วันนี้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการ้ตรียมความพร้อมขับเคลื่อนภารกิจ และการประเมินคุณภาพการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ณ หอประชุม โรงเรียนบ่อวิทยบางระกำ
เริ่มประชุมเวลาประมาณ 13.00 น.
โดยทาง สพป. มุ่งเน้นสร้างเด็กดี สร้างเด้กเก่ง
มีการนำนโยบายที่เคยปฏิบัติ และได้ยกเลิกไปนานแล้วกลับมาใช้ใหม่ อีกบางส่วนก็เป็นนโยบายใหม่
เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทั้งผู้บริหาร ครู นักเรียน ชุมชน และผู้ปกครอง
... การศึกษาก็ต้องดำเนินไปอีก...ยาว
19 พฤษภาคม 2554
17 พฤษภาคม 2554
เปิดเตรียมการวันที่สอง
วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จึงขี่มอเตอร์ไซต์ไปโรงเรียน
วันนี้มีนักเรียนมาน้อยเหมือนเดิม จึงมีโอกาสได้เห็นครูเก็บกวาดเอง ส่วนของผม ทำเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เลยปริ้นท์เงินเดือนครู 2 เดือน และจัดการนำเสนอตารางสอน 2554 v.1.0
ตอนบ่าย กลับมาจากโรงเรียน ไปซื้อ ป.พ. 5 ฉบับรวมเล่มของประถม ผ่านวัดใหญ่ (วัดพระพุทธชินราช) ได้มีโอกาสหล่อทองสร้างพระพุทธชินราชจำลองด้วย ดีใจ
อย่าลืมไหว้พระสวดมนต์กันนะครับ
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จึงขี่มอเตอร์ไซต์ไปโรงเรียน
วันนี้มีนักเรียนมาน้อยเหมือนเดิม จึงมีโอกาสได้เห็นครูเก็บกวาดเอง ส่วนของผม ทำเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เลยปริ้นท์เงินเดือนครู 2 เดือน และจัดการนำเสนอตารางสอน 2554 v.1.0
ตอนบ่าย กลับมาจากโรงเรียน ไปซื้อ ป.พ. 5 ฉบับรวมเล่มของประถม ผ่านวัดใหญ่ (วัดพระพุทธชินราช) ได้มีโอกาสหล่อทองสร้างพระพุทธชินราชจำลองด้วย ดีใจ
อย่าลืมไหว้พระสวดมนต์กันนะครับ
16 พฤษภาคม 2554
เปิดเตรียมการวันแรก ปีการศึกษา 2554
วันนี้เปิดเตรียมการวันแรก
เปิดห้องไป ตกใจมาก ลมพัดหน้าต่างเปิด ทำให้มีใบไม้ ฝุ่น หญ้า เข้ามาในห้องเต็ม และยังมีรังนกอีกด้วย
จำใจต้องให้เด็กเอาออก แต่ก็บอกว่า ขณะเอาออก ให้แผ่เมตตาด้วย
หลังจากที่ช่วยกันทำความสะอาดยกใหญ่ ตอนบ่ายก็ประชุมครู
มีการเตรียมการ ชี้แจงการประชุม หน้าที่ต่างๆ
ตอนกลับ ขี่ไปได้ไม่กี่กิโล ฝนตก ต้องรีบกลับเข้าโรงเรียน โชคดีที่ยังมีคนอยู่ หลบฝนประมาณ 1 ชั่วโมง พอฝนซาก็รีบกลับ
เปิดวันแรก ก็รับน้องเลยเหรอ ท่านเทวดา...
เปิดห้องไป ตกใจมาก ลมพัดหน้าต่างเปิด ทำให้มีใบไม้ ฝุ่น หญ้า เข้ามาในห้องเต็ม และยังมีรังนกอีกด้วย
จำใจต้องให้เด็กเอาออก แต่ก็บอกว่า ขณะเอาออก ให้แผ่เมตตาด้วย
หลังจากที่ช่วยกันทำความสะอาดยกใหญ่ ตอนบ่ายก็ประชุมครู
มีการเตรียมการ ชี้แจงการประชุม หน้าที่ต่างๆ
ตอนกลับ ขี่ไปได้ไม่กี่กิโล ฝนตก ต้องรีบกลับเข้าโรงเรียน โชคดีที่ยังมีคนอยู่ หลบฝนประมาณ 1 ชั่วโมง พอฝนซาก็รีบกลับ
เปิดวันแรก ก็รับน้องเลยเหรอ ท่านเทวดา...
11 พฤษภาคม 2554
กราบอาลัยหลวงตามหาบัว
วันนี้ไปรับวารสารต่างๆที่ฝากซื้อไว้เป็นประจำ
กลับมานั่งอ่านทีละเล่ม
ปกตินิสัยเป็นชอบอ่านหนังสือจากข้างหลังมา (แต่ไม่ได้อ่านแบบภาษาญี่ปุ่นหรือจีนนะครับ)
เปิดดูเนื้อหาคร่าวๆ จนมาถึงหน้าแรก
ตอนแรกยังคิดว่า สงสัยกลอนที่ส่งไปตั้งแต่ 30 ม.ค. (วันที่หลวงตาท่านนิพพาน) คงจะไม่ถึงมือ หรืออาจไม่มีพื้นที่แล้วกระมัง
พอเปิดมาถึง reader to reader อ่านกลอนกราบอาลัยหลวงตา
"เฮ้ย นี่มันกลอนเรานี่หว่า" ว่าแล้วก็รีบกวาดสายตามองหาชื่อผู้แต่ง ก็ไปอยู่ด้านล่าง (ปกติเขียนบทความ ชื่อจะอย่ด้านบน)
ดีใจมากๆๆๆ
ดีใจครับ ที่ได้บูชาองค์หลวงตาด้วยบทกลอนที่มาจากใจครับ
กลับมานั่งอ่านทีละเล่ม
ปกตินิสัยเป็นชอบอ่านหนังสือจากข้างหลังมา (แต่ไม่ได้อ่านแบบภาษาญี่ปุ่นหรือจีนนะครับ)
เปิดดูเนื้อหาคร่าวๆ จนมาถึงหน้าแรก
ตอนแรกยังคิดว่า สงสัยกลอนที่ส่งไปตั้งแต่ 30 ม.ค. (วันที่หลวงตาท่านนิพพาน) คงจะไม่ถึงมือ หรืออาจไม่มีพื้นที่แล้วกระมัง
พอเปิดมาถึง reader to reader อ่านกลอนกราบอาลัยหลวงตา
"เฮ้ย นี่มันกลอนเรานี่หว่า" ว่าแล้วก็รีบกวาดสายตามองหาชื่อผู้แต่ง ก็ไปอยู่ด้านล่าง (ปกติเขียนบทความ ชื่อจะอย่ด้านบน)
ดีใจมากๆๆๆ
ดีใจครับ ที่ได้บูชาองค์หลวงตาด้วยบทกลอนที่มาจากใจครับ
04 พฤษภาคม 2554
เรียนภาษาจีน ที่พิบูลสงคราม
หลังจากที่เรียนผ่านไป 30 ชั่วโมง
ก็ได้เคล็ดวิชาการเรียนภาษาจีนมาพอสมควร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตามหาหลังจากที่ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม
ต้องขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และศูนย์ภาษา ที่จัดหลักสูตรภาคฤดูร้อนให้กับประชาชนทั่วไปเข้ารับการศึกษาเรียนรู้ และมีการจัดเก็บค่าบริการที่ถือว่าถูกมาก นอกจากราคาถูก laoshi ยังสอนดี และน่ารักอีกด้วย (อันหลังเกี่ยวไหมเนี่ย...)
ความรู้ คือสิ่งที่เราสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าครูไม่หาความรู้เพิ่ม แล้วจะสอนให้เด้กเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างไร
ก็ได้เคล็ดวิชาการเรียนภาษาจีนมาพอสมควร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตามหาหลังจากที่ซื้อหนังสือมาหลายเล่ม
ต้องขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และศูนย์ภาษา ที่จัดหลักสูตรภาคฤดูร้อนให้กับประชาชนทั่วไปเข้ารับการศึกษาเรียนรู้ และมีการจัดเก็บค่าบริการที่ถือว่าถูกมาก นอกจากราคาถูก laoshi ยังสอนดี และน่ารักอีกด้วย (อันหลังเกี่ยวไหมเนี่ย...)
ความรู้ คือสิ่งที่เราสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าครูไม่หาความรู้เพิ่ม แล้วจะสอนให้เด้กเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างไร
03 พฤษภาคม 2554
วิทยากรครู ตชด. (วันที่สอง) "search อย่างเซียน"
ปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีการสื่อสารได้ก้าวหน้าไปมาก
และเราควรใช้ความก้าวหน้านั้นให้เกิดประโยชน์ด้านการศึกษา ซึ่งแนวคิดนี้ได้ถูกจัดเข้าเป็นหัวข้อหนึ่งของการอบรม ครู ตชด. (กก.ตชด.31) ในครั้งนี้
วันนี้แม้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่ก็ลดความตื่นเต้นไปได้มากเลยทีเดียว
โชคดี ที่พื้นฐานของครู ตชด. เกือบทุกท่าน สามารถต่อยอดได้เลยแบบไม่ต้องเสียเวลา งานนี้ก็เลยสบายหน่อย
การอบรมครั้งนี้ ได้ใช้ห้องคอมพิวเตอร์คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ (ม 308) เป็นห้องฝึกอบรม โดยหัวข้อในวันนี้คือ "search อย่างเซียน" เพิ่มเทคนิคการค้นหาอีกเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใกล้ข้อมูลที่ต้องการมากขึ้น
และเราควรใช้ความก้าวหน้านั้นให้เกิดประโยชน์ด้านการศึกษา ซึ่งแนวคิดนี้ได้ถูกจัดเข้าเป็นหัวข้อหนึ่งของการอบรม ครู ตชด. (กก.ตชด.31) ในครั้งนี้
วันนี้แม้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่ก็ลดความตื่นเต้นไปได้มากเลยทีเดียว
โชคดี ที่พื้นฐานของครู ตชด. เกือบทุกท่าน สามารถต่อยอดได้เลยแบบไม่ต้องเสียเวลา งานนี้ก็เลยสบายหน่อย
การอบรมครั้งนี้ ได้ใช้ห้องคอมพิวเตอร์คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ (ม 308) เป็นห้องฝึกอบรม โดยหัวข้อในวันนี้คือ "search อย่างเซียน" เพิ่มเทคนิคการค้นหาอีกเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใกล้ข้อมูลที่ต้องการมากขึ้น
การเดินทั่วห้อง จะทำให้ผู้เรียนตื่นตัวตลอดเวลา
ตั้งใจอย่างแรง..
เพิ่มเทคนิคการค้นหาเข้าไปอีกนิด ได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เร็วขึ้น
คุณครู ตชด. มืออาชีพ
ตั้งใจกันมาเลย... ภูมิใจ
ผู้มีอุดมการณ์อย่างแท้จริง
ยกตัวอย่างสื่อที่ค้นหามาได้
รวดเร็วมาก
ตั้งใจ
ไปอยู่อีกมุมหนึ่ง (ต้องขอบคุณไมค์โครโฟนของ Zhang laoshi จริงๆ ที่ทำให้เดินได้ทั่ว และไม่ต้องตะเบ็งเสียเลย ขอบคุณ kang laoshi ที่ติดต่อให้นะครับ)
หลังจากค้นหาแล้ว ก็มารวบรวมเป็นข้อมูลในการเตรียมสร้างสื่อฯ
ตอนบ่าย จัดนิทรรศการ ในอบรมครั้งนี้
ผู้เข้ารับการอบรมกล่าวความรู้สึกในการอบรมครั้งนี้
ผศ.ชญานิษฐ์ ศศิวิมล กล่าวสรุปองค์ความรู้
ท่านรองอธิการกล่าวปิดการอบรม
ถ่ายรูปคณะผู้ดำเนินโครงการ คณะวิทยากร และผู้เข้ารับการอบรม
ท่านรองอธิการบดีฯ และครูใหญ่ โรงเรียน ตชด.
ต้องขอบพระคุณทุกๆท่าน ที่ร่วมส่งเสริมการศึกษา และพัฒนาชาติไทยในทุกด้าน ที่สำคัญ ได้จุดไฟในตัวผมขึ้นมาอีกดวงหนึ่งเลยทีเดียว
ขอบพระคุณครับ
02 พฤษภาคม 2554
การพัฒนาสื่อการเรียนรู้ ครูโรงเรียน ตชด.
วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองได้รับโอกาสดี
โอกาสดีอันแรก คือการได้ทำงานรับใช้มหาวิทยาลัยอันเป็นที่รัก และคณาจารย์ที่มีพระคุณกับผมตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี จนถึงทุกวันนี้
โอกาสดีที่สอง คือผมได้มีโอกาสเห็นการทำงานของครู ตชด. ซึ่งมีความรวดเร็ว และทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การทำงานเป็นทีมนั้นเป็นอย่างไร
โอกาสดีที่สาม ผมถือว่า การทำงานในวันนี้อาจจะติดขัดในหลายอย่าง แต่ผมก็ได้รู้จักกับพี่น้องที่เป็นนักรบอย่างแท้จริง รบกับความโง่เขลาไม่รู้ของเด็กๆชายขอบ ซึ่งมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะทำลายประเทศชาติได้
ผมยอมรับว่าภูมิใจที่ได้เรียนรู้จากพวกท่านเหล่านี้ (แทนที่วันนี้จะไปให้เขา เรากลับเป็นฝ่ายได้รับ)
ครู ตชด.เหล่านี้ มีความอดทนสูง มีความเสียสละสูง ถ้าเป็นครูอย่างพวกผม ป่านนี้บ่นทุกวินาทีไปแล้ว แต่ครู ตชด. บางส่วนเป็นคนพื้นที่ บางส่วนเป็นผู้ที่เข้าไปสู่หน้าที่นี้ ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด...แม้ว่าจะไม่มีเงินวิทยฐานะ
วันนี้เลยมีแนวคิดอีกอย่างเพิ่มขึ้นว่า การที่ครู สพฐ.ได้รับวิทยฐานะ แสดงถึงความสามารถของตนเองว่ามีความรู้ มีสือการสอนที่ดี มีวิธีการสอนที่ดีถูกต้องตามหลักวิชาการ และที่สำคัญ "สอนคนให้เป็นคน" เงินที่ได้เพิ่มก็เป็นสิ่งที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของครูขึ้นมาได้.... แต่ครู ตชด.เค้าไม่มีเรื่องเหล่านี้เลย
ผมไม่รู้ว่า จะมีคนเห็นด้วยกับข้อเขียนนี้มากน้อยเพียงไหน
แต่ขอเรียนตรงๆว่า มันเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นในสมองของผม ขณะที่นั่งมองพวกเค้าร่วมกันทำสื่อ ไม่มีการโยนงานว่า ฉันแก่แล้วสายตาไม่ดี ให้พวกเด็กๆทำ ไม่มีเลยตลอดทั้งวัน ที่สำคัญ อบรมตั้งแต่ 08.00 น. ถึง 17.17 น. สุดยอดจริงๆ
ถ้าใครมีโอกาสที่ดีกว่า
มีเงินเหลือมากพอ
มีโครงการว่าจะทำบุญ ทำความดี
...ผมว่า การส่งหนังสือ ส่งอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ไปให้โรงเรียน ตชด. ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพราะมันไม่ใช่แค่การให้...
แต่มันเป็นการสร้าง...
สร้างทั้งอนาคตของคน
สร้างความมั่นคงของชาติ
สร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ
....
ขอบคุณ สำหรับโอกาสทั้งหลายในวันนี้
ผมเชื่อว่า หลังจากวันนี้พวกพี่น้องครู ตชด. คงต้องกลับไปทำงานโดยได้เทคนิคจากวิทยากรหลายๆท่าน และทางสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัราชภัฏพิบูลสงคราม ต้องไปติดตามเป็นระยะ
.....สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ สมเด็จพระเทพฯ พระองค์ท่านจะเสด็จฯมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนเหล่านี้ในเร็ววันนี้ด้วย
ภูมิใจครับ แม้จะมีส่วนร่วมเล็กๆ แต่มันเป็นความภาคภูมิใจที่ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรได้ครับ
โอกาสดีอันแรก คือการได้ทำงานรับใช้มหาวิทยาลัยอันเป็นที่รัก และคณาจารย์ที่มีพระคุณกับผมตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี จนถึงทุกวันนี้
โอกาสดีที่สอง คือผมได้มีโอกาสเห็นการทำงานของครู ตชด. ซึ่งมีความรวดเร็ว และทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การทำงานเป็นทีมนั้นเป็นอย่างไร
โอกาสดีที่สาม ผมถือว่า การทำงานในวันนี้อาจจะติดขัดในหลายอย่าง แต่ผมก็ได้รู้จักกับพี่น้องที่เป็นนักรบอย่างแท้จริง รบกับความโง่เขลาไม่รู้ของเด็กๆชายขอบ ซึ่งมีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะทำลายประเทศชาติได้
ผมยอมรับว่าภูมิใจที่ได้เรียนรู้จากพวกท่านเหล่านี้ (แทนที่วันนี้จะไปให้เขา เรากลับเป็นฝ่ายได้รับ)
ครู ตชด.เหล่านี้ มีความอดทนสูง มีความเสียสละสูง ถ้าเป็นครูอย่างพวกผม ป่านนี้บ่นทุกวินาทีไปแล้ว แต่ครู ตชด. บางส่วนเป็นคนพื้นที่ บางส่วนเป็นผู้ที่เข้าไปสู่หน้าที่นี้ ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด...แม้ว่าจะไม่มีเงินวิทยฐานะ
วันนี้เลยมีแนวคิดอีกอย่างเพิ่มขึ้นว่า การที่ครู สพฐ.ได้รับวิทยฐานะ แสดงถึงความสามารถของตนเองว่ามีความรู้ มีสือการสอนที่ดี มีวิธีการสอนที่ดีถูกต้องตามหลักวิชาการ และที่สำคัญ "สอนคนให้เป็นคน" เงินที่ได้เพิ่มก็เป็นสิ่งที่พัฒนาคุณภาพชีวิตของครูขึ้นมาได้.... แต่ครู ตชด.เค้าไม่มีเรื่องเหล่านี้เลย
ผมไม่รู้ว่า จะมีคนเห็นด้วยกับข้อเขียนนี้มากน้อยเพียงไหน
แต่ขอเรียนตรงๆว่า มันเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นในสมองของผม ขณะที่นั่งมองพวกเค้าร่วมกันทำสื่อ ไม่มีการโยนงานว่า ฉันแก่แล้วสายตาไม่ดี ให้พวกเด็กๆทำ ไม่มีเลยตลอดทั้งวัน ที่สำคัญ อบรมตั้งแต่ 08.00 น. ถึง 17.17 น. สุดยอดจริงๆ
ถ้าใครมีโอกาสที่ดีกว่า
มีเงินเหลือมากพอ
มีโครงการว่าจะทำบุญ ทำความดี
...ผมว่า การส่งหนังสือ ส่งอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ไปให้โรงเรียน ตชด. ก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
เพราะมันไม่ใช่แค่การให้...
แต่มันเป็นการสร้าง...
สร้างทั้งอนาคตของคน
สร้างความมั่นคงของชาติ
สร้างรอยยิ้มให้กับเด็กๆ
....
ขอบคุณ สำหรับโอกาสทั้งหลายในวันนี้
ผมเชื่อว่า หลังจากวันนี้พวกพี่น้องครู ตชด. คงต้องกลับไปทำงานโดยได้เทคนิคจากวิทยากรหลายๆท่าน และทางสถาบันวิจัย มหาวิทยาลัราชภัฏพิบูลสงคราม ต้องไปติดตามเป็นระยะ
.....สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ สมเด็จพระเทพฯ พระองค์ท่านจะเสด็จฯมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนเหล่านี้ในเร็ววันนี้ด้วย
ภูมิใจครับ แม้จะมีส่วนร่วมเล็กๆ แต่มันเป็นความภาคภูมิใจที่ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรได้ครับ
01 พฤษภาคม 2554
มีเพียงวันนี้เพียงวันเดียวหรือ ที่เค้าเห็นคุณค่าของแรงงาน
วันที่ 1 พฤษภาคน เป็นวันแรงงาน
เป็นวันที่หลายคนได้หยุดพัก
แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่ได้หยุด เพราะถ้าหยุด ก็ไม่รู้ว่าเย็นนี้จะมีเงินซื้อข้าวให้ลูกกินหรือเปล่า
... ขนาดวันแรงงานยังไม่ได้หยุด แล้วถ้าเวลาเจ็บป่วยขึ้นมา ยังไม่รวมเวลาคลอดลูก แบบนี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย
ไม่เข้าใจว่า เมื่อไร คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น
บางคนไม่จ้างคนไทย เพราะแรงงานต่างด้าวถูกกว่า กดขี่ได้ง่ายกว่า
แม้ว่าจะเป็นต่างชาติ ต่างด้าว แต่เค้าก็เป็นคน มีพ่อมีแม่ มีญาติพี่น้องเหมือนกับเรา บางคนตอนอยู่ประเทศเค้าได้เป็นครูสอนนักเรียน แต่พอหนีตายเข้ามาในเมืองไทย กลับต้องมาเฝ้าวัวเฝ้าควาย ตากแดดตัวดำ ถูกกดขี่ ลดค่าแรง ต้องนอนในคอกวัว แต่เค้าก็ยอม เพราะอย่างน้อย ยังมีเงินแอบส่งกลับไปให้ที่บ้าน
บางคน มองเห็นพวกเค้าไม่ใช่คน ซื้อข้าวแบบเดียวกับที่เอาไปต้มให้หมูเอาไปให้เค้ากิน
...พูดไม่ออก
เราเรียกตัวเองว่าเป็นเมืองพุทธ
แต่หาความเมตตาและศีลธรรมในตัวไม่ได้เลย
ยังไม่รวมคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เล่นการเมืองทุกเรื่อง ทำทุกอย่างเพื่อเสียงคะแนน ไม่มีการปฏิบัติอย่างจริงใจ
ทุกวันนี้ นักเรียนที่ผมสอนก็เข้าสู่การทำงานแรงงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ก็ต้องมาช่วยพ่อแม่ทำงาน
บางที การที่เค้าทำแบบนั้นอาจทำให้เค้าคิดว่า นั่นคือวงจรอาชีพของเค้า ต่อให้เรียนเก่งหรือไม่ เค้าก็ต้องมาสู่อาชีพนี้อยู่ดี ก็เลยไม่ตั้งใจเรียนซะ ยิ่งไปเจอผู้บริหารที่ไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้เด็กนักเรียนขึ้นชั้นได้ จบชั้นเรียนได้ ก็เท่ากับทำลายอนาคตของเด็ก และทำลายชาติทางอ้อม
เราไม่ควรดูถูกอาชีพใช้แรงงาน
จริงๆแล้ว ไม่ควรดูถูกทุกอาชีพด้วยซ้ำ
ถ้าทุกคนเรียนจบปริญญาตรีครุศาสตร์ ต่างคนต่างไม่ยอมทำนา แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน
ต่างคนต่างไม่ยอมเปิดร้านซ่อมรถ แล้วถ้ายางแบน แล้วใครจะปะให้
ทุกคน ต่างเป็นกลไกของสังคม ต่างมีหน้าที่ขับเคลื่อนสังคมให้เดินหน้าไป
มีแต่นักการเมืองและบริวารที่ไม่ดีบางคน เป็นสนิมกัดกินเฟืองต่างๆ ให้สังคมติดขัด
ไปกัดกินเฟืองสอบบรรจุ ใช้เส้นสาย ใช้เงินในการเข้าทำงาน
ไปกัดกินเฟืองการโยกย้าย จนทำให้ไม่ต้องพิจารณาความสามารถ แล้วไปมองว่าเป็นคนของใคร หรือใครจ่ายหนักกว่า แล้วก็หาข้ออ้างดีๆว่า "เหมาะสมกว่า เพราะคุณสมบัติดีกว่า"
ไปกัดกินเงินที่ต้องมาซื้ออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เอาของราคา 300 จัดซื้อจัดจ้างเป็น 2500 ทำให้ได้อุปกรณ์ที่ห่วยยยยยยยยยยยยยยยยย มากกกกกกกกกกกกกก แถมได้มาแล้ว ยังใช่งานไม่ได้ ทิ้งก็ไม่ได้อีกต่างหาก
หากทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง
รู้จักรับใช้สังคม มีจิตสาธารณะ
สังคมไทยคงจะดีกว่านี้
หรือถ้ามีใครหรืออะไรมากดขี่ขมเหง ทำร้ายทำลายชาติ
... เราลุกขึ้นมาดีไหม
มวลชนคือผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
.....แล้วร่วมกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราด้วยชีวิต
(อย่าลืมให้ดาวบทความ บริเวณด้านล่างด้วยนะครับ)
เป็นวันที่หลายคนได้หยุดพัก
แต่ก็มีหลายคนที่ยังไม่ได้หยุด เพราะถ้าหยุด ก็ไม่รู้ว่าเย็นนี้จะมีเงินซื้อข้าวให้ลูกกินหรือเปล่า
... ขนาดวันแรงงานยังไม่ได้หยุด แล้วถ้าเวลาเจ็บป่วยขึ้นมา ยังไม่รวมเวลาคลอดลูก แบบนี้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย
ไม่เข้าใจว่า เมื่อไร คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น
บางคนไม่จ้างคนไทย เพราะแรงงานต่างด้าวถูกกว่า กดขี่ได้ง่ายกว่า
แม้ว่าจะเป็นต่างชาติ ต่างด้าว แต่เค้าก็เป็นคน มีพ่อมีแม่ มีญาติพี่น้องเหมือนกับเรา บางคนตอนอยู่ประเทศเค้าได้เป็นครูสอนนักเรียน แต่พอหนีตายเข้ามาในเมืองไทย กลับต้องมาเฝ้าวัวเฝ้าควาย ตากแดดตัวดำ ถูกกดขี่ ลดค่าแรง ต้องนอนในคอกวัว แต่เค้าก็ยอม เพราะอย่างน้อย ยังมีเงินแอบส่งกลับไปให้ที่บ้าน
บางคน มองเห็นพวกเค้าไม่ใช่คน ซื้อข้าวแบบเดียวกับที่เอาไปต้มให้หมูเอาไปให้เค้ากิน
...พูดไม่ออก
เราเรียกตัวเองว่าเป็นเมืองพุทธ
แต่หาความเมตตาและศีลธรรมในตัวไม่ได้เลย
ยังไม่รวมคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว เล่นการเมืองทุกเรื่อง ทำทุกอย่างเพื่อเสียงคะแนน ไม่มีการปฏิบัติอย่างจริงใจ
ทุกวันนี้ นักเรียนที่ผมสอนก็เข้าสู่การทำงานแรงงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
วันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ก็ต้องมาช่วยพ่อแม่ทำงาน
บางที การที่เค้าทำแบบนั้นอาจทำให้เค้าคิดว่า นั่นคือวงจรอาชีพของเค้า ต่อให้เรียนเก่งหรือไม่ เค้าก็ต้องมาสู่อาชีพนี้อยู่ดี ก็เลยไม่ตั้งใจเรียนซะ ยิ่งไปเจอผู้บริหารที่ไม่รับผิดชอบ ปล่อยให้เด็กนักเรียนขึ้นชั้นได้ จบชั้นเรียนได้ ก็เท่ากับทำลายอนาคตของเด็ก และทำลายชาติทางอ้อม
เราไม่ควรดูถูกอาชีพใช้แรงงาน
จริงๆแล้ว ไม่ควรดูถูกทุกอาชีพด้วยซ้ำ
ถ้าทุกคนเรียนจบปริญญาตรีครุศาสตร์ ต่างคนต่างไม่ยอมทำนา แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน
ต่างคนต่างไม่ยอมเปิดร้านซ่อมรถ แล้วถ้ายางแบน แล้วใครจะปะให้
ทุกคน ต่างเป็นกลไกของสังคม ต่างมีหน้าที่ขับเคลื่อนสังคมให้เดินหน้าไป
มีแต่นักการเมืองและบริวารที่ไม่ดีบางคน เป็นสนิมกัดกินเฟืองต่างๆ ให้สังคมติดขัด
ไปกัดกินเฟืองสอบบรรจุ ใช้เส้นสาย ใช้เงินในการเข้าทำงาน
ไปกัดกินเฟืองการโยกย้าย จนทำให้ไม่ต้องพิจารณาความสามารถ แล้วไปมองว่าเป็นคนของใคร หรือใครจ่ายหนักกว่า แล้วก็หาข้ออ้างดีๆว่า "เหมาะสมกว่า เพราะคุณสมบัติดีกว่า"
ไปกัดกินเงินที่ต้องมาซื้ออุปกรณ์วิทยาศาสตร์ เอาของราคา 300 จัดซื้อจัดจ้างเป็น 2500 ทำให้ได้อุปกรณ์ที่ห่วยยยยยยยยยยยยยยยยย มากกกกกกกกกกกกกก แถมได้มาแล้ว ยังใช่งานไม่ได้ ทิ้งก็ไม่ได้อีกต่างหาก
หากทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง
รู้จักรับใช้สังคม มีจิตสาธารณะ
สังคมไทยคงจะดีกว่านี้
หรือถ้ามีใครหรืออะไรมากดขี่ขมเหง ทำร้ายทำลายชาติ
... เราลุกขึ้นมาดีไหม
มวลชนคือผนังทองแดง กำแพงเหล็ก
.....แล้วร่วมกันปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราด้วยชีวิต
(อย่าลืมให้ดาวบทความ บริเวณด้านล่างด้วยนะครับ)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ