ออกเดินทางจาก ศิลาชล
จากนั้นก็นอนๆๆๆ ปล่อยคนอื่นร้องเพลงกัน (แอบดูโดเรม่อน ผ่านมือถือ i-mobile TV 535 ด้วย)
ตื่นขึ้นมาพบว่า คนอื่นๆลงไปเกือบหมดแล้ว (แถมยังโดนแอบถ่ายตอนนอนอีก)
พบกับ ผศ.สุรีย์ ไวยกุฬา อาจารย์แม่สุดที่รักของผมนั่นเอง
จากนั้นไปดูศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเล ของ สอ.รฝ. กองทัพเรือ เห็นเต้าตัวเล้กๆ น่ารักมากๆๆๆๆ
จากนั้นก็ไปเขาชีจรรย์
แวะตลาดน้ำ 4 ภาค พัทยา
กินข้าวเย้นที่สิงห์บุรี
ลงรถที่สี่แยกปลวกสูง นั่งรถลุงชัยกลับมาพิษณุโลก
อาบน้ำ...นอน
04 กรกฎาคม 2552
03 กรกฎาคม 2552
ถึงประแสร์ และดูงานโรงเรียนบ้านกลางกร่ำ
รถไปถึง อ.แกลง ประมาณ 06.30 น.
รีบลงรถเพราะมีการอาการปวดท้องเหมือนจะท้องเสียมาตั้งแต่ตีสี่แล้ว ติ่นขึ้นมาเห็นข้างทางเป็นป่า ก็เลยไม่บอกให้หยุด
เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันแล้ว ก็ไปทานอาหารเช้า
กับข้าวที่นี่ สะอาด ใหม่ และทำมาร้อนๆ แต่ราคาก็แพงอยู่ (31 บาท ) ได้ข้าวมานิดเดียวเอง
ก็เลยคิดว่า กินกันตาย
ในร้านแต่บรรยากาศแบบเหนือๆ รู้สึกดีมาก
มีรูปปั้นเสือ พาปังคุงไปหลอก 555 สะใจ
จากนั้นเดินทางไปไหว้เสด็จเตี่ยที่ประแสร์ ตอนแรกนึกกว่าจะไม่ได้ไปเพราะฝนตกหนักมา แต่พอถึงเวลารถออก ฝนก็หยุด ถือว่าเป็นปาฏิปาริย์ของเสด็จเตี่ย ที่ดลบัลดาลให้คณะทัศนศึกษาได้ไปสักการะ
จากนั้นก้ไปดูงานที่โรงเรยนบ้านกลางกร่ำ สพท.ระยอง เขต 2
เป็นโรงเรียนประถม แต่มีเด้กนักเรียนเกือบ 400 คน
มีการจัดการศึกษาที่ดีมาก เอาระบบภาษาอังกฤษเข้ามาสอนควบคู่ด้วย (ทั้งครู ทั้งนักเรียน เรียมร่วมกัน)
จากนั้น ก็แวะไปที่ อนุสาวรีย์สุนทรภู่
และแล้วก็ถึงที่พักที่ "ศิลาชล" ชายหาดแม่รำพึง
บรรยากาศดี คนไม่พลุกพล่าน เล่นน้ำสนุก
รีบลงรถเพราะมีการอาการปวดท้องเหมือนจะท้องเสียมาตั้งแต่ตีสี่แล้ว ติ่นขึ้นมาเห็นข้างทางเป็นป่า ก็เลยไม่บอกให้หยุด
เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันแล้ว ก็ไปทานอาหารเช้า
กับข้าวที่นี่ สะอาด ใหม่ และทำมาร้อนๆ แต่ราคาก็แพงอยู่ (31 บาท ) ได้ข้าวมานิดเดียวเอง
ก็เลยคิดว่า กินกันตาย
ในร้านแต่บรรยากาศแบบเหนือๆ รู้สึกดีมาก
มีรูปปั้นเสือ พาปังคุงไปหลอก 555 สะใจ
จากนั้นเดินทางไปไหว้เสด็จเตี่ยที่ประแสร์ ตอนแรกนึกกว่าจะไม่ได้ไปเพราะฝนตกหนักมา แต่พอถึงเวลารถออก ฝนก็หยุด ถือว่าเป็นปาฏิปาริย์ของเสด็จเตี่ย ที่ดลบัลดาลให้คณะทัศนศึกษาได้ไปสักการะ
จากนั้นก้ไปดูงานที่โรงเรยนบ้านกลางกร่ำ สพท.ระยอง เขต 2
เป็นโรงเรียนประถม แต่มีเด้กนักเรียนเกือบ 400 คน
มีการจัดการศึกษาที่ดีมาก เอาระบบภาษาอังกฤษเข้ามาสอนควบคู่ด้วย (ทั้งครู ทั้งนักเรียน เรียมร่วมกัน)
จากนั้น ก็แวะไปที่ อนุสาวรีย์สุนทรภู่
และแล้วก็ถึงที่พักที่ "ศิลาชล" ชายหาดแม่รำพึง
บรรยากาศดี คนไม่พลุกพล่าน เล่นน้ำสนุก
02 กรกฎาคม 2552
เตรียมตัวเดินทางสู่ระยอง - สัตหีบ
วันนี้มีการเรียนการสอนตามปกติ
แต่ความตื่นเต้นที่จะได้ไปทัศนศึกษา มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอื่นใดเกิดขึ้น
ผมนั่งเล่มคอมพิวเตอร์จนทุกคนในโรงเรียนกลับหมด และได้ทราบข่าวร้ายว่า มีนักเรียนขี่รถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถร่วมเดินทางได้
เพื่อนอีกคนหนึ่งของนักเรียนคนนั้นซึ่งได้ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ เพราะว่า ไปดวงมา หมอดุบอกว่า ให้ระวังช่วงอายุ 15 เด็กคนนั้นเลยไม่เดินทาง
เป็นอันว่า เกิดจากการดูดวง ...เลยไม่ได้ไปด้วย
เมื่อถึงเวลา นักเรียนที่นับๆๆๆๆ กันมาว่า 30 กว่าคน กลับเหลือเพียง 22 คน
เพราะผู้ปกครองกลัวไข้หวัด 2009 กัน (กลัวที่สัตหีบ เพราะเพิ่มมีข่าวทหารเรือเสียชีวิต) จำนวนเด็กเลยน้อยลง
เมื่อรถมาถึง นักเรียนก็ร้องเพลงจนถึงนครสวรรค์ จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนกันร้องระหว่างครู - นักเรียน
ผมเองก็หลับๆตื่น ดีนะที่ซื้อที่อุดหูไป ไม่งั้น แย่แน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ความตื่นเต้นที่จะได้ไปทัศนศึกษา มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอื่นใดเกิดขึ้น
ผมนั่งเล่มคอมพิวเตอร์จนทุกคนในโรงเรียนกลับหมด และได้ทราบข่าวร้ายว่า มีนักเรียนขี่รถจักรยานยนต์ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถร่วมเดินทางได้
เพื่อนอีกคนหนึ่งของนักเรียนคนนั้นซึ่งได้ถอนตัวไปก่อนหน้านี้ เพราะว่า ไปดวงมา หมอดุบอกว่า ให้ระวังช่วงอายุ 15 เด็กคนนั้นเลยไม่เดินทาง
เป็นอันว่า เกิดจากการดูดวง ...เลยไม่ได้ไปด้วย
เมื่อถึงเวลา นักเรียนที่นับๆๆๆๆ กันมาว่า 30 กว่าคน กลับเหลือเพียง 22 คน
เพราะผู้ปกครองกลัวไข้หวัด 2009 กัน (กลัวที่สัตหีบ เพราะเพิ่มมีข่าวทหารเรือเสียชีวิต) จำนวนเด็กเลยน้อยลง
เมื่อรถมาถึง นักเรียนก็ร้องเพลงจนถึงนครสวรรค์ จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนกันร้องระหว่างครู - นักเรียน
ผมเองก็หลับๆตื่น ดีนะที่ซื้อที่อุดหูไป ไม่งั้น แย่แน่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
01 กรกฎาคม 2552
30 มิถุนายน 2552
มีหนังสือ 1 เล่ม คือมีครู 1 คน
เมื่อก่อน
ผมเคยได้ยินมาว่า "คุณมีหนังสือ 1 เล่ม คือคุณมีครู 1 คน"
หมายความว่า เมื่อมีปัญหา คุณเปิดหนังสืออ้างอิงได้
ผมเลยตัดสินใจซื้อหนังสือทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าจะสามารถใช้งานได้
ทุกวันนี้ ผมมีมหาวิทยาลัยครู "ส่วนตัว" แล้วครับ 555
ผมเคยได้ยินมาว่า "คุณมีหนังสือ 1 เล่ม คือคุณมีครู 1 คน"
หมายความว่า เมื่อมีปัญหา คุณเปิดหนังสืออ้างอิงได้
ผมเลยตัดสินใจซื้อหนังสือทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าจะสามารถใช้งานได้
ทุกวันนี้ ผมมีมหาวิทยาลัยครู "ส่วนตัว" แล้วครับ 555
29 มิถุนายน 2552
เคล็ดลับครูดีเด่น
วันนี้ขอนำเสนอ เคล็ดลับครูดีเด่น ฉบับ พิริยะ
1.มาสาย
(...ยังมาไม่ถึง)
2.บ่ายหลับ
3.เย็นกลับก่อน
คลิปลับครู แอบถ่ายครู
555 ถ่ายแล้วเอาไปให้นายดู ตัดคู่แข่ง 555
28 มิถุนายน 2552
วันที่อ่อนล้า
วันนี้เหนื่อยอ่อนมาก
ใครเลยจะรู้ว่า การเป็นครุเหนื่อยขนาดไหน ทั้งๆที่พยายามทำงานการสอนให้ดี แต่ก็ต้องมีอุปสรรคเพราะงานอื่นๆนี้แหละ เค้าบอกว่าเป็นงานที่สนับสนุนให้การศึกษาดีขึ้น
โธ่ ถ้าจะให้การศึกษาดีขึ้น เวลารับอัตราจ้าง-ธุรการ อย่าเล่นเส้นสิครับ
วันนี้เลยนอนทั้งวัน
นอน
นอน
นอน
เอาละ มาดูคลิปลับ คลิปหลุด คลิปน่ารัก กันดีกว่า
ใครเลยจะรู้ว่า การเป็นครุเหนื่อยขนาดไหน ทั้งๆที่พยายามทำงานการสอนให้ดี แต่ก็ต้องมีอุปสรรคเพราะงานอื่นๆนี้แหละ เค้าบอกว่าเป็นงานที่สนับสนุนให้การศึกษาดีขึ้น
โธ่ ถ้าจะให้การศึกษาดีขึ้น เวลารับอัตราจ้าง-ธุรการ อย่าเล่นเส้นสิครับ
วันนี้เลยนอนทั้งวัน
นอน
นอน
นอน
เอาละ มาดูคลิปลับ คลิปหลุด คลิปน่ารัก กันดีกว่า
เป็นไงบ้างครับ คลิปลับ ปังคุง
27 มิถุนายน 2552
เรื่องของเงิน
วันนี้ขี่รถมอเตอร์ไซต์ไปรับงาน
อย่างมาแหละครับ มันก็เรื่องของเงินๆๆๆๆ ใครบ้างละ ไม่อยากได้เงิน
เมื่อมีเงิน ก็มีข้อสงสัย ไม่เข้าใจมาตั้งนานว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก ที่เกี่ยวกับการฝากประจำเป็นอย่างไร เลยลองค้นมาดู
เมื่อคนหามาแล้ว ก็นำมาไว้ในที่นี้เลยนะครับ
บัญชีเงินฝาก
ธนาคารแทบทุกแห่งต่างก็จะมีลักษณะของบัญชีเงินฝากที่เหมือนๆกัน เพียงแต่อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปแค่นั้นเอง
บัญชีเงินฝาก
บัญชีปลอดภาษี เหมาะสำหรับการออมที่สุด
บัญชีออมทรัพย์บางธนาคารก็จะเรียกว่าบัญชีสะสมทรัพย์สมัยเด็กๆหากท่านมีบัญชีกับธนาคารออมสินท่านอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า เผื่อเรียกเสียมากกว่า คิดว่าทุกท่านก็คงจะมีบัญชีประเภทนี้อย่างน้อย 1 บัญชีอยู่แล้ว และทราบดีว่าบัญชีนี้ทำงานอย่างไร
เมื่อคุณเปิดบัญชีก็จะมีสมุดคู่ฝากโดยใช้บัตรประชาชนเพียงอย่างเดียว ท่านจะฝากจะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำกัดวงเงิน ตราบเท่าที่บัญชียังมีเงินอยู่ การฝากและถอนเงินอาศัยลายเซ็นเป็นสำคัญ แต่เพื่อความปลอดภัยอาจจะมีการขอดูบัตรประชาชนเวลาถอน เงินของท่านที่มีอยู่ในบัญชีจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด ซึ่งการคำนวนดอกเบี้ยจะคำนวนรายวันแล้วทบต้นให้ทุกๆ 6 เดือนท่านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรเลยยกเว้นว่าท่านจะมีบัตร ATM
แทบทุกธนาคารก็จะเสนอให้คุณมีบัตร ATM เพราะคุณก็จะสะดวกเวลาถอนเงินธนาคารก็ไม่ต้องจ้างแคชเชียร์เพิ่ม
ตามมาตรฐานคุณจะถอนผ่านบัตร ATM ได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน บางธนาคารอาจให้มากกว่านั้นหรือคุณจะไปยื่นเรื่องขอเองก็ได้ ยอดการถอนนี้ไม่เกี่ยวกับยอดการถอนจาก counter ปกติธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมค่าใช้บัตร 100 บาทต่อปี เวลาคุณเช็คยอดคงเหลือผ่านเครื่อง ATM ก็จะเห็นว่าถอนได้น้อยไปจากเงินที่มีอยู่ 100 บาทเสมอ เดี๋ยวนี้ธนาคารบางแห่งจะหันมาคิดค่าธรรมเนียมขูดรีดกับประชาชน โดยหากคุณมีเงินต่ำกว่า 500 บาท หรือขาดการติดต่อกับธนาคารเกิน 1 ปี เค้าจะหักเงินคุณเดือนละ 50 บาทบ้าง 100 บ้าง พอเงินหมดก็จะได้ปิดบัญชีไป เพราะฉะนั้นว่างๆก็ไปฝากซะบ้าง สองสามร้อยก็ยังดี หรือไม่ก็ปิดไปเลย
เดี๋ยวนี้หลายธนาคารเริ่มหันมาประชาสัมพันธ์บัญชีออมทรัพย์ที่ไม่มีสมุดคู่ฝากมากขึ้น โดยผู้ฝากจะไม่มีสมุดคู่ฝากแต่จะได้รับ statement ทุกๆสิ้นเดือนแทน เหมือนธนาคารในต่างประเทศ
...บัญชีฝากประจำ
ชื่อบัญชีอาจฟังดูสับสนนิดๆ บัญชีนี้ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องฝากเป็นประจำ แต่จะหมายถึงว่าคุณฝากแล้วต้องประจำที่ห้ามถอนระหว่างนั้น ทุกธนาคารก็จะให้บริการฝากประจำ 3,6,12,24 เดือน อัตราดอกเบี้ยอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารต้องการระดมเงินมากแค่ไหน โดยทั่วไปทุกธนาคารจะฮั้วกันเพราะถ้าที่ไหนอัตรดอกเบี้ยสูงคนก็จะเฮโลกันไปฝากทำให้ธนาคารมีต้นทุนสูงขึ้น
การฝากประจำ 3 เดือนหมายความว่าเมื่อท่านฝากแล้วระหว่างนั้นท่านไม่ควรถอน เพราะหากไม่ครบกำหนดธนาคารก็จะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้แม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าคุณฝากประจำประเภท 6 เดือนขึ้นไปหากถอนหลังจากผ่านไป 3 เดือนธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราออมทรัพย์ให้ เพียงแต่ถ้าน้อยกว่า 3 เดือนก็ไม่คิดให้เช่นกัน บัญชีประเภทนี้ ธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมไดๆ ทั้งสิ้น
การฝากเงินในแต่ละครั้งธนาคารจะมีหมายเลขประจำงวดให้ และการนับเวลา 3 เดือน (หรือ 6,12,24) จะนับตามวันที่ในปฏิทินไม่ใช่นับจำนวนวันที่ฝาก เช่นคุณฝากเงินวันที่ 25 มกราคม วันครบกำหนด 3 เดือนคือ 25 เมษายน ครบ 6 เดือนวันที่ 25 กรกฏาคม เป็นต้น การคำนวนดอกเบี้ยก็ นำเอาอัตราที่ประกาศหารด้วย 12 แล้วคูณจำนวนเดือน เช่นคุณฝากเงิน 30,000 ประจำ 3 เดือน ที่อัตรา 2-2.25 % ต่อปี เมื่อครบกำหนด คุณจะได้ดอกเบี้ย 168.75 บาท หักภาษี 15 % เหลือสุทธิ 143.44 บาท หากคุณไม่ถอนในวันครบกำหนด ดอกเบี้ยก็จะถูกรวมเข้ากับเงินต้นแล้วฝากประจำงวดต่อไปทันที ตามอัตราดอกเบี้ยใหม่ (ซึ่งอาจจะต่ำกว่าสูงกว่าหรือเท่าเดิมก็ได้) หมายเลขประจำงวดก็จะยังเหมือนเดิม
ข้อแนะนำในการฝากประจำก็คือควรดูแนวโน้มดอกเบี้ยว่าจะเป็นอย่างไร หากแนวโน้มดอกเบี้ยจะลดลงคุณก็ฝากประจำประเภทที่ยาวขึ้น เพราะถึงดอกเบี้ยจะลดลงในวันถัดมา อัตราที่ธนาคารจะจ่ายให้คุณเมื่อครบกำหนดก็จะยังคงเดิม ถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยจะสูงขึ้นคุณก็ควรฝากระยะ 3 เดือน เงินคุณก็จะได้เปลี่ยนไปรับดอกเบี้ยที่สูงกว่าได้เร็วขึ้น
หากคุณคิดว่าอาจจะมีความจำเป็นทางการเงินอีก 2 - 3 เดือนข้างหน้าแต่อยากฝากประจำเพราะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า (แต่ช่วงนี้ฝากออมทรัพย์ดีกว่า หักภาษีแล้วต่างกันไม่มาก) แทนที่คุณจะฝากทั้งก้อนเช่น 30,000 บาท ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน 5000 บาท ก็ต้องถอนทั้งก้อน ดอกเบี้ยก็ไม่ได้เลย คุณควรหันมาฝากทีละงวด เช่น ต้นเดือนมกราคม ฝาก 10,000 บาท ที่เหลืออยู่ในบัญชีออมทรัพย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ฝากอีก 10,000 บาท และต้นเดือนมีนาคม ฝากอีก 10,000 บาท พอต้นเดือนเมษายน เงินงวดแรกครบกำหนดหากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นฝากต่อไป คุณก็จะพบว่าทุกๆ ต้นเดือนก็จะถอนเงินได้ 10,000 บาทหากจำเป็น ถ้าต้องการมากกว่านั้น คุณก็ย้อนไปถอนงวดที่เพิ่งฝากไปเรื่อยๆ แต่วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกรณีดอกเบี้ยอยู่ในขาลง
บัญชีปลอดภาษี
หากคุณต้องการออมเงินระยะยาวตั้งแต่ 24 เดือนขึ้นไป อาจจะหันมาฝากบัญชีประเภทนี้แทนเพราะจะได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าบัญชีฝากประจำ 0.25 ? 0.75 % ต่อปี ส่วนข้อเสียก็คือคุณต้องฝากทุกงวด ๆ ละเท่าๆ กัน และขาดได้ไม่เกินที่ธนาคารกำหนด (เช่นไม่เกิน 2 เดือน หรือ 6 เดือนแล้วแต่ประเภทบัญชี) ข้อกำหนดทั่วไป จะมีดังนี้ บัญชีที่สามารถยกเว้นภาษีได้แก่ เพื่อการศึกษา เคหะ เพิ่มทรัพย์ วิวาห์ ชีวิต (ตัวอย่างของ ธ. ไทยพาณิชย์) จำนวนเงินฝากในแต่ละงวดไม่เกิน 25,000 เมื่อครบกำหนดเงินต้นต้องไม่เกิน 600,000 บาท ขาดฝากไม่เกิน 2 งวด ต้องฝากให้ครบกำหนดของแต่ละประเภทบัญชีที่ธนาคารกำหนด มีสิทธิขอยกเว้นภาษีได้ 1 คนต่อ 1 บัญชีเท่านั้น ต้องแจ้งหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในวันที่เปิด (ป้องกันบัญชีซ้ำซ้อน) อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารอาจจะมีข้อกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ (500 หรือ 1000 บาท) การผิดนัดฝากเงิน และอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักการแล้วคุณต้องฝากสม่ำเสมอจนกว่าจะครบกำหนด
ดอกเบี้ยที่ได้จะถูกนำมาทบต้นปีละ 2 ครั้งเหมือนบัญชีอื่นๆ ซึ่งบัญชีประเภทนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยู่ในระยะเริ่มแรกของการออม (หลังจากสะสมเงินฉุกเฉินไว้แล้ว) เช่นออมเงินไว้ดาวน์บ้าน ซื้อรถ เพื่อการศึกษา เป็นต้น
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นรายละเอียดของการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ในบ้านเรา
อย่างมาแหละครับ มันก็เรื่องของเงินๆๆๆๆ ใครบ้างละ ไม่อยากได้เงิน
เมื่อมีเงิน ก็มีข้อสงสัย ไม่เข้าใจมาตั้งนานว่า ดอกเบี้ยเงินฝาก ที่เกี่ยวกับการฝากประจำเป็นอย่างไร เลยลองค้นมาดู
เมื่อคนหามาแล้ว ก็นำมาไว้ในที่นี้เลยนะครับ
บัญชีเงินฝาก
ธนาคารแทบทุกแห่งต่างก็จะมีลักษณะของบัญชีเงินฝากที่เหมือนๆกัน เพียงแต่อาจจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไปแค่นั้นเอง
บัญชีเงินฝาก
บัญชีปลอดภาษี เหมาะสำหรับการออมที่สุด
บัญชีออมทรัพย์บางธนาคารก็จะเรียกว่าบัญชีสะสมทรัพย์สมัยเด็กๆหากท่านมีบัญชีกับธนาคารออมสินท่านอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า เผื่อเรียกเสียมากกว่า คิดว่าทุกท่านก็คงจะมีบัญชีประเภทนี้อย่างน้อย 1 บัญชีอยู่แล้ว และทราบดีว่าบัญชีนี้ทำงานอย่างไร
เมื่อคุณเปิดบัญชีก็จะมีสมุดคู่ฝากโดยใช้บัตรประชาชนเพียงอย่างเดียว ท่านจะฝากจะถอนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำกัดวงเงิน ตราบเท่าที่บัญชียังมีเงินอยู่ การฝากและถอนเงินอาศัยลายเซ็นเป็นสำคัญ แต่เพื่อความปลอดภัยอาจจะมีการขอดูบัตรประชาชนเวลาถอน เงินของท่านที่มีอยู่ในบัญชีจะได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด ซึ่งการคำนวนดอกเบี้ยจะคำนวนรายวันแล้วทบต้นให้ทุกๆ 6 เดือนท่านไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมอะไรเลยยกเว้นว่าท่านจะมีบัตร ATM
แทบทุกธนาคารก็จะเสนอให้คุณมีบัตร ATM เพราะคุณก็จะสะดวกเวลาถอนเงินธนาคารก็ไม่ต้องจ้างแคชเชียร์เพิ่ม
ตามมาตรฐานคุณจะถอนผ่านบัตร ATM ได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อวัน บางธนาคารอาจให้มากกว่านั้นหรือคุณจะไปยื่นเรื่องขอเองก็ได้ ยอดการถอนนี้ไม่เกี่ยวกับยอดการถอนจาก counter ปกติธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียมค่าใช้บัตร 100 บาทต่อปี เวลาคุณเช็คยอดคงเหลือผ่านเครื่อง ATM ก็จะเห็นว่าถอนได้น้อยไปจากเงินที่มีอยู่ 100 บาทเสมอ เดี๋ยวนี้ธนาคารบางแห่งจะหันมาคิดค่าธรรมเนียมขูดรีดกับประชาชน โดยหากคุณมีเงินต่ำกว่า 500 บาท หรือขาดการติดต่อกับธนาคารเกิน 1 ปี เค้าจะหักเงินคุณเดือนละ 50 บาทบ้าง 100 บ้าง พอเงินหมดก็จะได้ปิดบัญชีไป เพราะฉะนั้นว่างๆก็ไปฝากซะบ้าง สองสามร้อยก็ยังดี หรือไม่ก็ปิดไปเลย
เดี๋ยวนี้หลายธนาคารเริ่มหันมาประชาสัมพันธ์บัญชีออมทรัพย์ที่ไม่มีสมุดคู่ฝากมากขึ้น โดยผู้ฝากจะไม่มีสมุดคู่ฝากแต่จะได้รับ statement ทุกๆสิ้นเดือนแทน เหมือนธนาคารในต่างประเทศ
...บัญชีฝากประจำ
ชื่อบัญชีอาจฟังดูสับสนนิดๆ บัญชีนี้ไม่ใช่ว่าท่านจะต้องฝากเป็นประจำ แต่จะหมายถึงว่าคุณฝากแล้วต้องประจำที่ห้ามถอนระหว่างนั้น ทุกธนาคารก็จะให้บริการฝากประจำ 3,6,12,24 เดือน อัตราดอกเบี้ยอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับว่าธนาคารต้องการระดมเงินมากแค่ไหน โดยทั่วไปทุกธนาคารจะฮั้วกันเพราะถ้าที่ไหนอัตรดอกเบี้ยสูงคนก็จะเฮโลกันไปฝากทำให้ธนาคารมีต้นทุนสูงขึ้น
การฝากประจำ 3 เดือนหมายความว่าเมื่อท่านฝากแล้วระหว่างนั้นท่านไม่ควรถอน เพราะหากไม่ครบกำหนดธนาคารก็จะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้แม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าคุณฝากประจำประเภท 6 เดือนขึ้นไปหากถอนหลังจากผ่านไป 3 เดือนธนาคารจะคิดดอกเบี้ยอัตราออมทรัพย์ให้ เพียงแต่ถ้าน้อยกว่า 3 เดือนก็ไม่คิดให้เช่นกัน บัญชีประเภทนี้ ธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมไดๆ ทั้งสิ้น
การฝากเงินในแต่ละครั้งธนาคารจะมีหมายเลขประจำงวดให้ และการนับเวลา 3 เดือน (หรือ 6,12,24) จะนับตามวันที่ในปฏิทินไม่ใช่นับจำนวนวันที่ฝาก เช่นคุณฝากเงินวันที่ 25 มกราคม วันครบกำหนด 3 เดือนคือ 25 เมษายน ครบ 6 เดือนวันที่ 25 กรกฏาคม เป็นต้น การคำนวนดอกเบี้ยก็ นำเอาอัตราที่ประกาศหารด้วย 12 แล้วคูณจำนวนเดือน เช่นคุณฝากเงิน 30,000 ประจำ 3 เดือน ที่อัตรา 2-2.25 % ต่อปี เมื่อครบกำหนด คุณจะได้ดอกเบี้ย 168.75 บาท หักภาษี 15 % เหลือสุทธิ 143.44 บาท หากคุณไม่ถอนในวันครบกำหนด ดอกเบี้ยก็จะถูกรวมเข้ากับเงินต้นแล้วฝากประจำงวดต่อไปทันที ตามอัตราดอกเบี้ยใหม่ (ซึ่งอาจจะต่ำกว่าสูงกว่าหรือเท่าเดิมก็ได้) หมายเลขประจำงวดก็จะยังเหมือนเดิม
ข้อแนะนำในการฝากประจำก็คือควรดูแนวโน้มดอกเบี้ยว่าจะเป็นอย่างไร หากแนวโน้มดอกเบี้ยจะลดลงคุณก็ฝากประจำประเภทที่ยาวขึ้น เพราะถึงดอกเบี้ยจะลดลงในวันถัดมา อัตราที่ธนาคารจะจ่ายให้คุณเมื่อครบกำหนดก็จะยังคงเดิม ถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยจะสูงขึ้นคุณก็ควรฝากระยะ 3 เดือน เงินคุณก็จะได้เปลี่ยนไปรับดอกเบี้ยที่สูงกว่าได้เร็วขึ้น
หากคุณคิดว่าอาจจะมีความจำเป็นทางการเงินอีก 2 - 3 เดือนข้างหน้าแต่อยากฝากประจำเพราะได้ดอกเบี้ยสูงกว่า (แต่ช่วงนี้ฝากออมทรัพย์ดีกว่า หักภาษีแล้วต่างกันไม่มาก) แทนที่คุณจะฝากทั้งก้อนเช่น 30,000 บาท ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน 5000 บาท ก็ต้องถอนทั้งก้อน ดอกเบี้ยก็ไม่ได้เลย คุณควรหันมาฝากทีละงวด เช่น ต้นเดือนมกราคม ฝาก 10,000 บาท ที่เหลืออยู่ในบัญชีออมทรัพย์ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ฝากอีก 10,000 บาท และต้นเดือนมีนาคม ฝากอีก 10,000 บาท พอต้นเดือนเมษายน เงินงวดแรกครบกำหนดหากไม่จำเป็นต้องใช้ก็ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นฝากต่อไป คุณก็จะพบว่าทุกๆ ต้นเดือนก็จะถอนเงินได้ 10,000 บาทหากจำเป็น ถ้าต้องการมากกว่านั้น คุณก็ย้อนไปถอนงวดที่เพิ่งฝากไปเรื่อยๆ แต่วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกรณีดอกเบี้ยอยู่ในขาลง
บัญชีปลอดภาษี
หากคุณต้องการออมเงินระยะยาวตั้งแต่ 24 เดือนขึ้นไป อาจจะหันมาฝากบัญชีประเภทนี้แทนเพราะจะได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าบัญชีฝากประจำ 0.25 ? 0.75 % ต่อปี ส่วนข้อเสียก็คือคุณต้องฝากทุกงวด ๆ ละเท่าๆ กัน และขาดได้ไม่เกินที่ธนาคารกำหนด (เช่นไม่เกิน 2 เดือน หรือ 6 เดือนแล้วแต่ประเภทบัญชี) ข้อกำหนดทั่วไป จะมีดังนี้ บัญชีที่สามารถยกเว้นภาษีได้แก่ เพื่อการศึกษา เคหะ เพิ่มทรัพย์ วิวาห์ ชีวิต (ตัวอย่างของ ธ. ไทยพาณิชย์) จำนวนเงินฝากในแต่ละงวดไม่เกิน 25,000 เมื่อครบกำหนดเงินต้นต้องไม่เกิน 600,000 บาท ขาดฝากไม่เกิน 2 งวด ต้องฝากให้ครบกำหนดของแต่ละประเภทบัญชีที่ธนาคารกำหนด มีสิทธิขอยกเว้นภาษีได้ 1 คนต่อ 1 บัญชีเท่านั้น ต้องแจ้งหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีในวันที่เปิด (ป้องกันบัญชีซ้ำซ้อน) อย่างไรก็ตามแต่ละธนาคารอาจจะมีข้อกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ (500 หรือ 1000 บาท) การผิดนัดฝากเงิน และอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักการแล้วคุณต้องฝากสม่ำเสมอจนกว่าจะครบกำหนด
ดอกเบี้ยที่ได้จะถูกนำมาทบต้นปีละ 2 ครั้งเหมือนบัญชีอื่นๆ ซึ่งบัญชีประเภทนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยู่ในระยะเริ่มแรกของการออม (หลังจากสะสมเงินฉุกเฉินไว้แล้ว) เช่นออมเงินไว้ดาวน์บ้าน ซื้อรถ เพื่อการศึกษา เป็นต้น
ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นรายละเอียดของการฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ในบ้านเรา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ