
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของครูที่หนาวหัวใจ
และไม่ใช่เรื่องที่หนาวเพราะเขตจะมาตรวจโรงเรียน...
แต่เห็นอาการของความหนาวเน็บที่ต้องขี่มอเตอร์ไซต์ ผ่านสายลมหนาว กลุ่มไอหมอก สุดยอดๆๆๆๆ
นี่ยังไม่รวมไข้หวัด 2009 มราเงียบไป (เพราะคนหยุดเสนอข่าว) หันไปเสนอข่าวของหมีแพนดา หรือเด็กตามหาพ่อที่ทิ้งไป ข่าวสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนส่วนใหญ่กลับไม่นำเสนอ
ยังไงก็ระวังป้องกันตัวเองนะครับ
เพราะถ้าเป็นขึ้นมา ไม่ใช่มีใครมาโอบอุ้มเรา ไม่นำเสนอข่าวของเราด้วย 555
และไม่ใช่เรื่องที่หนาวเพราะเขตจะมาตรวจโรงเรียน...
แต่เห็นอาการของความหนาวเน็บที่ต้องขี่มอเตอร์ไซต์ ผ่านสายลมหนาว กลุ่มไอหมอก สุดยอดๆๆๆๆ
นี่ยังไม่รวมไข้หวัด 2009 มราเงียบไป (เพราะคนหยุดเสนอข่าว) หันไปเสนอข่าวของหมีแพนดา หรือเด็กตามหาพ่อที่ทิ้งไป ข่าวสำคัญๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนส่วนใหญ่กลับไม่นำเสนอ
ยังไงก็ระวังป้องกันตัวเองนะครับ
เพราะถ้าเป็นขึ้นมา ไม่ใช่มีใครมาโอบอุ้มเรา ไม่นำเสนอข่าวของเราด้วย 555
02 พฤศจิกายน 2552
หญ้าปักกิ่ง
หญ้าปักกิ่ง นี้นะจะชอบอยู่ในดินร่วนๆๆนะครับ ปลูกไม่ดีก็ตายหมดเลยนะครับ เหมือนหญ้าที่ชายทะเล เลยนะครับ ต้นจะไม่สูงมากนะครับ ประมาณ 1 คืบ เกือบ 2 คืบเลยนะครับ นะความสูงของหญ้าปักกิ่งนะครับ
หญ้าปักกิ่ง (หญ้าเทวดา)
เขียนโดย D.Healer เมื่อ 01 สิงหาคม 2008 - 10:29am
หญ้าปักกิ่ง หรือ หญ้าเทวดา
มีข้อถกเถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่ หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น
หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
“ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาโรคมานับพันปีแล้ว รักษาสารพัดโรคครอบจักรวาล เช่น บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเป็นยาจีน รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทำน้ำคั้นดื่มรักษาโรคมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยทำวิจัยคุณสมบัติหญ้าปักกิ่ง พบว่า ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งสารที่แสดงฤทธิ์ คือกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์”
ถิ่นกำเนิดของหญ้าปักกิ่ง
หญ้าปักกิ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้แถบสิบสองปันนา ในตำรายาจีนปรากฏพืชชนิดสกุลเดียวกันนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บคอและมะเร็ง มีลักษณะคล้ายกับหญ้ามาเลเซียที่นำมาปูพื้นสนาม แต่หญ้าปักกิ่งจะอวบน้ำกว่า ใบนุ่ม หลังใบมีขนอ่อนๆ โคนต้นทรงกระบอก สีออกขาว ดอกออกเป็นช่อที่ยอดรวมกันเป็นกระจุกแน่น กลีบดอกสีฟ้าหรือสีม่วงอ่อน มีสรรพคุณเสริมภูมิต้านทาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น
การแปรรูปหญ้าปักกิ่ง
เก็บเอาหญ้าปักกิ่งทั้งต้นทั้งราก คัดเอาใบที่สมบูรณ์และใบซีดเหลืองออกก่อน ล้างเศษดินที่ติดมากับรากให้สะอาดนำไปล้างน้ำอีก 2 ครั้ง ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ นำหญ้าปักกิ่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆขนาด ครึ่งเซนติเมตร นำไปตากแดดประมาณ 5-7 วัน เวลาตากควรเกลี่ยให้ทั่วและเกลี่ยบ่อยๆ เมื่อแห้งสนิมแล้วนำมาบรรจุภาชนะให้มิดชิด สามารถนำไปทำเป็นลูกกลอน ยาอัดเม็ด แคปซูล ชา และเครื่องดื่มชนิดผง
“ส่วนมากจะทำเป็นน้ำหญ้าปักกิ่ง มีส่วนผสมคือ หญ้าปักกิ่ง น้ำเชื่อม น้ำสะอาด วิธีการคือ นำหญ้าปักกิ่งที่สดใหม่ ล้างน้ำให้สะอาด แช่ด่างทับทิม 15-20 นาที แล้วหั่นตามขวางละเอียด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาว เติมน้ำเชื่อมพอหวาน ชิมรสตามชอบจะได้น้ำหญ้าปักกิ่งสีเขียวหวานใส”
ประวัติการรักษาโรคมะเร็งในประเทศนั้น
ประมาณปี 2527 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าเทวดาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง สามารถยืดชีวิตต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ทำให้หญ้าเทวดาเป็นที่สนใจมาก นอกจากนั้นมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน ขอให้นำไปพักรักษาที่บ้าน แต่ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำหญ้าปักกิ่งคั้นสด 1 ปีต่อมายังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลของผู้ป่วยรายนี้กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของหญ้าเทวดา นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ใช้หญ้าปักกิ่งรักษาอาการร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
“ในการวิจัยที่เคยมีการทำกันมามีรายงานว่า สารสกัดหญ้าเทวดา มีผลลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนู จึงคาดว่า สารสกัดหญ้าเทวดาอาจใช้ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้”
ข้อควรระมัดระวังในการใช้หญ้าเทวดา
หญ้าเทวดาที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยต้องเป็นต้นที่มีอายุเหมาะสม กล่าวคือ หากเป็นหญ้าที่มีการปลูกโดยการชำกิ่งต้องมีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นหญ้าที่ปลูกจากการเพาะเมล็ด ต้องมีอายุมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป
หญ้าเทวดาที่มีอายุยังไม่ครบ ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า สารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ ไม่มีการสร้างในต้นที่มีอายุยังไม่ครบ ดังนั้นการซื้อหญ้าเทวดามาบริโภคต้องมั่นใจว่าต้นนั้นๆมีอายุครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะได้คุณประโยชน์ที่พึงประสงค์
“ในด้านการพัฒนาสู่มาตรฐานสากลในประเทศไทยนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม ได้นำหญ้าเทวดามาพัฒนาเป็นยาเม็ด โดยใช้ส่วนประกอบทุกอย่างเป็นสารธรรมชาติ แม้กระทั่งสีที่ใช้เคลือบยาเม็ดก็ได้จากสีเขียวของคลอโรฟีลล์จากพืช วัตถุดิบและการผลิตทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยล้วนๆไม่พึ่งต่างชาติ แต่การประกันคุณภาพจะเทียบเท่ามาตรฐานสากล”
การพัฒนาหญ้าเทวดาในรูปของยาเม็ด นอกจากเป็นรูปแบบของยาที่รับประทานง่ายแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับคุณค่าของยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะยาเม็ดหญ้าเทวดาทุกเม็ดได้ผ่านกระบวนการผลิตและการควบคุมที่ทันสมัย เพื่อประกันคุณภาพของยาเม็ดหญ้าเทวดาทุก 2 เม็ดมีคุณค่าเทียบเท่ากับหญ้าเทวดาสดจำนวน 3 ต้น
“การใช้ยานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานยานี้เป็นรอบ โดยรับประทาน 7 วันแล้วหยุด 4 วัน สลับกันไปแล้วเริ่มรับประทานรอบใหม่ ระยะเวลาการรับประทานขึ้นกับจุดประสงค์การใช้ยาดังนี้ กรณีใช้ลดผลข้างเคียงจากรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดผู้ป่วยมะเร็งรับประทานควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน โดยรับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน การหยุดรับประทานเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน”
ส่วนกรณีป้องกันการแพร่กระจายและการกลับมาเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังจากได้รับการรักษาแล้ว โดยป้องกันการแพร่กระจายและกลับเป็นซ้ำอีก ให้รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน เช่นนี้ติดต่อกัน 1 ปี และตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง ส่วนกรณีการใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน ติดต่อกันเป็นเวลาไม่เกิน 6-8 สัปดาห์ โดยใช้เฉพาะช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ติดเชื้อไวรัสเป็นต้น
[img]http://i314.photobucket.com/albums/ll429/kurabdang/1face3df.jpg[/img]
ข้อมูลจาก คุณกุหลายบสีแดง เว็บ http://www.seal2thai.org/board/viewtopic.php?p=30310#30310
หญ้าปักกิ่ง (หญ้าเทวดา)
เขียนโดย D.Healer เมื่อ 01 สิงหาคม 2008 - 10:29am
หญ้าปักกิ่ง หรือ หญ้าเทวดา
มีข้อถกเถียงกันมานานเรื่องการใช้ หญ้าปักกิ่ง แต่ผลการวิจัยได้พิสูจน์ว่าหญ้าปักกิ่ง มีคุณสมบัติยับยั้งโรคมะเร็งได้จริง แต่ต้องรับประทานอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังให้มาก หลังจากที่ หญ้าปักกิ่งแพร่หลายในบ้านเรา คือเรื่อง หญ้าปักกิ่งปลอม ซึ่งต้องสังเกตให้ดี อย่าหลงเชื่อผู้ขาย และต้องปรึกษาผู้รู้เท่านั้น
หญ้าปักกิ่ง หรือในชื่อภาษาจีนว่า เล้งจือเช่า หรือหญ้าเทวดา เป็นยามีรสจืด เย็น มีสรรพคุณในการยับยั้งโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งในคอ มะเร็งตับ มะเร็งมดลูก มะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวิเคราะห์ในห้องแล็บพบว่า ลำต้นหญ้าปักกิ่งมีสารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ เป็นสารต้านมะเร็งระยะต้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เช่น โรคมะเร็ง เส้นเลือดหัวใจตีบ โรคภูมิแพ้ โรคความดันและเบาหวาน สามารถใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันได้ ช่วยลดอาการข้างเคียงจาการฉายแสง ในผู้ป่วยที่จำเป็นต้องฉายแสง
“ชาวจีนสมัยโบราณใช้หญ้าปักกิ่งเป็นยารักษาโรคมานับพันปีแล้ว รักษาสารพัดโรคครอบจักรวาล เช่น บำรุงพลังปราณ ปรับสมดุลร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน ในประเทศไทยมีการนำเข้ามาปลูกเป็นยาจีน รักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และทำน้ำคั้นดื่มรักษาโรคมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยทำวิจัยคุณสมบัติหญ้าปักกิ่ง พบว่า ไม่มีพิษสะสมต่ออวัยวะอื่น และได้สรรพคุณทางเคมีเภสัชว่า สามารถทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรงระยะอ่อน-ปานกลาง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และลำไส้ใหญ่ ซึ่งสารที่แสดงฤทธิ์ คือกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์”
ถิ่นกำเนิดของหญ้าปักกิ่ง
หญ้าปักกิ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้แถบสิบสองปันนา ในตำรายาจีนปรากฏพืชชนิดสกุลเดียวกันนี้ ใช้รักษาอาการเจ็บคอและมะเร็ง มีลักษณะคล้ายกับหญ้ามาเลเซียที่นำมาปูพื้นสนาม แต่หญ้าปักกิ่งจะอวบน้ำกว่า ใบนุ่ม หลังใบมีขนอ่อนๆ โคนต้นทรงกระบอก สีออกขาว ดอกออกเป็นช่อที่ยอดรวมกันเป็นกระจุกแน่น กลีบดอกสีฟ้าหรือสีม่วงอ่อน มีสรรพคุณเสริมภูมิต้านทาน ช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น
การแปรรูปหญ้าปักกิ่ง
เก็บเอาหญ้าปักกิ่งทั้งต้นทั้งราก คัดเอาใบที่สมบูรณ์และใบซีดเหลืองออกก่อน ล้างเศษดินที่ติดมากับรากให้สะอาดนำไปล้างน้ำอีก 2 ครั้ง ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ นำหญ้าปักกิ่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆขนาด ครึ่งเซนติเมตร นำไปตากแดดประมาณ 5-7 วัน เวลาตากควรเกลี่ยให้ทั่วและเกลี่ยบ่อยๆ เมื่อแห้งสนิมแล้วนำมาบรรจุภาชนะให้มิดชิด สามารถนำไปทำเป็นลูกกลอน ยาอัดเม็ด แคปซูล ชา และเครื่องดื่มชนิดผง
“ส่วนมากจะทำเป็นน้ำหญ้าปักกิ่ง มีส่วนผสมคือ หญ้าปักกิ่ง น้ำเชื่อม น้ำสะอาด วิธีการคือ นำหญ้าปักกิ่งที่สดใหม่ ล้างน้ำให้สะอาด แช่ด่างทับทิม 15-20 นาที แล้วหั่นตามขวางละเอียด ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาว เติมน้ำเชื่อมพอหวาน ชิมรสตามชอบจะได้น้ำหญ้าปักกิ่งสีเขียวหวานใส”
ประวัติการรักษาโรคมะเร็งในประเทศนั้น
ประมาณปี 2527 มีผู้ป่วยโรคมะเร็งดื่มน้ำคั้นสดจากหญ้าเทวดาเพื่อรักษาและบรรเทาอาการจากโรคมะเร็ง สามารถยืดชีวิตต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ทำให้หญ้าเทวดาเป็นที่สนใจมาก นอกจากนั้นมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายหนึ่ง แพทย์บอกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3 เดือน ขอให้นำไปพักรักษาที่บ้าน แต่ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำหญ้าปักกิ่งคั้นสด 1 ปีต่อมายังไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ผลของผู้ป่วยรายนี้กระตุ้นให้มีการศึกษาวิจัยคุณสมบัติของหญ้าเทวดา นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางรายที่ใช้หญ้าปักกิ่งรักษาอาการร่วมกับยาแผนปัจจุบัน
“ในการวิจัยที่เคยมีการทำกันมามีรายงานว่า สารสกัดหญ้าเทวดา มีผลลดความรุนแรงของการแพร่กระจายของมะเร็งในหนู จึงคาดว่า สารสกัดหญ้าเทวดาอาจใช้ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้”
ข้อควรระมัดระวังในการใช้หญ้าเทวดา
หญ้าเทวดาที่มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยต้องเป็นต้นที่มีอายุเหมาะสม กล่าวคือ หากเป็นหญ้าที่มีการปลูกโดยการชำกิ่งต้องมีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นหญ้าที่ปลูกจากการเพาะเมล็ด ต้องมีอายุมากกว่า 5 เดือนขึ้นไป
หญ้าเทวดาที่มีอายุยังไม่ครบ ได้มีการศึกษาแล้วพบว่า สารกลุ่มกลัยโคสพิงโกไลบิตส์ ไม่มีการสร้างในต้นที่มีอายุยังไม่ครบ ดังนั้นการซื้อหญ้าเทวดามาบริโภคต้องมั่นใจว่าต้นนั้นๆมีอายุครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะได้คุณประโยชน์ที่พึงประสงค์
“ในด้านการพัฒนาสู่มาตรฐานสากลในประเทศไทยนั้น สถาบันวิจัยและพัฒนาขององค์การเภสัชกรรม ได้นำหญ้าเทวดามาพัฒนาเป็นยาเม็ด โดยใช้ส่วนประกอบทุกอย่างเป็นสารธรรมชาติ แม้กระทั่งสีที่ใช้เคลือบยาเม็ดก็ได้จากสีเขียวของคลอโรฟีลล์จากพืช วัตถุดิบและการผลิตทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยล้วนๆไม่พึ่งต่างชาติ แต่การประกันคุณภาพจะเทียบเท่ามาตรฐานสากล”
การพัฒนาหญ้าเทวดาในรูปของยาเม็ด นอกจากเป็นรูปแบบของยาที่รับประทานง่ายแล้ว ยังช่วยให้ผู้ป่วยได้รับคุณค่าของยาอย่างสม่ำเสมอ เพราะยาเม็ดหญ้าเทวดาทุกเม็ดได้ผ่านกระบวนการผลิตและการควบคุมที่ทันสมัย เพื่อประกันคุณภาพของยาเม็ดหญ้าเทวดาทุก 2 เม็ดมีคุณค่าเทียบเท่ากับหญ้าเทวดาสดจำนวน 3 ต้น
“การใช้ยานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ควรรับประทานยานี้เป็นรอบ โดยรับประทาน 7 วันแล้วหยุด 4 วัน สลับกันไปแล้วเริ่มรับประทานรอบใหม่ ระยะเวลาการรับประทานขึ้นกับจุดประสงค์การใช้ยาดังนี้ กรณีใช้ลดผลข้างเคียงจากรังสีบำบัดหรือเคมีบำบัดผู้ป่วยมะเร็งรับประทานควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน โดยรับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน การหยุดรับประทานเป็นช่วงๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกัน”
ส่วนกรณีป้องกันการแพร่กระจายและการกลับมาเป็นซ้ำของผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังจากได้รับการรักษาแล้ว โดยป้องกันการแพร่กระจายและกลับเป็นซ้ำอีก ให้รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน เช่นนี้ติดต่อกัน 1 ปี และตรวจมะเร็งปีละ 2 ครั้ง ส่วนกรณีการใช้เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ในผู้ที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง รับประทาน 7 วัน หยุด 4 วัน ติดต่อกันเป็นเวลาไม่เกิน 6-8 สัปดาห์ โดยใช้เฉพาะช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ติดเชื้อไวรัสเป็นต้น
[img]http://i314.photobucket.com/albums/ll429/kurabdang/1face3df.jpg[/img]
ข้อมูลจาก คุณกุหลายบสีแดง เว็บ http://www.seal2thai.org/board/viewtopic.php?p=30310#30310
01 พฤศจิกายน 2552
เบื่อจริงๆ คนไม่จริงใจ
วันนี้ไปก็ไม่เกิดอะไร
เค้าคงเป็นว่า พิษณุโลก - กำแพงเพชร ไปได้แป๊บเดียว
คนนะเฟ้ย ไม่ใช่โดราเอม่อน ใช้ประตูวิเศษไปไหนก็ได้
ไหนจะเสียเวลา เสียเงิน แต่มาไม่ทำอะไร เด็กก็ไม่มา
เด็กก็เป็นอะไรก็ไม่รู้ เวลาปิดเทอมอยากปิดก่อน แต่เวลาเปิด ไม่ยอมกลับมา พอเช็คเวลาเรียนไม่พอก็โวยวาย ผู้ปกครองหนอ แล้วเวลาที่เกรดของลูกออก เค้าจะใส่ใจไหมเนี่ย
กลับมาที่สี่แยกปลวกสูง ก็พบว่า รถเมล์ที่ขึ้นทุกวัน ในวันนี้เต็มไปด้วยนักศึกษา เต็มเอี๊ยด เต็มจริงๆ เต็มโครตๆ ถึงกับต้องเดินลงมาทีเดียว รอขึ้นรถคันหลัง
ผมไม่รู้นะ ช่วงปิดเทอม ผมจะเดินทางช่วงกลางสัปดาห์ และกลับก่อน 2 - 3 วัน เพราะหากไม่มีที่นั่ง ก็ต้องยืนจากแพร่ มาถึง พิษณุโลก (3 ชั่วโมงนะครับ พี่น้อง)
อย่างว่าแหละ ครูบ้านนอก ไม่มีรถ ขับรถไม่เป็น เงินเดือนยังน้อย 555+ เหนื่อยมาก
แล้วใครใช้ให้มาเป็นครูละ
อ้าว... ก็อาชีพครู มีโอกาสโกงชาติได้น้อยที่สุด ไงละครับบบบบบ
เค้าคงเป็นว่า พิษณุโลก - กำแพงเพชร ไปได้แป๊บเดียว
คนนะเฟ้ย ไม่ใช่โดราเอม่อน ใช้ประตูวิเศษไปไหนก็ได้
ไหนจะเสียเวลา เสียเงิน แต่มาไม่ทำอะไร เด็กก็ไม่มา
เด็กก็เป็นอะไรก็ไม่รู้ เวลาปิดเทอมอยากปิดก่อน แต่เวลาเปิด ไม่ยอมกลับมา พอเช็คเวลาเรียนไม่พอก็โวยวาย ผู้ปกครองหนอ แล้วเวลาที่เกรดของลูกออก เค้าจะใส่ใจไหมเนี่ย
กลับมาที่สี่แยกปลวกสูง ก็พบว่า รถเมล์ที่ขึ้นทุกวัน ในวันนี้เต็มไปด้วยนักศึกษา เต็มเอี๊ยด เต็มจริงๆ เต็มโครตๆ ถึงกับต้องเดินลงมาทีเดียว รอขึ้นรถคันหลัง
ผมไม่รู้นะ ช่วงปิดเทอม ผมจะเดินทางช่วงกลางสัปดาห์ และกลับก่อน 2 - 3 วัน เพราะหากไม่มีที่นั่ง ก็ต้องยืนจากแพร่ มาถึง พิษณุโลก (3 ชั่วโมงนะครับ พี่น้อง)
อย่างว่าแหละ ครูบ้านนอก ไม่มีรถ ขับรถไม่เป็น เงินเดือนยังน้อย 555+ เหนื่อยมาก
แล้วใครใช้ให้มาเป็นครูละ
อ้าว... ก็อาชีพครู มีโอกาสโกงชาติได้น้อยที่สุด ไงละครับบบบบบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ