บางคนแสดงออกด้วยความรู้สึกจริงจังทางการเมือง (และการศึกษา)
บางคนแสดงออกด้วยความรู้สึกสบายๆ แต่แอบล้อเลียนไปบาง
ครูบ้านนอกได้มีโอกาสอ่านบทความของมติชนออนไลน์ จึงอยากนำเสนอไว้เป็นประวัติศาสตร์ตรงนี้บ้าง ว่าคนอื่นๆ เค้าคิดเห็นกันอย่างไรครับ
ภาพจาก ห่วยตูน
ภาพจาก เฮ้ย! นี่มันตัดต่อชัด ชัด
กระแสเทไปที่การถล่ม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จนกระทั่ง เพจ Go6 TV Community Page ได้นำข้อความจากผู้ที่ใช้ชื่อว่า Twentytwo moon มาแชร์ ซึ่งจากการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ พบว่าเป็นข้อความจากเฟสบุคของนักข่าวประจำกระทรวงศึกษาธิการของสำนักข่าวแห่งหนึ่งจริงๆ
ข้อความดังกล่าวมีความโดยสรุปว่า ในฐานะที่เป็นผู้ทำข่าวนี้เอง คุณ Twentytwo moonขอบอกว่าข่าวถูกขยายไปจนบิดเบือน จริงๆ เรื่องนี้เป็นประเด็นมานานแล้ว และจะเปิดเฉพาะโรงเรียนที่เล็กมากๆ และมีโรงเรียนที่มีมาตรฐานรองรับเท่านั้น พร้อมทั้งถามหาจรรยาบรรณของสื่อ ที่เสนอข่าวดังกล่าว
จากนั้นกระแสก็เริ่มกลับทาง...
เพจ ไฟเขียวประเทศไทย ได้โพสกราฟฟิก ซึ่งอ้างข้อความตอนหนึ่งของแถลงการครูรากหญ้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2 ว่า
"...หลายฝ่ายอาจจะอ้างว่า การลงทุนทางการศึกษา เป็นบริการสาธารณะ เป็นการสร้างจิตวิญญาณของคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ควรคิดถึงความคุ้มทุน แต่ให้คิดถึงการบริการ การให้
แต่ถ้าเราเห็นอยู่ทนโท่ว่า มีวิธีการที่ดีกว่า คุ้มทุนกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ทำไมไม่ช่วยกันคิดช่วยกันทำให้ดีขึ้น
อย่างกับโรงเรียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นข่าวมีนักเรียน 3 คน มีครู 2 คน แต่ไม่มีใครกล้ายุบ รัฐลงทุนต่อหัวไปเท่าไหร่ ต้องบอกว่าบ้ากันทั้งประเทศแล้ว"
เพจ Just another Info. ได้โพสอินโฟกราฟฟิก อธิบาย "แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก" ด้วยการควบรวม" ว่า
1. เพราะปัจจุบันโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน ต่ำกว่า 60 คนครูเพียง 2-3 คน ต้องสองทั้ง ป.1 - 6 ทำให้ต้องสอนรวมกันเป็นห้องเดียว ตามมีตามเกิด ขาดประสิทธิภาพ
2. แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยการควบรวม คือการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก 3-4 โรงเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีนักเรียนโรงเรียนละ 200 กว่าคน สามารถแบ่งเรียนได้ตามรำดับชั้น มีครูดูแลมากกว่า 10 คน และมีอุปกรณ์การศึกษาครบถ้วน
3. จากการสำรวจโรงเรียนที่ควบรวมกันจะไม่ห่างกันมากนัก รัฐบาลจะจัดให้มีรถรับส่งเด็กฟรี
4. นักเรียนทุกคนจะได้เรียนในชั้นเรียนเดิม หลักสูตรเดิม และจะได้รับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนตัวผมเอง ก็ได้มีโอกาสไปเป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่ในหลืบเขา (หลืบเขาจริงๆครับ) เป็นโรงเรียนที่นักศึกษาสมัย 14 ตุลา และ 6 ตุลา ช่วงที่เขาหนีเข้าป่ามาสร้างไว้ อยู่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 3 กม. และห่างจากโรงเรียนที่ใกล้ที่สุด ประมาณ 7 กม.
ถ้าโรงเรียนนี้โดนยุบ มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าผู้ปกครองจะไม่ให้นักเรียนเรียนต่อ เพราะนอกจากการเดินทางที่ลำบากกว่าเดิม ทุกวันนี้ ผู้ปกครองบางคนเค้าไม่ค่อยสนับสนุนให้ลูกเรียน เนื่องจาก "เสียเวลาในการทำมาหากิน" ประมาณว่า ออกมาทำก่อสร้างรุ่งกว่า
อันนี้ไม่ได้เขียนเอง นั่งเทียนเอง เพราะประสบการณ์ที่ได้สอนนักเรียนบางคน ขาดสิ่งเร้าความสนใจ เพราะพ่อแม่กรอกหูว่า "ไม่ต้องอะไรมากมาย จบมาก็ไปทำนา ไปทำก่อสร้าง" เด็กเลยขาดสิ่งเร้าที่อยากเอาชนะสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ขนาดครูงัดเอากลเม็ดวิธีสอน งัดกลเม็ดทางจิตวิทยามาหลายสิบวิธี คนที่เปลี่ยนทัศนคติมีไม่ถึงครึ่ง (เพราะถึงเค้าอยากเรียน พ่อแม่ก็ให้ไปทำนาอยู่ดี)
...แล้วถ้าต้องเดินทางไกลกว่าเดิม (แม้จะมีรถรับ-ส่ง) โอกาสจะมีมากน้อยเพียงใด ลองคิดเอาเอง
ความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าคิดมาก
........................................................
...............................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ