ผม backup ข้อมูลลง maxtor ปรากฎว่าสถานะไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะไฟล์ Thumbs.db จึงลองหาวิธีลบดูครับ ต้องขอบคุณผู้เขียนบทความคนแรกที่ผมนำมาด้วยนะครับ พอดีลืมไปว่าเอามาจากไป ต้องขออภัยด้วยนะครับ
ไฟล์ Thumbs.db จะถูกสร้างขึ้นเมื่อเปิดข้อมูลใช้งานบ่อย ๆ เป็นไฟล์สำหรับเรียกซ้ำข้อมูลเดิม ประโยชน์ของมันคือ ทำให้การเรียกใช้งานไฟล์นั้น ๆ ทำได้รวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียคือ มันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปิดใช้งานบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราลบไฟล์นี้ออกไปก็จะทำให้มีพื้นที่ว่างของฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้นยังไงล่ะ มีด้วยกันอยู่ 2 วิธีนะ ใครจะทำวิธีไหนก็ได้นะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
วิธีที่ 1
1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer แล้วเลือกคำสั่ง Tools > Folder Options แล้วคลิกที่แท็บ View2. จากนั้นคลิกเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Do not cache thumbnails 3. ที่ Hidden files and folders ให้คลิกที่ตัวเลือก Show hidden files and folders แล้วคลิก OK4. ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลบไฟล์ Thumbs.db กัน ให้คุณคลิกที่ Start > Search > for Files or Folders..5. แล้วคลิกที่ All file and folders ( จะอยู่ฝั่งขวามือ) จากนั้นพิมพ์ Thumbs.db ลงไปที่ All or part of the name: แล้วคลิก Search
6. เมื่อเจอไฟล์เหล่านี้แล้วก็คิ๊กเลือกทั้งหมดแล้วจัดการลบได้เลยค่ะ
วิธีที่ 2
1. คลิ๊ก Start > Run > พิมพ์ว่า GPEDIT.MSC เพื่อเรียกโปรแกรม Group Policy ขึ้นมา จากนั้นให้ไปที่ User Configuration > Administrative Templates > Windows Components > Windows Explorer
2. มาดูที่ช่องด้านขวาให้หาคลิ๊กคำว่า Turn off caching of thumbnail pictures จากนั้นคลิ๊กขวาแล้วเลือก Properties แล้วเลือก Enabled แล้วกดปุ่ม OK
30 พฤษภาคม 2552
28 พฤษภาคม 2552
เมื่อครูบ้านนอก รอเช็คจาก google adsense
ในที่สุด ก็ได้ครบ 100 เหรียญสักที
หลังจากที่ลองผิดลองถูก ทำ adsense มาตั้งนาน เริ่มตั้งแต่ พย. 51 จึงถึงวันนี้ก็ร่วม 5 เดือนแล้ว สรุปยอดเดือน เมษายนคือ 106 เหรียญกว่า
อาจจะดูน้อยครับ แต่ก็ภูมิใจ เพราะค่อยๆทำ ค่อยคิด ค่อยลอง เอาไปติดเว็บโน้น เว็บนี้ และเมื่อลองสืบค้นดู พบว่าบางท่านทำมาเกือนปี ยังไม่ถึง 100 เหรียญเลย นั่นก็แสดงว่า เราก็ทำสำเร็จแล้ว
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ทำนะครับ
เพราะหาดกคิดเล่นๆว่า ทำเพื่อสร้างรายได้เสริมเพื่อหาเงินมาเช่าพื้นที่ทำเว็บ ก็สบายใจดีครับ... ไม่รีบร้อน ไม่เดือดร้อน
(แต่ถ้าได้เยอะๆ ก็ดีนะครับ)
อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับของ adsense คือ "อย่าโกง"
เพราะการกินน้อยๆ แต่นานๆ จะช่วยได้ครับ
โลกนี้ มีที่ให้คนซื่อสัตย์ยืนเสมอครับ ที่สำคัญ ไม่ต้องหนีคดีด้วยนะครับ อิอิ
................................
Thailand Travel Memo
หลังจากที่ลองผิดลองถูก ทำ adsense มาตั้งนาน เริ่มตั้งแต่ พย. 51 จึงถึงวันนี้ก็ร่วม 5 เดือนแล้ว สรุปยอดเดือน เมษายนคือ 106 เหรียญกว่า
อาจจะดูน้อยครับ แต่ก็ภูมิใจ เพราะค่อยๆทำ ค่อยคิด ค่อยลอง เอาไปติดเว็บโน้น เว็บนี้ และเมื่อลองสืบค้นดู พบว่าบางท่านทำมาเกือนปี ยังไม่ถึง 100 เหรียญเลย นั่นก็แสดงว่า เราก็ทำสำเร็จแล้ว
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ทำนะครับ
เพราะหาดกคิดเล่นๆว่า ทำเพื่อสร้างรายได้เสริมเพื่อหาเงินมาเช่าพื้นที่ทำเว็บ ก็สบายใจดีครับ... ไม่รีบร้อน ไม่เดือดร้อน
(แต่ถ้าได้เยอะๆ ก็ดีนะครับ)
อย่างไรก็ตาม เคล็ดลับของ adsense คือ "อย่าโกง"
เพราะการกินน้อยๆ แต่นานๆ จะช่วยได้ครับ
โลกนี้ มีที่ให้คนซื่อสัตย์ยืนเสมอครับ ที่สำคัญ ไม่ต้องหนีคดีด้วยนะครับ อิอิ
................................
Thailand Travel Memo
27 พฤษภาคม 2552
เรียนฟรี 15 ปี !!
นโยบายรัฐบาลต้องการจัดการเรียนการศึกษาอย่างมีคุณภาพตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย และปวช.โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และต้องการรับฟังความคิดเห็นเพื่อช่วยหาแนวทางทำให้การจัดสรรตำราและอุปกรณ์การเรียน และชุดนักเรียน รวมทั้งกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เพื่อนำแนวทางไปประกอบการพิจารณา นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอให้จัดทำเป็นคูปองเพื่อการศึกษา เป็นการคืนอำนาจให้ผู้ปกครองและนักเรียนเป็นผู้บอกว่าต้องการอะไร ไม่ใช่จัดสรรไปจากส่วนกลาง โดยนักเรียนทุกคนมีสิทธิ์ได้รับคูปองเพื่อนำไปแลกอุปกรณ์การเรียน อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้แจกหนังสือครบทั้ง 8 กลุ่มสาระ เพราะจะเป็นการดึงเด็กเข้าห้องเรียน ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียน อีกทั้งไม่ควรพิมพ์หนังสือที่จะเปลี่ยนหลักสูตรใหม่ในอีก 1-2 ปี เพราะจะทำให้เสียงบประมาณถึง 100 ล้านบาท พร้อมกันนี้ขอเสนอให้มีคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติอุปกรณ์การเรียนให้ดี เพื่อป้องกันการทุจริต นายวรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรมช.ศึกษาฯ กล่าวว่า ขอให้มีการทำความเข้าใจกับสังคมในการใช้จ่ายด้านต่างๆ และให้พิจารณาการกระจายงบประมาณเท่ากันทั่วประเทศ เพราะคุณภาพการศึกษาของพื้นที่ต่างๆ จะไม่เท่ากัน ให้แบ่งงบประมาณในเมืองให้ชนบทมากกว่า ทั้งนี้ไม่อยากเห็นการทุจริตซ้ำซากเหมือนกรณีโครงการดื่มนมฟรี อีกทั้งรัฐบาลควรดูแลครอบคลุมถึงโรงเรียนสงเคราะห์ และโรงเรียนพระสงฆ์ด้วย นายสุขุม เฉลยทรัพย์ รองอธิการบดีฝ่ายศูนย์การศึกษา ม.ราชภัฏสวนดุสิต กล่าวว่า ควรส่งเสริมให้เกิดการแสดงน้ำใจของคนที่มีอยู่แล้วสละสิทธิ์ให้คนที่ด้อยกว่า ทั้งนี้เห็นด้วยกับการใช้คูปอง แต่ควรระวังว่าจะเกิดตลาดมืด และการตกเขียว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งสพฐ.จะสรุปความคิดเห็นเสนอรมว.ศึกษาฯ เพื่อพิจารณาในวันที่ 2 ก.พ.นี้
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 30 มกราคม 2552
ในที่สุดก็โกงจนได้
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 30 มกราคม 2552
ในที่สุดก็โกงจนได้
26 พฤษภาคม 2552
ความทุจริตย่อมนำความเสียหายมาสู่องค์กร
ช่วงนี้มีการสอบแข่งขันหลายอย่าง
ทั้งการสอบเข้ารับราชการ
การสอบเป็นพนักงานราชการ
การสอบเป็นสายสนับสนุน
หลายต่อหลายอย่างต้องมีการตั้งกฎเกณฑ์ กติกา และคณะกรรมการ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานการศึกษาจะไม่มี...
- การทุจริตในการสอบบรรจุ
- การใช้เส้นสายดึงเอาลูกหลานมาทำงาน
- การใช้เงินซื้อตำแหน่ง
- การยอมพลีกายแลกกับความก้าวหน้า
- การย้ายเอาคนของตนเองมาทำงานใกล้ชิด เพื่อทำให้การโกวทำได้ง่ายๆ
- การตั้งโครงการจ้างชั่วคราว เพื่อเปิดช่องให้สอบบรรจุได้
- การขายข้อสอบ ข้อสอบรั่ว
- การตรวจเฉพาะชื่อคนสอบ (ไม่ดูคะแนน)
เหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องทุจริต และสังคมองค์กรก็จะล่มสลาย
ลองคิดดูว่า ไม่สนใจคุณสมบัติของผู้สอบ ดูเพียงแต่ชื่อ - นามสกุล ว่าตรวงกันกับที่รับเงินไว้หรือไม่ ใช่ญาติเราหรือไม่ คนเหล่านี้ก็จะทไงนไม่เป็น หรือถ้าจะบอกว่าเรียนรู้งานได้ ถึงเวลาจริงๆก็ไม่สนใจ เพราะถึอว่า "ฉันเป็นเด็กนาย"
ระบบการคัดเลือกที่โปร่งใส ย่อมนำคนดีมีฝีมือมาสู่องค์กร
จำไว้นะครับ ถ้าองค์กรยังอยู่ได้ แสดงว่ายังมีคนดี ไม่เน้นเส้นสายอยู่
และบาปกรรมของคนที่ โกง สักวันหนึ่ง เขาจะไม่มีบ้านอยู่ยามเกษียณ และข้อความช่วยเหลือใครไม่ได้ เนื่องจากใช้อำนาจในทางที่ผิด
ทั้งการสอบเข้ารับราชการ
การสอบเป็นพนักงานราชการ
การสอบเป็นสายสนับสนุน
หลายต่อหลายอย่างต้องมีการตั้งกฎเกณฑ์ กติกา และคณะกรรมการ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หน่วยงานการศึกษาจะไม่มี...
- การทุจริตในการสอบบรรจุ
- การใช้เส้นสายดึงเอาลูกหลานมาทำงาน
- การใช้เงินซื้อตำแหน่ง
- การยอมพลีกายแลกกับความก้าวหน้า
- การย้ายเอาคนของตนเองมาทำงานใกล้ชิด เพื่อทำให้การโกวทำได้ง่ายๆ
- การตั้งโครงการจ้างชั่วคราว เพื่อเปิดช่องให้สอบบรรจุได้
- การขายข้อสอบ ข้อสอบรั่ว
- การตรวจเฉพาะชื่อคนสอบ (ไม่ดูคะแนน)
เหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องทุจริต และสังคมองค์กรก็จะล่มสลาย
ลองคิดดูว่า ไม่สนใจคุณสมบัติของผู้สอบ ดูเพียงแต่ชื่อ - นามสกุล ว่าตรวงกันกับที่รับเงินไว้หรือไม่ ใช่ญาติเราหรือไม่ คนเหล่านี้ก็จะทไงนไม่เป็น หรือถ้าจะบอกว่าเรียนรู้งานได้ ถึงเวลาจริงๆก็ไม่สนใจ เพราะถึอว่า "ฉันเป็นเด็กนาย"
ระบบการคัดเลือกที่โปร่งใส ย่อมนำคนดีมีฝีมือมาสู่องค์กร
จำไว้นะครับ ถ้าองค์กรยังอยู่ได้ แสดงว่ายังมีคนดี ไม่เน้นเส้นสายอยู่
และบาปกรรมของคนที่ โกง สักวันหนึ่ง เขาจะไม่มีบ้านอยู่ยามเกษียณ และข้อความช่วยเหลือใครไม่ได้ เนื่องจากใช้อำนาจในทางที่ผิด
25 พฤษภาคม 2552
เดินทางไกล
ฉันเดินไกลมาหายวัน
ฉันเดินไกล มาหลายปี
มาวันนี้จึงภูมิใจ
ฉันสอนเด็กมาหลายคน
ฉันสอนเด็กมาหลายดี
มาวันนี้จึงภูมิใจ
แม้จะเดินไปอีกไกลแค่ไหน ฉันขอเพียงเด็กๆของฉัน เดินไกลต่อไป ไกลจนกว่าประเทศไทย จะมีระบบการศึกษาที่ดี
...........................................................
Thailand
ฉันเดินไกล มาหลายปี
มาวันนี้จึงภูมิใจ
ฉันสอนเด็กมาหลายคน
ฉันสอนเด็กมาหลายดี
มาวันนี้จึงภูมิใจ
แม้จะเดินไปอีกไกลแค่ไหน ฉันขอเพียงเด็กๆของฉัน เดินไกลต่อไป ไกลจนกว่าประเทศไทย จะมีระบบการศึกษาที่ดี
...........................................................
Thailand
24 พฤษภาคม 2552
อย่าหวังเป็นครู เพราะความมั่นคง
สวัสดีครับ
มีหลายคนอยากเป็นครูเพราะรักเด็ก บางคนอยากให้เด็กๆได้รับความรู้ บางคนอยากพัฒนาชาติ และบางคนอยากมีอาชีพที่มั่นคง
คงต้องยอมรับว่า แม้จะมีการยุบโรงงาน ยุบบริษัท ข้าราชการครูย่อมไม่มีวันถูกไล่ออก
...แต่รู้ไหมว่า
- ครู ต้องเสียสละตั้งแต่ฝึกสอน
- ครู เริ่มต้นด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด
- ครู ไม่แสวงหาผลประโยชน์จากผู้เรียน
- ครู ต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางผู้บังคับบัญชาบังคับ ออกคำสั่งให้ไป เพราะได้งบประมาณตอบแทน
- ครู ต้องซื้ออุปกรณ์ประกอบการสอนเอง ทั้งๆที่เงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ก็ไม่มี
- ครู แอบนอนกลางวันก็โดนด่า ที่ง่วงเพราะต้องเอางานของโรงเรียนกลับไปทำจนสว่าง
- ครู ต้องรับรู้การนินทา แม้ว่าไม่อยากจะฟัง (จากปากครูคนอื่น)
- ครู ต้องเสี่ยงกับคมกระสุน และการฆ่าตัดคอ
- ครู ต้องทำงานตามนโยบายของคนที่คิด ในห้องแอร์
- ครู ต้องเดินทางไกล เพียงไปสอน เพราะบ้านพักครูไม่พอ
- ครู ต้องทำผลงานวิชาการ เพื่อแลกกับเงินที่ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- ครู ไม่มีโบนัส (ยกเว้นรัฐบาลไทยรักไทย)
- ครู ห้ามยุ่งกับการเมือง แต่ต้องไปเลือกตั้ง ใครไม่ไป ตาย
- ครู ต้องเดินทางไปอบรมด้วยเงินของตนเอง เบิกไม่ได้ (เบิกได้ก็ 100 เดียว)
- ครู (บางคน) ต้องใส่ทองปลอม เพราะเวลาไปร่วมงานชาวบ้าน เค้าชอบมองคอครู
- ครู ต้องผ่อนรถ เพราะไม่มีปัญญาซื้อสด พอเวลามีปัญหา ก็โดนเค้าด่าว่า ไม่รู้จักพอเพียง ลองอ่าน "อาชีพครู ผู้รับใช้ที่ถูกประนาม" (อ่านเลยนะ)
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ส่วนเดียวเท่านั้น
ใครที่มา copy ไป กรุณาแจ้งว่า นำมาจาก http://seal2thai.blogspot.com เพื่อจะได้ให้คนอยากเป็นครู กลับเข้ามาอ่าน กลับมาแสดงความเห็น กลับมาตอบหัวใจตัวเองว่า ...
... ยังอยากเป็นครูอีกหรือไม่
มีหลายคนอยากเป็นครูเพราะรักเด็ก บางคนอยากให้เด็กๆได้รับความรู้ บางคนอยากพัฒนาชาติ และบางคนอยากมีอาชีพที่มั่นคง
คงต้องยอมรับว่า แม้จะมีการยุบโรงงาน ยุบบริษัท ข้าราชการครูย่อมไม่มีวันถูกไล่ออก
...แต่รู้ไหมว่า
- ครู ต้องเสียสละตั้งแต่ฝึกสอน
- ครู เริ่มต้นด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด
- ครู ไม่แสวงหาผลประโยชน์จากผู้เรียน
- ครู ต้องไปเข้าร่วมกิจกรรมที่ทางผู้บังคับบัญชาบังคับ ออกคำสั่งให้ไป เพราะได้งบประมาณตอบแทน
- ครู ต้องซื้ออุปกรณ์ประกอบการสอนเอง ทั้งๆที่เงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ก็ไม่มี
- ครู แอบนอนกลางวันก็โดนด่า ที่ง่วงเพราะต้องเอางานของโรงเรียนกลับไปทำจนสว่าง
- ครู ต้องรับรู้การนินทา แม้ว่าไม่อยากจะฟัง (จากปากครูคนอื่น)
- ครู ต้องเสี่ยงกับคมกระสุน และการฆ่าตัดคอ
- ครู ต้องทำงานตามนโยบายของคนที่คิด ในห้องแอร์
- ครู ต้องเดินทางไกล เพียงไปสอน เพราะบ้านพักครูไม่พอ
- ครู ต้องทำผลงานวิชาการ เพื่อแลกกับเงินที่ได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
- ครู ไม่มีโบนัส (ยกเว้นรัฐบาลไทยรักไทย)
- ครู ห้ามยุ่งกับการเมือง แต่ต้องไปเลือกตั้ง ใครไม่ไป ตาย
- ครู ต้องเดินทางไปอบรมด้วยเงินของตนเอง เบิกไม่ได้ (เบิกได้ก็ 100 เดียว)
- ครู (บางคน) ต้องใส่ทองปลอม เพราะเวลาไปร่วมงานชาวบ้าน เค้าชอบมองคอครู
- ครู ต้องผ่อนรถ เพราะไม่มีปัญญาซื้อสด พอเวลามีปัญหา ก็โดนเค้าด่าว่า ไม่รู้จักพอเพียง ลองอ่าน "อาชีพครู ผู้รับใช้ที่ถูกประนาม" (อ่านเลยนะ)
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ส่วนเดียวเท่านั้น
ใครที่มา copy ไป กรุณาแจ้งว่า นำมาจาก http://seal2thai.blogspot.com เพื่อจะได้ให้คนอยากเป็นครู กลับเข้ามาอ่าน กลับมาแสดงความเห็น กลับมาตอบหัวใจตัวเองว่า ...
... ยังอยากเป็นครูอีกหรือไม่
23 พฤษภาคม 2552
ความผูกพันธ์ ของครูและลูกศิษย์
เมื่อหลายวันก่อน ผมมีโอกาสได้คุยกับลูกศิษย์คนหนึ่งทาง MSN
ลูกศิษย์คนนี้เป็นผู้หญิง และอายุห่างจากผมเพียง 5 ปี ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่ - น้อง กันได้
แต่สิ่งที่น้องๆที่เรียนครู และกำลังจะไปเป็นครูจงจำไว้ "อย่าเผลอใช้คำว่าพี่ ขณะฝึกสอน / เวลาสอน" เด็ดขาด
เพราะเมื่อมีการใช้ครั้งแรกแล้ว นักเรียนจะเรียกอย่างนั้นตลอด ส่งผลให้เราดูไม่ดีในสายตาของครูรุ่นเก๋าๆ
ดังนั้น ผมเลยไม่มีการใช้คำว่าพี่ กับนักเรียนคนใดใด
...หลังจากที่ไม่ได้คุยกับนักเรียนคนนี้มา 2 ปี (โห นานเนาะ)
บังเอิญว่า นักเรียนคนนี้กำลังเล่นเกมส์ และผมกำลังอัพเว็บอยู่ ก็มีโอกาสพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง
ทั้งนี้เพราะการที่เป็นครู จะต้องเป็นทั้งพ่อแม่ เป็นทั้งคนสั่งสอนอบรม และเป็นพี่ให้ได้
ครูหลายคนวางตัวดี มีนักเรียนเกรง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเด็กได้ทัน เพราะเด็กไม่กล้าเล่าความจริงให้ฟัง
ครูจะต้องเป็นบุคคลที่กล้ารับฟัง แซวเด็กบ้างในบางเรื่อง หัดให้คำว่าขอบคุณ เวลาใช้งานเด็ก ลองนึกดูว่า ถ้าไม่มีเด็กทำงานในบางอย่างให้ เราก็อาจจะทำไม่เสร็จอย่างรวดเร็วได้
การที่จะทำให้เด็กยอมรับได้นั้น ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่พูดคุยกับเด็ก ไม่ใช่ว่าเด็กมาปรึกษาเรื่องอะไร พอถึงวงข้าวครู ก็จับกลุ่มนินทาสนุกสนาน แบบนี้เป็นเพียงแค่คนมีอาชีพครู ไม่ใช่คนที่มีวิญญาณครู
ย้อนกลับมาเรื่องที่พูดคุยกันคืนนั้น
เราก็คุยกันในเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียน และเรื่องทั่วไปของวัยรุ่น
สิ่งที่ต้องเตือน สิ่งที่ต้องสอน ก็ต้องบอกไป เพราะเราต้องถือว่า เราผ่านประสบการณ์อะไรต่างๆมามาก และเรามีความจริงใจกับเขา
เพราะถ้าไม่จริงใจ... ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตักเตือน
ผมเชื่อว่า ครูหลายๆคนต้องมีความรู้สึกแบบผม
คือ ดีใจ เมื่อลูกศิษย์ได้ดี ประสบความสำเร็จ และเป็นคนดี
ทุกครั้งที่ได้คุยกับศิษย์คนอื่นๆ ผมก็จะถามว่า "เรียนหนักไหม"
ทั้งนี้เพราะผมได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว
แม้ว่าผมจะได้สินลูกศิษย์กลุ่มนั้นเพียง 5 เดือน (1 เทอม)
แต่ผมยอมรับว่า ผมรักลูกศิษย์กลุ่มนั้นจริงๆ
หากวันนี้เค้าเรียกผมว่าพี่ ผมก็จะบอกว่า "ไอ้น้องรัก พยายามเข้า ชาติรอเราอยู่"
ลูกศิษย์คนนี้เป็นผู้หญิง และอายุห่างจากผมเพียง 5 ปี ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นพี่ - น้อง กันได้
แต่สิ่งที่น้องๆที่เรียนครู และกำลังจะไปเป็นครูจงจำไว้ "อย่าเผลอใช้คำว่าพี่ ขณะฝึกสอน / เวลาสอน" เด็ดขาด
เพราะเมื่อมีการใช้ครั้งแรกแล้ว นักเรียนจะเรียกอย่างนั้นตลอด ส่งผลให้เราดูไม่ดีในสายตาของครูรุ่นเก๋าๆ
ดังนั้น ผมเลยไม่มีการใช้คำว่าพี่ กับนักเรียนคนใดใด
...หลังจากที่ไม่ได้คุยกับนักเรียนคนนี้มา 2 ปี (โห นานเนาะ)
บังเอิญว่า นักเรียนคนนี้กำลังเล่นเกมส์ และผมกำลังอัพเว็บอยู่ ก็มีโอกาสพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง
ทั้งนี้เพราะการที่เป็นครู จะต้องเป็นทั้งพ่อแม่ เป็นทั้งคนสั่งสอนอบรม และเป็นพี่ให้ได้
ครูหลายคนวางตัวดี มีนักเรียนเกรง แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเด็กได้ทัน เพราะเด็กไม่กล้าเล่าความจริงให้ฟัง
ครูจะต้องเป็นบุคคลที่กล้ารับฟัง แซวเด็กบ้างในบางเรื่อง หัดให้คำว่าขอบคุณ เวลาใช้งานเด็ก ลองนึกดูว่า ถ้าไม่มีเด็กทำงานในบางอย่างให้ เราก็อาจจะทำไม่เสร็จอย่างรวดเร็วได้
การที่จะทำให้เด็กยอมรับได้นั้น ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลที่พูดคุยกับเด็ก ไม่ใช่ว่าเด็กมาปรึกษาเรื่องอะไร พอถึงวงข้าวครู ก็จับกลุ่มนินทาสนุกสนาน แบบนี้เป็นเพียงแค่คนมีอาชีพครู ไม่ใช่คนที่มีวิญญาณครู
ย้อนกลับมาเรื่องที่พูดคุยกันคืนนั้น
เราก็คุยกันในเรื่องที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียน และเรื่องทั่วไปของวัยรุ่น
สิ่งที่ต้องเตือน สิ่งที่ต้องสอน ก็ต้องบอกไป เพราะเราต้องถือว่า เราผ่านประสบการณ์อะไรต่างๆมามาก และเรามีความจริงใจกับเขา
เพราะถ้าไม่จริงใจ... ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตักเตือน
ผมเชื่อว่า ครูหลายๆคนต้องมีความรู้สึกแบบผม
คือ ดีใจ เมื่อลูกศิษย์ได้ดี ประสบความสำเร็จ และเป็นคนดี
ทุกครั้งที่ได้คุยกับศิษย์คนอื่นๆ ผมก็จะถามว่า "เรียนหนักไหม"
ทั้งนี้เพราะผมได้ผ่านจุดนั้นมาแล้ว
แม้ว่าผมจะได้สินลูกศิษย์กลุ่มนั้นเพียง 5 เดือน (1 เทอม)
แต่ผมยอมรับว่า ผมรักลูกศิษย์กลุ่มนั้นจริงๆ
หากวันนี้เค้าเรียกผมว่าพี่ ผมก็จะบอกว่า "ไอ้น้องรัก พยายามเข้า ชาติรอเราอยู่"
21 พฤษภาคม 2552
เมื่อครูบ้านนอก งมหาข้อผิดพลาดของ OsCommerce
จากการที่เว็บ Hosting ได้ย้ายการขอใช้บริการ บริษัทแห่งหนึ่ง เพราะถูกโจมตีฐานข้มูล SQL ซึ่งลักษณะดังกล่าวไม่ได้ถูกขโมยข้อมูล ผู้ประสงค์ร้ายก็เลยใช้วิธีส่งข้อมูลเข้า Mysql ของเว็บใด เว็บหนึ่ง
ส่งผลให้เว็บอื่นๆในเครือข่ายของผู้ให้บริการ ล่มเหมือนกันหมด
สร้างความเสียหายมาก (ยอมรับว่า คนที่ทำ เลวจริงๆ รู้ไหมว่า มีคนเดือนร้อนมากมายขนาดไหน)
ทีนี้เมื่อมีการย้ายฐานข้อมูลมา ทำให้บางเว็บมีข้อมูลสูญหาย บางเว็บต้อง setup ใหม่หมดเลย
ในตอนนี้แหละ ทำให้ผมเรียนรู้ว่า
1. การทำเว็บด้วยโค๊ด HTML ดีที่สุด sql ล่ม ก็ยังใช้ได้ ข้อมูลเสียหาย ก็อัพ ได้
2. ต้องสำรองฐานข้อมูลบ่อยๆ และเน้นที่ฐานข้อมูลของระบบ CMS
3. เรียนรู้ในการป้องกัน ไม่เปิดช่องว่างให้ถูกโจมตี
4. คนที่ทำเลว แล้วสะใจ อย่าไปโกรธเคือง เพราะเขาคนนั้นมีวุฒิภาวะต่ำ อีกทั้งยังอาจขาดการเลี้ยงดูสั่งสอนที่ดี
ทีนี้เมื่อมาหาข้อผิดพลาดของ OsCommerce พบว่า พาทของฐานข้อมูลอันเก่าของเว็บไม่เหมือนกัน
และเวอร์ชั่นของ server ก็มี พาทการเรียกข้อมูลไม่เหมือนกัน
เอาเถอะ เรียนรู้เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ
อนาคต รวยแน่นอน โดยเฉพาะ Adsense
ส่งผลให้เว็บอื่นๆในเครือข่ายของผู้ให้บริการ ล่มเหมือนกันหมด
สร้างความเสียหายมาก (ยอมรับว่า คนที่ทำ เลวจริงๆ รู้ไหมว่า มีคนเดือนร้อนมากมายขนาดไหน)
ทีนี้เมื่อมีการย้ายฐานข้อมูลมา ทำให้บางเว็บมีข้อมูลสูญหาย บางเว็บต้อง setup ใหม่หมดเลย
ในตอนนี้แหละ ทำให้ผมเรียนรู้ว่า
1. การทำเว็บด้วยโค๊ด HTML ดีที่สุด sql ล่ม ก็ยังใช้ได้ ข้อมูลเสียหาย ก็อัพ ได้
2. ต้องสำรองฐานข้อมูลบ่อยๆ และเน้นที่ฐานข้อมูลของระบบ CMS
3. เรียนรู้ในการป้องกัน ไม่เปิดช่องว่างให้ถูกโจมตี
4. คนที่ทำเลว แล้วสะใจ อย่าไปโกรธเคือง เพราะเขาคนนั้นมีวุฒิภาวะต่ำ อีกทั้งยังอาจขาดการเลี้ยงดูสั่งสอนที่ดี
ทีนี้เมื่อมาหาข้อผิดพลาดของ OsCommerce พบว่า พาทของฐานข้อมูลอันเก่าของเว็บไม่เหมือนกัน
และเวอร์ชั่นของ server ก็มี พาทการเรียกข้อมูลไม่เหมือนกัน
เอาเถอะ เรียนรู้เพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ
อนาคต รวยแน่นอน โดยเฉพาะ Adsense
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ