27 เมษายน 2554

สอบบรรจุครู ได้แน่นอน

ช่วงนี้เป็นช่วงที่พี่น้องชาวครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์หลายท่านเข้าสู่สนามสอบกัน

เมื่อวันก่อน การสอบครู กทม. ก็เป็นไปอย่างเข้มข้น ซึ่งก็มาพร้อมๆกับสายฝน หลายคน(ส่วนใหญ่)มาจากต่างจังหวัด ก็เดินทางอย่างทุลักทุเล หมดเงินกันไปหลายตังส์ ยังคิดอยู่ว่า ถ้าได้เงินเดือนขั้นต้น มันจะพอเลี้ยงตัวเองได้หรือไม่ ขนาดข้าวกล่องละ 25 บาท ยังตัก 7 - 8 คำ หมดแล้ว น้ำขวดละ 7 บาท ก็ขาย 10 บาท (บ่นทำไม แพงก็ไม่ต้องซื้อ)

ช่วงนี้ เป็นช่วงที่หลายคนโดนเอาเปรียบ

ผมเองก็เคยโดนเอาเปรียบตอนไปสอบบรรจุ

รถโดยสารขับพาอ้อมไป แล้วขอเพิ่ม 20 บาท ด้วยความไม่รู้พื้นที่ก็ยอมไป แต่พอคนในรถบอกว่า น้องเดินไปก็ได้ นิดเดียวเอง ก็นิดเดียวจริงๆ เงิน 20 บาท ก็กลายเป็นเหรียญ 10 และส่งค่าเพิ่มให้อย่างแรงไปหน่อย

มาตอนหลังคิดได้ว่า ชีวิตพวกเขาก็หากินได้แค่นั้น ได้โอกาสก็เอารัดเอาเปรียบคนที่มีความจำเป็น สักวัน ผลกรรมอาจตามทันเค้า เค้าอาจโดนรีดไถ อาจโดนโกงรถ อาจโดนปล้น ทำร้าย หรือบ้านอาจไฟไหม้ก้ได้ เพราะกรรมที่ทำไว้มันสะสมๆ รอบุญเก่าหมด ก็ตอบแทนอย่างสาสม ... เมื่อคิดได้แบบนี้ก็สบายใจ

ผมเคยได้รับความช่วยเหลือจากพี่คนขายตั๋วรถไฟที่ตาคลี เค้าไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลย ซึ้งใจมากๆ เขาขับรถพาไปดูสถานที่ฟรีๆ เพราะรถโดยสารขอเหมา 120 บาท (จากราคาปกติ 20 บาท) เหอะๆๆๆๆ

...คนดีๆ ยังมีอยู่ในสังคมจริงๆ

ทำดีไปเถอะครับ
ประกาศผลสอบบรรจุครู จะมีรายชื่อของเราแน่นอนครับ

ขอให้ทุกคนโชคดี

หนุ่มฮอต

23 เมษายน 2554

ฝนตก เพราะโลกเปลี่ยนไป

วันนี้ฝนตกตอนเช้า

ไม่รู้ว่าจะมีอะไรผิดแปลกมากไปกว่านี้หรือไม่

หมอก ตอนหน้าร้อน
ฝนตกหน้าหนาว
หิมะตกที่เวียดนาม
น้ำท่วม
แผ่นดินไหว
ฯลฯ

ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก

ทั้งนี้เป็นเพราะฝีมือมนุษย์ ที่รังแกธรรมชาติมาตลอด

คงไม่ผิด ถ้าธรรมชาติจะเอาคืนบ้าง




.......................
http://www.seal2thai.org/etc/feedback/540503a.htm

19 เมษายน 2554

เตรียมเป็นวิทยากร (อีกครั้ง)

วันนี้ไปพบอาจารย์ เพื่อเตรียมเป็นวิทยากร (อีกครั้ง)
ครั้งนี้เป็นครู ตชด. เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการสร้างสื่อการสอนวิทยาศาสตร์
ท่าน ผศ.ชญานิษฐ์ ให้โจทย์ว่า "ขาดแคลน สร้างได้ง่าย ประหยัด ใช้สำหรับเด็ก ป.1 - ป.6"

ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยาก เพราะที่ผ่านๆมา ส่วนใหญ่จะเป็นสื่ออิเล้กทรอนิกส์ เป็นเว็บ หรือ สื่อ vdo สร้างด้วยโปรแกรมง่ายๆ สามารถนำไปใช้งานได้จริง (เคยได้มีโอกาสพบกับคุณครูที่เคยเข้ารับการอบรม เค้าบอกว่า ทุกวันนี้ พี่ก็นำกลับใช้งานนะ ภูมิใจจริงๆ)

เดี๋ยวขอเวลาคิดก่อน ว่าจะทำอย่างไรดี



......................
แบบสำรวจ
http://www.seal2thai.org/etc/feedback/540503a.htm

03 เมษายน 2554

ข้อคิดจาก ลุงแจวเรือจ้าง...กับหนุ่มนักเรียนนอก...

เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เป็นชาวสงขลา...

เรียนเก่งมาก...

ได้ทุนไปเรียนอเมริกา...ตั้งแต่เด็ก...จนจบด็อกเตอร์...

จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน... .

บ้านของเด็กหนุ่ม...

อยู่อีกฟากหนึ่ง...ของทะเลสาบสงขลา...

ต้องนั่งเรือแจว...ข้ามไป...ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง..

เรือที่ติดเครื่องยนต์...ไม่มีเหรอ...ลุง...?

ไม่มีหรอกหลาน...ที่นี่มันบ้านนอก...

มันห่างไกลความเจริญ....มีแต่เรือแจว...
โอ...ล้าสมัยมากเลยนะลุง...โบราณมาก...

ที่อเมริกา.......เขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง...ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก...
ไปส่งผมฝั่งโน้น...เอาเท่าไร...ลุง...?

80 บาท...

OK...ไปเลยลุง...
ในขณะที่ลุงแจวเรือ....

หนุ่มนักเรียนนอก...ก็เล่าเรื่องความทันสมัย....

ความก้าวหน้า....ความศิวิไลช์...ของอเมริกาให้ลุงฟัง...
เมืองไทย...เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้ว...ล้าสมัยมาก...

ไม่รู้คนไทย...อยู่กันได้ยังไง...?

ทำไมไม่พัฒนา...ทำไมไม่ทำตามเขา...เลียนแบบเขาให้ทัน...?

ลุง...ลุงใช้คอมพิวเตอร์...ใช้อินเตอร์เน็ต...เป็นไหม...?

ลุงไม่รู้หรอก...ใช้ไม่เป็น...

โอโฮ้...ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ.....ชีวิตลุงหายไปแล้ว...25 %....
แล้วลุงรู้ไหมว่า...เศรษฐกิจของโลก...ตอนนี้เป็นยังไง....?

ลุงไม่รู้หรอก...

ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ...ชีวิตของลุงหายไป...50 %
ลุง...ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหม...ลุง...?

ลุง...ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหม...ลุง...?

ลุงไม่รู้หรอก...หลานเอ๊ย...

ชีวิตของลุง...ลุงรู้อยู่อย่างเดียว...

ว่าจะทำยังไง...ถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น...

ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้...ชีวิตของลุง....หายไปแล้ว...75 %
พอดีช่วงนั้น...

เกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง...คลื่นลูกใหญ่มาก...ท้องฟ้ามืดครึ้ม....

นี่พ่อหนุ่ม...เรียนหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอร์จากต่างประเทศ...

ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม...?

ได้...จะถามอะไรหรือลุง...?
เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม...?

ไม่เป็นจ๊ะ...ลุง....

ชีวิตของเอ็ง...กำลังจะหายไป 100 % ....แล้วพ่อหนุ่ม..

02 เมษายน 2554

น้ำผึ้ง...ช่วยสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ‏

ตารางประโยชน์ของน้าผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
โรค ปริมาณและวิธีใช้
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่ เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย

01 เมษายน 2554

อยากให้อ่าน ดีมาก (ความรักของแม่)

อยากให้อ่าน ดีมาก (เรื่องจริงของ พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ) :
> เพื่อน ๆ ช่วยอ่านข้อความนี้ดีมาก ชีวิตคน
> มีคนเล่าให้ฟังว่า... สมัยก่อน...คุณพงษ์เทพ
> กระโดนชำนาญ...ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต..
> แกอยู่ในป่า...กับเพื่อน 5 - 6
> คน...ทุกวันก็จะเปลี่ยนเวรกัน...ล่าสัตว์ป่า...มาทำอาหาร.
> วันหนึ่ง...เป็นเวรของคุณพงษ์เทพ
> แกก็คว้าปืนยาว...สะพายบ่า.เดินเข้าป่าไป...
> อาหารโปรดของคุณพงษ์เทพ.....คือแกงเนื้อลิง...
> พอเดิน เข้าป่าไปได้สักพัก.
> เห็นลิงตัวหนึ่ง...นั่งอยู่บนต้นไม้...หันหลังให้..
> แกก็รีบยกปืนประทับบ่า...ยิงเปรี้ยง...ไปที่ตัวลิง..
>
> เหตุการณ์แปลกประหลาดได้เกิดข ึ้น...
> ปกติ...ลิงพอถูกยิง..จะหล่นตุ๊บ...จาก ต้นไม้ทันที...
>
> แต่ลิงตัวนี้...นั่งจับกิ่งไม้เฉย...ไม่หล่นลงมา...
> จะว่ายิงไม่ถูก...ก็ไม่น่าเป็นไปได้...
> เพราะคุณพงษ์เทพ...แกยิงปืนแม่น...ระยะแค่นี้
> เป้าใหญ่ขนาดนี้...ไม่พลาดแน่นอน...
> ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น...ลิงตัวที่ถูกยิง...
> ร้องโหยหวน...เสียงดังมาก..... ฝูงลิงที่แยกย้ายกัน
> ออกหากินอยู่บริเวณใกล้ ๆ... วิ่งแห่กันเข้ามาหา
> ลิงตัวที่ถูกยิง... แล้วร้องโหยหวน...เหมือนกันหมด...
> แกตกใจ...ยืนตกตะลึง...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...
> สักครู่...ลิงตัวที่ถูกยิง. โยนวัตถุเล็กๆ...สีดำ ๆ..ชิ้นหนึ่ง...ให้กับลิงตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด... แล้วก็หล่นตุ๊บ...

> ลงมาจากต้นไม้...คุณพงษ์เทพ...รีบวิ่งไปดู...
> ลิงถูกยิงเข้าที่หลัง... ทะลุหน้าอก...เลือดแดงฉาน..เต็มตัว...
> คุณพงษ์เทพเห็นแล้ว...ต้องเบือนหน้าหนี...
> ลิงที่ตกลงมา...เป็นลิงแม่ลูกอ่อน...ขณะที่ถูกยิง...
> เธอกำลังให้นม ลูก...
>
> ลูกตัว น้อย...กำลังดูดนมอย่างมีความสุข...ทันทีที่ถูกยิง..
> ถ้าเป็นลิงตัวอื่น... จะหล่นตุ๊บ...ลงจากต้นไม้.....
>
> แม่ลิงตัวนี้...ยังหล่นไม่ได้...ยังตายไม่ได้..
> เพราะเธอยังมีภารกิจใหญ่หลวงที่ต้องทำ...คือ...
> รักษาชีวิตลูกน้อย...ให้พ้นอันตราย...
> เธอกัดฟัน...โหนกิ่งไม้ไว้.แม้จะเจ็บปวดแทบขาดใจ...
> มองดูเลือดที่ไหลหยดเป็นทาง ด้วยความตกใจ...
> พยายามรวบรวมพละกำลังที่ยังพอมี! เหลือทั้งหมด...
> ตะโกนสุดเสียง...ร้องเรียก.ฝูงลิงเข้ามาใกล้ๆ..
> แล้วก็ฝากฝัง...ให้เลี้ยงลูกน้อยแทนเธอ
>
> หลังจากโยนลูกให้จ่าฝูงแล้ว...มองดูลูก...ถูกพาไป จนลับสายตาแล้ว.. แน่ใจว่า...ลูกปลอดภัยแล้ว...
> จึงหลับตา...แล้วหล่นลงมา.....ตาย.. คุณพงษ์เทพ...ก้มมองหน้าลิง..แล้วร้องไห้...
> เพราะที่เบ้าตาลิง...มีหยดน้ำตาใส ๆ. กำลังไหลริน...
> คุณพงษ์เทพ..รีบเดินกลับที่พัก...เอาปืนไปเผาทิ้ง...
> ไม่ยอมออกล่าสัตว์อีกเลย.ตลอดชีวิต..
> และภาพความรักที่ยิ่งใหญ่..ของแม่ลิง...ที่มีต่อลูกน้อย ......
> เป็นแรงบันดาลใจ. ให้พงษ์เทพ...แต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง...
> ชื่อว่า... ' ลิงทะโมน... '
> เพื่อยกย่อง...เชิดชู...คุณค่าของความรัก...ที่แม่...มีต่อลูก
>
> *****************
>
> แม่นะหรือ... คือผู้สร้าง ทุกสิ่ง อันยิ่งใหญ่
> คือผู้รัก ลูกตน กว่าใครใคร คือผู้คอย ห่วงใย ทุกเวลา
>
> คือคนร้อน เมื่อลูกรุ่ม
> กลุ้มเรื่องทุกข์
> คือคนสุข เมื่อลูกนั้น มีหรรษา
> คือคนปลอบ เมื่อลูกเหงา เศร้าอุรา
> คือคนคอย ให้เมตตา ลูกทุกคราว
>
> เป็นสายฝน คอยช่วยให้ ลูกสดชื่น
> เป็นผ้าผืนคอยห่มให้ เพื่อคลายหนาว
> เป็นกระโถน คอยรับทุกข์ ทุกเรื่องราว
> เป็นบันได ไต่ดาว ลูกก้าวไป
> เป็นคุณครู ผู้สอนสั่งทุกอย่างหนอ
> เป็นคุณหมอ คอยรักษา จะหาไหน
> เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ได้ดั่งใจ
> จะหาใครได้เท่าแม่เหมือนไม่มี
> สาธยาย อย่างไร คงไม่หมด
> พระคุณแม่ ยากแทนทด เหมือนปลดหนี้
> สิ่งล้ำค่าใดใด ในปฐพี
> จะเทียมเท่า คุณแม่นี้ ไม่มีเอย.
>
> ----- จบการส่งต่อข้อความ -----
>
> อย่าลืม ก่อนนอนคืนนี้ กอดแม่-พ่อสักครั้งหากท่านยังมีโอกาส.....

31 มีนาคม 2554

อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน‏

อาหารที่ไม่ควรทานร่วมกัน‏
1. เหล้าขาวกับลูกพลับ กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้เป็นพิษ



2. หัวไชเท้ากับเห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว กินด้วยกันไม่ได้จะเป็นโรคผิวหนัง

3. เต้าหู้กับน้ำผึ้ง กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้หูหนวก

4. มันฝรั่งกับกล้วยทุกชนิด กินรวมกันไม่ได้จะทำให้หน้าเป็นฝ้า

5. กล้วยกับเผือก กินด้วยกันไม่ได้จะทำให้ท้องอืด

6. ถั่วลิสงกับฟักทอง กินรวมกันไม่ได้จะทำให้ทำร้ายร่างกายและลำไส้อักเสบ

7. มันเทศกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร

8. มันฝรั่งกับลูกพลับ กินรวมกันแล้วจะทำให้เป็นนิ่วในท่อปัสสาวะ

9. หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด กินรวมกันแล้วจะทำให้เกิดคอพอก

10. น้ำเต้าหู้ นมสด ห้ามใส่ไข่ เพราะจะทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตับ

11. ผักป๋วยเล้ง ห้ามกินกับเต้าหู้ จะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง

12. กล้วย มะละกอ แตงโม ห้ามกินด้วยกัน จะทำให้เป็นโรคไตกับโรคเบาหวาน

13. ส้มกับมะนาว ห้ามกินด้วยกันจะทำให้กระเพาะทะลุ

14. เหล้าขาวกับเบียร์ ห้ามกินด้วยกันจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก

15. ปลาทุกชนิดห้ามต้มกับผักกาดดอง จะทำให้เป็นโรคมะเร็ง

16. ขิงดอง ห้ามเข้าตู้เย็น กินแล้วจะเป็นโรคมะเร็ง

17. น้ำเต้าหู้ ห้ามใส่น้ำตาลแดง จะทำให้เสียวิตามิน

18. น้ำข้าวห้ามใส่กับนม จะทำให้เสียวิตามิน

19. น้ำผึ้งห้ามชงด้วยน้ำที่ร้อนจะทำให้เสียวิตามิน

20. เหล้า เบียร์ กับ ทุเรียน ห้ามกินด้วยกัน เพราะจะทำให้เลือดสูบฉีดแรง ความดันสูง อันตรายถึงชีวิต

21. บวบ ซือกวย ไชเท้า ห้ามกินวันเดียวกัน ทำให้เชื้ออสุจิอ่อนไม่แข็งแรง

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ

30 มีนาคม 2554

ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า

ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า



ปวดหัวจี๊ด ๆ… เป็นไมเกรนหรือเปล่า (Lisa)
เคยมั้ยที่มีอาการปวดหัวข้างเดียว ปวดขมับจนลามมาถึงเบ้าตา ปวดได้ปวดดี ปวดเป็นวัน ๆ อย่างนี้อาจเข้าข่ายเป็นไมเกรนเข้าให้แล้วล่ะ
นักร้องชื่อก้องโลกอย่าง เอลวิส เพรสลีย์ หรือดาราค้างฟ้าอย่าง เอลิซาเบธ เทย์เลย์ รวมทั้งยอดดาราตลก วูปี้ โกลด์เบิร์ก และน้องสาวสุดเลิฟของ ไมเคิล แจ็กสัน- เจเน็ต แจ็กสัน ต่างป่วยเป็นโรคไมเกรนชนิดที่ว่าแทบจะทำงานทำการไม่ได้ ยิ่งเจเน็ตด้วยด้วยแล้วเธอเป็นชนิดรุนแรงมากเลยทีเดียว และยังมีดาราสาวจากเรื่อง “Desperate Housewives” มาร์เซีย ครอส ที่มีอาการไมเกรนมาตั้งแต่อายุ 14 ซึ่งทำให้เธอพยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จนรู้วิธีที่จะอยู่กับโรคนี้ได้อย่างมีความสุข นั่นก็คือหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดไมเกรนนั่นเอง
นอกจากจะเป็นโรคฮิตของคนดังแล้ว เรา ๆ ท่าน ๆ โดยเฉพาะคนเมืองใหญ่นั้น ต่างสุ่มเสี่ยงกับการเป็นโรคนี้เช่นเดียวกันนะคะ
อะไรเล่า คือโรคไมเกรน

โรคนี้เกิดจากการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนควบคู่ไปด้วย บางรายมีอาการตาพร่ามัว เห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
เอ…ไมเกรนปวดแบบไหนกันนะ

ก่อนปวดหัว บางรายอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น เห็นแสงเป็นเส้น ๆ ระยิบระยับ หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำมาก่อน
ปวดหัวข้างเดียว อาจจะซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่บางรายก็อาจปวดพร้อมกันทั้งสองข้างและปวดรุนแรงจนทำงานไม่ได้
ปวดตุ๊บ ๆ ยาวนานถึง 20 นาที บางคนทั้งปวดตุ๊บ ๆ ในสมองและปวดแบบดื้อ ๆ สลับกันไปในกรณีที่รุนแรงอาจลามไปเป็นวันหรือสัปดาห์
ปวดหัวอย่างรุนแรงจนอาเจียน บางรายอาจจะอาเจียนก่อนปวดหัวหรือหลังปวดหัวก็ได้ บางรายอาเจียนถึงขนาดทานอะไรไม่ได้เลย
ปัจจัยอะไรกระตุ้นให้เป็นไมเกรนมากขึ้น
ความเครียด
อดนอน
ทำงานมากเกินไปจนขาดการพักผ่อน
ทานอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต เนยแข็ง กล้วยหอม น้ำตาลเทียม ผงชูรส น้ำแอบปเปิ้ล ชา กาแฟ ไวน์แดง ถั่วลิสง กะหล่ำปลีดอง ไส้กรอก
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ขณะมีประจำเดือน หรือทานยาคุมกำเนิด
เสียงดัง หรือที่ที่เย็นจัด ร้อนจัด รวมทั้งที่ที่มีแสงจ้าเกินไป
ป้องกันได้มั้ยเนี่ย
ถ้านาน ๆ ครั้งรู้สึกปวดที อย่างปีละ 2-3 หน ก็ไม่จำเป็นต้องกินยา แต่ถ้าปวดถี่ ๆ อย่างปวดทุกวันหรือเกือบทุกสัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยข้างต้น และหมออาจให้ยาป้องกัน เช่น ยาป้องกันไม่ให้หลอดเลือดในสมองขยายตัว ยาบรรเทาอาการซึมเศร้า ฯลฯ ซึ่งยาเหล่านี้เป็นยาอันตรายต้องอยู่ในความดูแลของหมอเท่านั้น
แม้จะเป็นโรคที่ไม่ อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้รำคาญและบั่นทอนสุขภาพจิตมิใช่เล่น ฉะนั้นทางที่ดีเราควรป้องกันไม่ให้โรคนี้เกิดขึ้น ก่อนจะสายเกินแก้ดีกว่านะคะ
คุณก็มีโอกาสเป็นไมเกรนถ้า…
อ้วนเกินไป
สูบบุหรี่เป็นประจำ หรืออยู่ในสถานที่ที่ไม่ปลอดบุหรี่
นอนไม่พอ อย่างต่ำต้องวันละ 7-8 ชั่วโมง
ไม่มีเวลาออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที
ไม่เคยทานอาหารตรงตามเวลา
ไม่เคยตรวจความดัน ระดับคอเลสเตอรอล และมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีความดันและระดับคอเลสเตอรอลสูง
ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อย ๆ และดื่มชาหรือกาแฟเป็นประจำ
ดื่มน้ำน้อย เพราะคนดื่มน้ำมากจะป้องกันอาการปวดหัวได้
อาหารช่วยบรรเทาอาการไมเกรน
แมกนีเซียม เช่น ถั่วต่าง ๆ ผักใบเขียว ธัญพืช และอะโวคาโด
แคลเซียม เช่น นม งาดำ ปลาเล็กปลาน้อย
ดื่มน้ำสมุนไพร เช่น เก๊กฮวย ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าการดื่มสารสกัดจากใบเก๊กฮวยแห้ง 125 มิลลิกรัม/วัน ช่วยป้องกันไมเกรนได้ แต่ถ้าแพ้ละอองเกสรควรหลีกเลี่ยง
อาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น ตับ ผักใบเขียว เพราะอาการปวดหัวเป็นอาการอย่างหนึ่งของการขาดธาตุเหล็ก
วิตามินบีและกรดโฟลิก ซึ่งมีมากในผักสีเขียว
น้ำมันปลา ซึ่งมีกรดโอเมก้า -3 ช่วยลดความรุนแรงของอาการได้
Co Enzyme Q10 มีงานวิจัยจาก Cleveland Headache Center ระบุว่าถ้าทาน Co Enzyme Q10 เสริมวันละ 150 มิลลิกรัม จะช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้
ข้อแนะนำจาก นพ.สุรัตน์ บุญญะการกุล แผนกอายุรกรรมประสาท ศูนย์สมองและไขสันหลัง ร.พ.พญาไท 1
“ไมเกรนเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติละเอียด และตรวจร่างกายทางระบบประสาท โดยไม่จำเป็นต้องมีการเจาะเลือด เอ็กซเรย์ หรือตรวจด้วยคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด สำหรับผู้ป่วยที่ปวดหัวจากไมเกรน การทานยาพาราเซตตามอลได้ผลในรายที่ปวดหัวไม่มาก ที่ได้ผลดีคือยากลุ่มป้องกันหลอดเลือดหดตัว สำหรับผู้ป่วยไมเกรนที่ปวดหัวบ่อยเกือบทุกสัปดาห์ แพทย์จะสั่งยาป้องกันสำหรับรับประทานทุกวัน”

หมายเหตุ : ข้อมูลที่ปรากฎเป็นข้อมูลที่ได้จากการ forword จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ บางส่วนอาจจะยังไม่มีผลการวิจัยทางวิชาการยืนยัน บางส่วนเกิดจากการเขียนโดยความเห็นของผู้เขียนต้นฉบับเอง ซึ่งทางบันทึกของครูบ้านนอก ขอสงวนสิทธิ์ในความรับผิดชอบของข้อมูลเป็นของผู้เขียนบทความ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านทุกครั้งครับ
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ