สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้ผู้หญิงกลุ้มใจ แถมยังมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย 3 เท่าเลยทีเดียว!
เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) หรือ Spider Vein เป็น
เส้น เลือดขอดมักเกิดตามผิวของขาตั้งแต่บริเวณตาตุ่มขึ้นไปจนถึงขาหนีบด้านใน พบบ่อยบริเวณน่อง โดยเฉพาะกับผู้ที่ต้องใช้ขารับน้ำหนักตัวมาก คนอ้วน หญิงตั้งครรภ์ คนที่ต้องยกของหนักเป็นประจำ หรือคนที่ต้องยืนนานๆ เกิดเมื่อถึงวัยชรา เกิดจากกรรมพันธุ์ มีความผิดปกติของหลอดเลือดดำ-แดงที่ขา อักเสบอุดตัน หรือบางคนโชคไม่ดีอาจมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรืออุ้งเชิงกรานไปกดหลอดเลือดดำ เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดเส้น เลือดขอด ดูเหมือนเส้นเลือดโป่งพองเห็นเป็นสีคล้ำเขียว-แดง และมีความยาวคดเคี้ยวขยุกขยิก เกิดจากการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำบริเวณขา ที่ปกติจะถูกบีบให้ไหลขึ้นสู่หัวใจโดยอาศัยแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อบริเวณขา ภายในหลอดเลือดดำจะมีลิ้นเล็กๆ อยู่ภายในๆ คอยกั้นเป็นช่วงๆ ไม่ให้เลือดย้อนกลับไปที่เท้า แต่เมื่อระบบไหลเวียนของเลือดทำงานไม่สะดวก ทำให้หลอดเลือดของขาขยายตัวกว้างขึ้นพลอยดึงให้ลิ้นถ่างออก เมื่อลิ้นไม่อาจปิดได้สนิทเลือดก็ทะลักไหลย้อนลงมาคั่งอยู่ในหลอดเลือดดำของ ขาบริเวณใกล้ผิวหนัง โดยอาการของเส้นเลือดขอดมีตั้งแต่เป็นน้อยๆ ไปจนเรียกว่าระยะรุนแรง คือผิวหนังบริเวณที่มีเส้นเลือดขอดแตกเป็นแผลอักเสบเรื้อรังมีน้ำเหลือง รักษาหายยาก และอาจมีเลือดออกรุนแรง
และหากจะพิจารณาถึงอาชีพของ ผู้หญิงที่เสี่ยงเกิดเส้นเลือดขอดก็มักเป็นคุณครู นางพยาบาล แอร์โฮสเตส พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทางและสาวออฟฟิศ ซึ่งด้วยหน้าที่การงานมีรายละเอียดทำให้เข้าข่ายเสี่ยงดังนี้
คุณครู หรือที่เราเปรียบเทียบว่าเป็น เรือจ้าง เป็นอาชีพที่ต้องใช้ทักษะทางด้านสมอง กายและใจไปพร้อมๆ กัน นั่นคือการพูด-การเขียนอธิบายและถ่ายทอดความรู้ให้ลูกศิษย์ต้องยืนสอนหน้า ชั้นเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมง ซึ่งอาชีพครูบ้านเราต้องใส่ชุดฟอร์มที่ทางโรงเรียนจัดให้ หรือไม่ก็ต้องแต่งกายเรียบร้อย ใส่ถุงน่องและรองเท้าส้นสูง อันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้ง่าย
นางพยาบาล เป็นวิชาชีพที่ต้องใช้ทักษะการบริการทางการแพทย์ไปพร้อมๆ กับใจที่รักการบริการ ความรับผิดชอบของนางพยาบาลบ้านเรานั้นมีตั้งแต่การเป็นผู้ช่วยแพทย์ระหว่าง การตรวจรักษา การเดินดูแลพยาบาคนป่วย การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย งานเดินเอกสาร ฯลฯ ดังนั้นอาชีพนี้จึงต้องอาศัยความอดทนและคล่องตัวสูง ทำให้เท้าต้องรับน้ำหนักตัวตลอดวัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางพยาบาลหลายคนใส่ผ้ายืดหรือ support รัดน่องเพื่อป้องกันไว้ก่อน
แอร์โฮสเตส เป็นอาชีพ หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากจากสาวๆ ในปัจจุบัน เพราะแรงจูงใจในเรื่องของค่าตอบแทนและโอกาสท่องเที่ยว แต่อาชีพนางฟ้าก็ต้องแลกกับการยืนและเดินนานๆ เพื่อดูแลผู้โดยสารตลอดชั่วโมงบิน และที่สำคัญยังต้องเผชิญกับภาวะความดันทางอากาศจากการขึ้น-ลงเครื่องบินเป็น ประจำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดมากกว่าอาชีพอื่นๆ ทางป้องกันที่ดีที่สุด คือการเปลี่ยนรองเท้าส้นเตี้ยขณะบริการเสิร์ฟอาหารแก่ผู้โดยสาร หมั่นเดินไปมาเพื่อเพิ่มระบบหมุนเวียนโลหิต และควรใส่ถุงน่องที่รัดและกระชับใต้เข่า
พนักงานขายในห้างสรรพสินค้า / พนักงานต้อนรับ การยืนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของอาชีพนี้ก็ว่าได้ เนื่องจากการยืนหมายถึง ความพร้อมและความเต็มใจของพนักงานที่จะให้บริการ เพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า โดยเฉลี่ยแล้วอาจจะต้องยืนติดต่อกันประมาณ 6-8 ชั่วโมงเลยทีเดียว!
พนักงานเก็บค่าโดยสารรถประจำทาง นอกจากจะต้องสูดดมควันจากท่อไอเสีย และอยู่ในสภาพที่มีคนแออัดตลอดเวลา ก็ยังต้องเดินและยืนเก็บค่าโดยสารตลอดสายครั้งละหลายชั่วโมง แถมยังต้องทรงตัวให้ดีเมื่อยามรถจอดหรือเบรกอีกต่างหาก
สาวออฟฟิศ ฟังดูแล้วเป็นอาชีพที่เสี่ยงเป็นเส้นเลือดขอดน้อยที่สุด แต่คุณทราบหรือไม่ว่า การที่นั่งโต๊ะนานๆ ด้วยการนั่งไขว่ห้างนี้เอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด หรือสาวออฟฟิศบางคนชะล่าใจคิดว่าตนเองไม่ต้องยืนเป็นเวลานานๆ ก็ใส่ร้องเท้าส้นสูงรับกับกระแสแฟชั่น แต่กลับลืมไปว่าบางครั้งก็ต้องเดินไปมาเพื่อติดต่อเอกสารหรือฝ่ายต่างๆ ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดแบบไม่รู้ตัวก็มี
ทั้งนี้หากว่าคุณมี เส้นเลือดขอดก็อย่าเพิ่งตระหนก เพราะหากคุณไม่มีอาการปวดหรือบวมร่วมก็อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและออกกำลังกายอย่างเหมาะสมก็ ป้องกันและบรรเทาได้ หรือสำหรับคนที่มีอาการปวดก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นมากจนรักษาไม่ได้ เพราะปัจจุบันเรามีการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและผ่าตัดที่เหมาะต่ออาการของแต่ละ คน
วิธีป้องกันการเกิดเส้นเลือดขอด
# ถ้าคุณเป็นคนอ้วนควรลดน้ำหนักเป็นอันดับแรก เพื่อลดแรงกดน้ำหนักลงที่เท้าและขา
# หลีก เลี่ยงการยืน หรือการนั่งเฉยๆ หรือนั่งไขว่ขาเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อไม่บีบตัวไล่เลือด ในกรณีที่อาชีพการงานบังคับต้องอาศัยการออกกำลังกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อน่อง และขา โดยการเขย่งปลายเท้าขึ้นและลง หรือการบีบและคลายนิ้วเท้าทุกครึ่งชั่วโมง และพอถึงช่วงที่ได้นั่งพัก ให้ถอดรองเท้าส้นสูงออก นั่งลงบนเก้าอี้ หลังตรงและยกขาขึ้นหนึ่งข้างให้สูงระดับสะโพกและหมุนข้อเท้าเป็นวงกลมไปมา จากนั้นให้งุ้มเท้าชี้ขึ้นและลง จากนั้นทำสลับอีกข้าง
# หลีก เลี่ยงการใส่ถุงเท้ายาวหรือถุงน่องที่รัดเหนือเข่า ซึ่งทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดไหลไม่สะดวก ในกรณีที่จำเป็นต้องสวมถุงเท้าหรือถุงน่อง ควรเลือกเนื้อผ้าที่มีความยืดหยุ่น และเลือกแบบที่ขอบถุงเท้าหรือถุงน่องรัดห่างใต้เข่าประมาณ 2 นิ้ว
การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
ส่วน ใหญ่แพทย์แนะนำเพื่อบรรเทาอาการปวด บวมมากกว่าเรื่องของความสวยงาม ซึ่งในกรณีที่เป็นเส้นเลือดขอดไม่มาก สามารถใช้ครีมนวดรักษาหรือบรรเทาได้ แต่กรณีที่มีอาการปวด แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำที่ขอด เพื่อสลายหลอดเลือดที่แข็งตัวและตีบตันให้ไหลเวียนไปสู่หลอดเลือดอื่นบริเวณ รอบๆ ได้ แต่ก็ไม่ใช่วิธีรักษาที่หายขาดภายในครั้งเดียวอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้งหาก เป็นมาก และไม่อาจรับประกันได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก โดยหลังการรักษาจำเป็นต้องสวมผ้ารัดหรือถุงน่องเพื่อบีบให้ผนังหลอดเลือด กระชับ จนกว่าบริเวณที่ฉีดยาจะบวมน้อยลง และเวลานอนพักต้องใช้หมอนหนุนยกระดับเข่าให้สูงกว่าสะโพก และปลายเท้าสูงกว่าระดับเข่า
การรักษาแบบผ่าตัด
เป็น การผ่าตัดในกรณีที่เส้นเลือดขอดเกิดภาวะอุดตันภายในหลอดเลือด และอาจส่งผลอันตรายต่ออวัยวะอื่นๆ โดยแพทย์จะให้ยาชาก่อนการผ่าตัดและใช้เครื่องมือเข้าไปผูกเส้นเลือดที่ขอด แล้วดึงหลอดเลือดดำที่ขอดออกเป็นบางส่วน หรือการผ่าดึงหลอดเลือดดำที่ขอดทั้งเส้น โดยหลังการผ่าตัดจะมีอาการเท้าบวม มีเลือดออกหรือเจ็บแผล และจำเป็นต้องใส่ผ้ารัดหรือถุงน่องพยุงต่อประมาณ 6 ถึง 8 สัปดาห์
การรักษาเส้นเลือดขอดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ไม่สามารถรับประกันว่าจะไม่เกิดเส้นเลือดขอดใหม่ 100% และแพทย์อาจให้การรักษามากกว่า 1 วิธีร่วมกัน เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาให้ได้ผลดีมากที่สุด และที่สำคัญบริเวณที่เป็นเส้นเลือดขอดมีอาการปวดหรือบวม คุณควรไปปรึกษาแพทย์ทันที
ที่มาข้อมูล : นิตยสาร Health Today
03 กันยายน 2552
02 กันยายน 2552
พี่น้องบ้านกันภัย
หลังจากที่ผมโพสต์บทความ ทำไมผมถึงศรัทธาอาจารย์หนู กันภัย ไว้ที่ http://www.seal2thai.org/etc/think/think009.htm โดยมิได้หวังอวดอ้าง หรือวัตถุประสงค์อื่นใด นอกจาบอกเล่าความรู้สึกที่ได้ไปให้พ่อหนู กันภัยเป่าหัวพรมน้ำมนต์ให้ ก็ทำให้มีพี่น้องบ้านกันภัยเข้ามาแสดงความเห็นมากมาย
ผมรู้สึกดีใจครับ
ใครที่ติดตามข่าวสารด้านนี้ท่านก็จะรู้ว่า อาจารย์หนู นำรายได้ไปสร้างวัด สร้างวิหารและช่วยเหลือผู้ตกยาก
ที่สำคัญ ข้อถือของอาจารย์หนูเป็นสิ่งที่มีเหตุผล และน้อมนำจิตใจคนให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล ห้ามด่าว่าพ่อแม่ แม้แต่การแสดงอาการที่ไม่พอใจ รวมไปถึงด่าว่าพ่อแม่คนอื่น
นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ "บ้านกันภัย" ไม่เคยเงียบเหงา
ผมบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้สัก และไม่เคยสัก แต่ผมศรัทธาในความดีของอาจารย์หนู กันภัยจริงๆ
...ซึ่งทำให้เชื่อว่า การทำดี ไม่มีวันสูญสิ้น สักวันต้องมีคนเห็น
ผมรู้สึกดีใจครับ
ใครที่ติดตามข่าวสารด้านนี้ท่านก็จะรู้ว่า อาจารย์หนู นำรายได้ไปสร้างวัด สร้างวิหารและช่วยเหลือผู้ตกยาก
ที่สำคัญ ข้อถือของอาจารย์หนูเป็นสิ่งที่มีเหตุผล และน้อมนำจิตใจคนให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีล ห้ามด่าว่าพ่อแม่ แม้แต่การแสดงอาการที่ไม่พอใจ รวมไปถึงด่าว่าพ่อแม่คนอื่น
นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ "บ้านกันภัย" ไม่เคยเงียบเหงา
ผมบอกก่อนนะครับ ผมไม่ได้สัก และไม่เคยสัก แต่ผมศรัทธาในความดีของอาจารย์หนู กันภัยจริงๆ
...ซึ่งทำให้เชื่อว่า การทำดี ไม่มีวันสูญสิ้น สักวันต้องมีคนเห็น
01 กันยายน 2552
ความสุข ๒ ชั้น ( ธรรมะเดลิเวอรี่)
ความสุข ๒ ชั้น ( ธรรมะเดลิเวอรี่)
โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน
ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลายๆ คน เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน
ซึ่ง จากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มี ความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ
โดย จะว่าไปแล้ว บริษัทก็เหมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ) วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากๆ
อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
' ไม่ เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้ ... แต่ผมให้เข้าครับ' ( แล้วไป)
อาตมา จึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข (แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)
ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้า แล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงาน แล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ
เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน ! ดัง นั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น
อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ประยุตฺโต) ในหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า
งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผล ตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง ซึ่งหลายๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร...
โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
อาตมาอ่านเจอกลอนในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ผู้เขียนระบายไว้ได้สาแก่ใจมากเลย
เร็ว ก็หาว่าล้ำหน้า
ช้า ก็หาว่าอืดอาด
โง่ ก็ถูกตวาด
พอฉลาด ก็ถูกระแวง
ทำก่อน บอกไม่ได้สั่ง
ทำทีหลัง บอกไม่มีหัวคิด
เฮ้อ นี่แหละชีวิตคนทำงาน
ข้างต้น น่าจะเป็นกลอนที่โดนใจบรรดาคนทำงานหลายๆ คน เพราะสะท้อนความรู้สึกกดดันอย่างชัดเจน
ซึ่ง จากการได้พูดคุยกับโยมที่เข้ามาปรึกษาหารือถึงสาเหตุที่ทำงานกันอย่างไม่มี ความสุขก็มีปัจจัยมากมาย เช่น ทำงานที่ตัวเองไม่ถนัด ทำงานที่ไม่ชอบ โดนหัวหน้างานกดขี่ หรือรู้สึกว่าหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายนั้นต่ำต้อย ฯลฯ
โดย จะว่าไปแล้ว บริษัทก็เหมือนกับบ้านหลังที่สองของเรา บางคนใช้ชีวิตในบริษัทมากกว่าที่บ้านซะอีก เพราะต้องตื่นขึ้นมาทำงานตั้งแต่ตี ๔ ตี ๕ กลับถึงบ้านก็ ๒-๓ ทุ่ม วันหนึ่งมี ๒๔ ชั่วโมง หากต้องใช้ชีวิตในการทำงาน (รวมนั่งรถไป-กลับ) วันละ ๑๐ กว่าชั่วโมงแล้ว ถ้าโยมไม่มีความสุขกับงานที่ทำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจมากๆ
อาตมาชอบใจคุณยามที่บริษัทแห่งหนึ่งมาก เคยถามเขาว่า ไม่เบื่อเหรอ เปิดประตูทั้งวัน เขาตอบกลับอย่างฉะฉานว่า
' ไม่ เบื่อหรอกครับท่าน เพราะคนจะเข้าไปที่นี่ได้หรือไม่ได้ มันอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เปิดประตู ไม่อนุญาตหรือบอกไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ได้เข้านะ อย่างพระอาจารย์มาบรรยายที่นี่ ผมไม่ให้เข้าก็ได้ ... แต่ผมให้เข้าครับ' ( แล้วไป)
อาตมา จึงไม่แปลกใจเลย เวลาไปทำธุระที่บริษัทนี้ทีไร มักเห็นเจ้าหมอนี่ ทำหน้าที่ตัวเองอย่างกระตือรือร้น ก็เพราะเขามีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ เห็นความสำคัญของตัวเอง จึงทำให้เขาทำงานได้อย่างมีความสุข (แถมมีมุขอำกลับอาตมาอีกต่างหาก)
ดังนั้นอาตมาจึงอยากจะหนุนใจญาติโยมที่กำลังรู้สึกย่ำแย่กับงานของตัวเองว่า
ถ้าเราทำงานจนเมื่อยมือเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีมือให้เมื่อย
ถ้าเราเดินไปเดินมาจนปวดขาเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีขาให้ปวด
ถ้าเราเห็นหัวหน้า แล้วเซ็งเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีหัวหน้าให้เซ็ง
ถ้าเราเห็นงาน แล้วเราเบื่องานเหลือเกิน
ก็จงดีใจเถอะ ที่มีงานให้เบื่อ
เพราะหลายคนพอไม่มีงานให้ทำ ก็จะประท้วงกัน อยากทำงาน ! อยากทำงาน ! ดัง นั้นเมื่อคุณโยมมีโอกาสทำแล้ว ก็จงทำให้ดีที่สุด เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนทัศนคติต่องานที่ทำก่อน เห็นความสำคัญของหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ได้ ทำมันอย่างเต็มที่และดีที่สุด เหมือนดั่งคุณยามที่อาตมายกมาเป็นตัวอย่างข้างต้น
อาตมาเคยอ่านเจอคำแนะนำของท่านพระธรรมปิฎก (ป.อ.ประยุตฺโต) ในหนังสือเล่มหนึ่ง ท่านเขียนชี้แนะไว้ว่า
งานมีผลตอบแทนสองชั้นด้วยกัน
ผล ตอบแทนชั้นที่ ๑ คือ ตอนเงินเดือนออก นี่คือความสุขชั้นที่หนึ่ง ซึ่งหลายๆ คนมีความสุขในการทำงานแค่วันนั้นวันเดียว แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาตัวเองไปพร้อมกับงานได้ มันก็จะก้าวไปสู่อีกระดับ อันนำมาซึ่งผลตอบแทนหรือความสุขชั้นที่ ๒ นั่นเอง
หนึ่งเดือน คุณโยมอยากมีความสุขเพียง ๑ ชั้น หรือ ๒ ชั้น ก็เลือกเอาตามใจชอบเลย
เจริญพร...
30 สิงหาคม 2552
กู้เงินพัฒนาชีวิต(ครู)
เงิน เงิน เงิน
ใคร ใครก็อยากมีเงิน
เงินไม่ใช่พระเจ้า
แต่เงินซื้อข้าวได้
เกิดเป็นครูมันจน
เลยต้องทนไปกู้เงิน
หน้าแห้ง หน้าเหี่ยว
เพราะเสียว ไม่ได้เงิน
ต้องไปไหว้ร้องขอ
"โอ้พ่อ ขอครูกู้เงิน"
ใครให้เกิดมาเป็นครู
มึงก็รู้ว่าครูมันจน
"แต่กูก็ทน"
"เพราะกูคือคน พัฒนาการศึกษาไทย"
(ไอ้นักการเมือง ... ไร ไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตครู)
พิริยะ ตระกูลสว่าง
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
ใคร ใครก็อยากมีเงิน
เงินไม่ใช่พระเจ้า
แต่เงินซื้อข้าวได้
เกิดเป็นครูมันจน
เลยต้องทนไปกู้เงิน
หน้าแห้ง หน้าเหี่ยว
เพราะเสียว ไม่ได้เงิน
ต้องไปไหว้ร้องขอ
"โอ้พ่อ ขอครูกู้เงิน"
ใครให้เกิดมาเป็นครู
มึงก็รู้ว่าครูมันจน
"แต่กูก็ทน"
"เพราะกูคือคน พัฒนาการศึกษาไทย"
(ไอ้นักการเมือง ... ไร ไม่ใส่ใจคุณภาพชีวิตครู)
พิริยะ ตระกูลสว่าง
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
เมื่อครูบ้านนอก หลงในเมืองทองธานี
จากการสอบ ก.พ. ภาค ก ของระดับปริญญาตรี (ระดับ 3) ที่จัดสอบ ณ เมืองทองธานี ซึ่งในวันที่ 29 ส.ค. 2552 ก็มีงานชนกันหลายงาน โดยเฉพาะงาน otop 3 - 5 ดาว คนหลายหมื่นคนก็แห่แหนไปรวมกันที่เมืองทองธานี
มีผู้คนทุกภาค ทั้งอู้เหนือ เว้าอีสาน แหล่งใต้ มีหมดเลย
ฝนก็ดันตก หาที่นั่งไปได้
ที่สำคัญ จะเข้าห้องน้ำก็ต้องตรวจกระเป๋าทุกครั้ง (ขนาดคนไปรอนะเนี่ย)
ปัญหายังไม่หมด มันสนุกตรงที่ หาทางออกไม่ได้ เพราะไม่มีป้ายแนะนำ ไม่มีคนแนะนำ ไม่มีใครให้นำแนะนำ ก็เดินหาทางออกไปติวานนท์เกือบตาย
สาวๆบางคนก็ตัดสินใจโบกรถปิ๊กอัพขึ้นไป บางคนแทบจะต่อยกันแย่งแท๊กซี่
นี่คือผลขแงการที่คนอยากรับราชการ ระบบที่เป็นกลจักรขับเคลื่อนการบริหารภาครัฐ อันเป็นผู้ทำงานใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือบางคนอาจมองเลยเถิดไปว่าเป็น อำมาตยาธิปไตยนั้นเอง จึงพยายามล้มล้างระบบราชการ โดยอ้างว่าล่าช้า ล้าหลัง เมื่อปฏิรูปเป็นบริษัท ก็ขนลูกหลานตัวเองมาทำงานในนั้นแทน ... เลวจริงๆ
ผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มาทำการสอบ แม้ว่าจะลำบาก มีคนบ่นมากมายแค่ไหน
ก.พ. ก็คงไม่สนใจ และเชื่อว่า ก.พ. ก็คงไม่มาอ่านข้อความนี้
คุณอย่านึกว่า ทุกคนสามารถเดินทางมาสอบได้ง่ายหมด เอาไว้คุณมาราชการที่พิษณุโลกโดยรถโดยสาร คุณจะรู้ซึ้งถึงคำว่า "หลง" ได้เป็นอย่างดี
ช่างเถิดครับ พวกเค้ามีรถส่วนตัว คงไม่มีวันใช้รถโดยสารประจำทางหรอก ใช่ไหมครับ
ใครเป็นด้วย แสดงความเห็นเลยครับ
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
มีผู้คนทุกภาค ทั้งอู้เหนือ เว้าอีสาน แหล่งใต้ มีหมดเลย
ฝนก็ดันตก หาที่นั่งไปได้
ที่สำคัญ จะเข้าห้องน้ำก็ต้องตรวจกระเป๋าทุกครั้ง (ขนาดคนไปรอนะเนี่ย)
ปัญหายังไม่หมด มันสนุกตรงที่ หาทางออกไม่ได้ เพราะไม่มีป้ายแนะนำ ไม่มีคนแนะนำ ไม่มีใครให้นำแนะนำ ก็เดินหาทางออกไปติวานนท์เกือบตาย
สาวๆบางคนก็ตัดสินใจโบกรถปิ๊กอัพขึ้นไป บางคนแทบจะต่อยกันแย่งแท๊กซี่
นี่คือผลขแงการที่คนอยากรับราชการ ระบบที่เป็นกลจักรขับเคลื่อนการบริหารภาครัฐ อันเป็นผู้ทำงานใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือบางคนอาจมองเลยเถิดไปว่าเป็น อำมาตยาธิปไตยนั้นเอง จึงพยายามล้มล้างระบบราชการ โดยอ้างว่าล่าช้า ล้าหลัง เมื่อปฏิรูปเป็นบริษัท ก็ขนลูกหลานตัวเองมาทำงานในนั้นแทน ... เลวจริงๆ
ผมเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มาทำการสอบ แม้ว่าจะลำบาก มีคนบ่นมากมายแค่ไหน
ก.พ. ก็คงไม่สนใจ และเชื่อว่า ก.พ. ก็คงไม่มาอ่านข้อความนี้
คุณอย่านึกว่า ทุกคนสามารถเดินทางมาสอบได้ง่ายหมด เอาไว้คุณมาราชการที่พิษณุโลกโดยรถโดยสาร คุณจะรู้ซึ้งถึงคำว่า "หลง" ได้เป็นอย่างดี
ช่างเถิดครับ พวกเค้ามีรถส่วนตัว คงไม่มีวันใช้รถโดยสารประจำทางหรอก ใช่ไหมครับ
ใครเป็นด้วย แสดงความเห็นเลยครับ
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
29 สิงหาคม 2552
ทำไม ผมถึงศรัทธาอาจารย์หนู กันภัย
ทำไม ผมถึงศรัทธาอาจารย์หนู กันภัย
ในชีวิตของคนๆหนึ่ง จะมีสิ่งที่เคารพนับถือมากๆสักกี่อย่าง ส่วนใหญ่ก็จะนับถือตามบิดามารดา หรือตามผู้ที่ได้เลี้ยงดูมา ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งกล้าวิชาพุทธาคมด้านต่างๆ ส่วนสายฆราวาทก็มีจำนวนไม่น้อย และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ที่ต้องกระทำวิชาบางอย่างที่ภิกษุไม่สามารถกระทำให้ญาติโยมได้ เพราะอาจผิดวินัยสงฆ์ ผมได้ยินชื่อของฆราวาทผู้เก่งกล้าด้านการสักยันต์ท่านหนึ่งมานานแล้ว ท่านคืออาจารย์หนู กันภัย แม้ว่าส่วนตัวของผมมีความคิดว่าจะไม่สักบนผิวของร่างกายแน่นอน แต่ก็ติดตามข่าวของ อ.หนู เป็นระยะๆ ซึ่งท่านก็โด่งดังในช่วงที่ดาราสาวฮอลีวูดมาสัก นั่นก็คือ แองโจลีนา โจลี นั่นก้ทำให้หลายคนรู้จักกับสำนักสักยันต์อาจารย์หนูมากขึ้น ทั้งตลก ดารา พ่อค้า ประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ก็มาสักเพิ่มมากขึ้น นั่นด้วยเพราะแรงของพลังศรัทธา (ยังมีต่อ)
28 สิงหาคม 2552
ประโยชน์ของข้าวโพดต้มสุก
วันนี้เบื่อๆ เหนื่อย เลยหาสาระมาฝากพี่น้องกันนะครับ
ข้าวโพดต้มสุก
ตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้ๆหาย เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวัน ไปเหมาจาก Supermarket ทุก week แล้วเค้าก็ ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลง ทานได้แต่ผักกะผลไม้ และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้
นัก วิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด
เขา เผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป
เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
นัก วิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูล อิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
คณะ นักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรด เฟรุลิกเป็นพวก
พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้ มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ พอดีได้มาจากเมล์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.seal2thai.org
ข้าวโพดต้มสุก
ตอนที่แม่เรากำลังรักษามะเร็งช่วงใกล้ๆหาย เริ่มจะทานอาหารได้ เค้าจะกินข้าวโพดต้มทุกวัน ไปเหมาจาก Supermarket ทุก week แล้วเค้าก็ ฟื้นตัวเร็วมาก ช่วงนั้น ลิ้นเค้าจะ Anti เนื้อสัตว์ กลืนไม่ลง ทานได้แต่ผักกะผลไม้ และจะอยากกินข้าวโพดทุกวัน ข้าวโพดสุก ต้านมะเร็ง การแทะข้าวโพดหวานต้านโรคมะเร็งมีสารตัวล้างพิษมากกว่าผักผลไม้
นัก วิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์แห่งสหรัฐฯ รายงานในวารสารสมาคมเคมีแห่งอเมริกาว่าข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด
เขา เผยว่าผิดกับที่เคยเชื่อกันมาก่อน ว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไป สู้กินดิบๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะเสียวิตามินซีไป
เขาได้พบในการต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
นัก วิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูล อิสระ ซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่นต้อกระจก และโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
คณะ นักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรุลิก อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้นกรด เฟรุลิกเป็นพวก
พฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้ มีอยู่ไม่มากนัก แต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรุลิกออกมาได้มากขึ้น
พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ พอดีได้มาจากเมล์ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.seal2thai.org
27 สิงหาคม 2552
วิธีสังเกตอาการเส้นเลือดในสมองแตก
วิธีสังเกตอาการเส้นเลือดในสมองแตก
มีเพื่อนคนหนึ่ง หกล้ม ในงานบาบีคิวปาร์ตี้ เพื่อนในงานแนะให้ไปหาหมอ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร เพียงแต่ใส่รองเท้าใหม่แล้วสะดุดเท่านั้น
อิงอิงยืนไม่ค่อยมั่นคง เพื่อนๆ ช่วยปัดเป่าเสื้อผ้าให้ แล้วยกอาหารจานใหม่ให้ร่วมสนุกกันต่อ
หลังจากนั้น ผู้สามีแจ้งมาว่า อิงอิงถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แต่แล้วก็เสียชีวิตตอน 6 โมงเย็น
ถ้าหากเพื่อนๆ รู้จักวินิจฉัยอาการโรค ป่านนี้อิงอิงอาจยังมีชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ
บางคนเส้นโลหิตในสมองแตก อาจไม่ตาย แต่ก็อาจเป็น อัมพฤกษ์หรืออัมพาต
แพทย์ทางประสาทวิทยากล่าวว่า หากผู้ป่วยถึงมือแพทย์ภายใน 3 ชม. ก็จะมีโอกาสรอด
วิธีวินิจฉัยอาการ
ถ้าคนข้างเคียงไม่รู้จักวินิจฉัยอาการ สมองผู้ป่วยก็จะถูกทำลายอย่างร้ายแรง
แพทย์แนะว่า คนข้างเคียงเพียงแค่ทดสอบผู้ป่วยด้วย 3 ข้อ ก็สามารถวินิจฉัยอาการได้
โปรดจำเคล็ดลับ STR ดังต่อไปนี้
S:(smile) -> ให้ผู้ป่วยยิ้ม
T:(talk) -> ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์ เช่น วันนี้อากาศสดใสดีจัง
R:(raise) -> ให้ผู้ป่วย(ยก)ชูแขนสองข้า งขึ้น
อาการอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออก ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
ใช่แล้ว ส่อ! อาการอันตราย
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปรกติข้อใดข้อหนึ่ง ให้รีบแจ้ง 1669 และเล่าอาการให้ผู้รับสายฟัง
ระวังตัวกันหน่อยนะครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.seal2thai.org
มีเพื่อนคนหนึ่ง หกล้ม ในงานบาบีคิวปาร์ตี้ เพื่อนในงานแนะให้ไปหาหมอ แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร เพียงแต่ใส่รองเท้าใหม่แล้วสะดุดเท่านั้น
อิงอิงยืนไม่ค่อยมั่นคง เพื่อนๆ ช่วยปัดเป่าเสื้อผ้าให้ แล้วยกอาหารจานใหม่ให้ร่วมสนุกกันต่อ
หลังจากนั้น ผู้สามีแจ้งมาว่า อิงอิงถูกส่งเข้าโรงพยาบาล แต่แล้วก็เสียชีวิตตอน 6 โมงเย็น
ถ้าหากเพื่อนๆ รู้จักวินิจฉัยอาการโรค ป่านนี้อิงอิงอาจยังมีชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ
บางคนเส้นโลหิตในสมองแตก อาจไม่ตาย แต่ก็อาจเป็น อัมพฤกษ์หรืออัมพาต
แพทย์ทางประสาทวิทยากล่าวว่า หากผู้ป่วยถึงมือแพทย์ภายใน 3 ชม. ก็จะมีโอกาสรอด
วิธีวินิจฉัยอาการ
ถ้าคนข้างเคียงไม่รู้จักวินิจฉัยอาการ สมองผู้ป่วยก็จะถูกทำลายอย่างร้ายแรง
แพทย์แนะว่า คนข้างเคียงเพียงแค่ทดสอบผู้ป่วยด้วย 3 ข้อ ก็สามารถวินิจฉัยอาการได้
โปรดจำเคล็ดลับ STR ดังต่อไปนี้
S:(smile) -> ให้ผู้ป่วยยิ้ม
T:(talk) -> ให้ผู้ป่วยพูดประโยคที่มีสาระสมบูรณ์ เช่น วันนี้อากาศสดใสดีจัง
R:(raise) -> ให้ผู้ป่วย(ยก)ชูแขนสองข้า งขึ้น
อาการอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออก ถ้าลิ้นม้วนหรือเบี้ยวไปข้างหนึ่ง
ใช่แล้ว ส่อ! อาการอันตราย
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปรกติข้อใดข้อหนึ่ง ให้รีบแจ้ง 1669 และเล่าอาการให้ผู้รับสายฟัง
ระวังตัวกันหน่อยนะครับ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.seal2thai.org
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ