อันนี้เห็นแปลกดี ภาษาวัยรุ่นซะ เลยเอามาฝากครับ
...เทคนิคการอ่านหนังสือยังไงน่ะให้จำง่ายๆ...
ข้อที่ 1. น้องๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 5.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ข้อที่ 6.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!น้องๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 5 นะค่ะ
ข้อที่ 7.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าน้องๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากน้องๆ จะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
ข้อที่ 8.ในการอ่านหนังสือ น้องๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)
ข้อที่ 9.นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
ข้อที่ 10.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
ข้อที่ 11.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
จากพี่ นางฟ้าซาตาน
25 กันยายน 2552
24 กันยายน 2552
6 เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน
6 เทคนิคการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน
เทคนิค 6 ข้อ ที่ควรทำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน ซึ่งอาจจะมีข้อสำคัญสำหรับน้องๆ คือ การเลิก Chat ไปสักระยะ (แหม ข้อนี้ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ นะคะ) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แชทมากไปก็ไม่ดี น้องๆ ก็รู้อยู่ แชทพอให้หายเครียดก็คงเป็นทางสายกลางที่น่าจะทำนะคะ.. เอ๊า มาดูกัน ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง
1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ
2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่
3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอดเลยว่า “เราจะเป็นพยาบาล” จะเรียนแพทย์ก็ต้องเขียนไว้เลยว่า “ปีหน้าจะไปเหยียบแผ่นดินแพทย์ศิริราช-จุฬา” อะไรทำนองนี้ เพื่อสร้างเป้าหมายให้ชัดเจน
4.เตรียมตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม
5.เริ่มลงมืออ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัดก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง แล้วจะทำได้ไง วิธีการคือ อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส หนังสือต้องติดตัวตลอดเวลา ว่างเมื่อไรหยิบมาอ่านได้ทันที อย่าปล่อยให้ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง
6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่า “เราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใคร กำหนดให้เรา เราต้องทำได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวัน หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข วันที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้ต้องทำเพื่อท่านบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าขี้เกียจ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เลิกนิสัยเดิมๆ เสียที
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
เทคนิค 6 ข้อ ที่ควรทำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน ซึ่งอาจจะมีข้อสำคัญสำหรับน้องๆ คือ การเลิก Chat ไปสักระยะ (แหม ข้อนี้ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ นะคะ) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แชทมากไปก็ไม่ดี น้องๆ ก็รู้อยู่ แชทพอให้หายเครียดก็คงเป็นทางสายกลางที่น่าจะทำนะคะ.. เอ๊า มาดูกัน ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง
1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ
2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่
3.ถ้าทำ 2 ข้อไม่ได้ อย่าทำข้อนี้ เพราะข้อนี้คือ ให้เขียนอนาคตตัวเองไว้เลยว่า จะเรียนต่อคณะอะไร จบแล้วจะเป็นอะไร เช่น จะเรียนพยาบาล ก็เขียนป้ายตัวใหญ่ๆ ติดไว้ข้างห้อง มองเห็นตลอดเลยว่า “เราจะเป็นพยาบาล” จะเรียนแพทย์ก็ต้องเขียนไว้เลยว่า “ปีหน้าจะไปเหยียบแผ่นดินแพทย์ศิริราช-จุฬา” อะไรทำนองนี้ เพื่อสร้างเป้าหมายให้ชัดเจน
4.เตรียมตัว สรรหาหนังสือ หาอาจารย์ติว หาเพื่อนคนเก่งๆ บอกกับเค้าว่าช่วยเป็นกำลังใจให้เราหน่อย ช่วยเหลือเราหน่อย หาหนังสือมาให้ครบทุกเนื้อหาที่จะต้องสอบ เตรียมห้องอ่านหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ ให้พร้อม
5.เริ่มลงมืออ่านหนังสือ เริ่มจากวิชาที่ชอบ เรื่องที่ถนัดก่อน ทำข้อสอบไปด้วย ทำแบบฝึกหัดจากง่ายไปยาก ค่อยๆ ทำ ถ้าท้อก็ให้ลืมตาดูป้าย ดูรูปอนาคตของตัวเอง ต้องลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่างน้อยวันละ 10 ชั่วโมง แล้วจะทำได้ไง วิธีการคือ อ่านทุกเมื่อที่มีโอกาส อ่านทุกครั้งที่มีโอกาส หนังสือต้องติดตัวตลอดเวลา ว่างเมื่อไรหยิบมาอ่านได้ทันที อย่าปล่อยให้ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ที่สำคัญอ่านแล้วต้องมีโน้ตเสมอ ห้ามนอนอ่าน ห้ามกินขนม ห้ามฟังเพลง ห้ามดูทีวี ห้ามดูละคร ดูหนัง อ่านอย่างเดียว ทำอย่างจริงจัง
6.ข้อนี้สำคัญมาก หากท้อให้มองภาพอนาคตของตัวเองไว้เสมอ ย้ำกับตัวเองว่า “เราต้องกำหนดอนาคตของตัวเอง ไม่มีใคร กำหนดให้เรา เราต้องทำได้ เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ให้กำลังใจกับตัวเองอยู่เสมอ บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวัน หากท้อ ขอให้นึกว่า อย่างน้อยก็มีผู้เขียนบทความนี้เป็นกำลังใจให้น้องๆ เสมอ นึกถึงภาพวันที่เรารับปริญญา วันที่เราและครอบครัวจะมีความสุข วันที่คุณพ่อคุณแม่จะดีใจที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้ต้องทำเพื่อท่านบ้าง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าขี้เกียจ อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เลิกนิสัยเดิมๆ เสียที
................................
ของฝากจาก พิริยะ
................................
ดินแดนปัญญาชน :: Free Toolbar :: กรมหลวงชุมพร :: เสด็จเตี่ย
มะขาม :: ผลงานชำนาญการพิเศษ :: ยันต์ 5 แถว
มะขามจี๊ดจ๊าด :: ผลงานครู ค.ศ.3 :: อ.หนู กันภัย
ขนมจีน :: เกม :: รับทำเว็บผลงานครู
ขนมจีนเส้นสด :: เคล็ดลับ notebook :: สอบบรรจุครู
thailand travel memo :: 80 นวัตกรรมฯ โดย ผศ.ดร.ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ : : เรียนพิเศษในพิษณุโลก
23 กันยายน 2552
5 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ
5 เคล็ดลับการอ่านหนังสือสอบ
วิธีอ่านหนังสือ แบบว่าอยากสอบผ่าน....
1. คนที่อ่านหนังสือคนเดียวมักจะเสียเปรียบ คนที่อ่านเป็นกลุ่มมักจะได้เปรียบ เนื่องจากอ่านคนเดียวอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรืออ่านไม่ตรงจุด หรือ(บางคน)อาจอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านเป็นกลุ่มโอกาสอ่านผิดจุดจะยากขึ้น และยังพอช่วยกันฉุดได้
** แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนชอบแชตนะค่ะ อิอิ
2. ควรอ่านเองที่บ้านก่อน 1 รอบ และจับกลุ่มติว เสร็จแล้วกลับไปอ่านทบทวนเองที่บ้านอีก 1 รอบ (ต้องรับผิดชอบตัวเอง)
3. ผลัดกันติว ใครเข้าใจเรื่องใดมากที่สุดก็ให้เป็นผู้ติว ข้อสำคัญ อย่าคิดแต่จะเป็นผู้รับอย่างเดียว จงคิดว่าเป็นผู้ให้ก่อน แล้วคนอื่น (ถ้าไม่แล้งน้ำใจเกินไป) ก็จะให้ตอบเอง
4. ผู้ติวจะได้ทบทวนเนื้อหา และจะรู้ว่าตัวเองขาดอะไร บกพร่องอะไร จากคำถามของเพื่อนที่สงสัย บางครั้งเพื่อนก็สามารถเสริมเติมเต็มในบางจุดที่ผู้ติวขาดหายได้
5. การติวจะทำให้เกิดการ Share ความคิด และฝึกวิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ (อ่านเองจะพัฒนาแต่ IQ)
เป็นยังไงบ้างคะ กับวิธีอ่านหนังสือที่เน้นการจับกลุ่มซะหน่อยนึง แต่ลองทำดูสิ อาจจะได้ผลนะ
ที่มา aommee
วิธีอ่านหนังสือ แบบว่าอยากสอบผ่าน....
1. คนที่อ่านหนังสือคนเดียวมักจะเสียเปรียบ คนที่อ่านเป็นกลุ่มมักจะได้เปรียบ เนื่องจากอ่านคนเดียวอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน หรืออ่านไม่ตรงจุด หรือ(บางคน)อาจอ่านไม่รู้เรื่อง ถ้าอ่านเป็นกลุ่มโอกาสอ่านผิดจุดจะยากขึ้น และยังพอช่วยกันฉุดได้
** แต่วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับคนชอบแชตนะค่ะ อิอิ
2. ควรอ่านเองที่บ้านก่อน 1 รอบ และจับกลุ่มติว เสร็จแล้วกลับไปอ่านทบทวนเองที่บ้านอีก 1 รอบ (ต้องรับผิดชอบตัวเอง)
3. ผลัดกันติว ใครเข้าใจเรื่องใดมากที่สุดก็ให้เป็นผู้ติว ข้อสำคัญ อย่าคิดแต่จะเป็นผู้รับอย่างเดียว จงคิดว่าเป็นผู้ให้ก่อน แล้วคนอื่น (ถ้าไม่แล้งน้ำใจเกินไป) ก็จะให้ตอบเอง
4. ผู้ติวจะได้ทบทวนเนื้อหา และจะรู้ว่าตัวเองขาดอะไร บกพร่องอะไร จากคำถามของเพื่อนที่สงสัย บางครั้งเพื่อนก็สามารถเสริมเติมเต็มในบางจุดที่ผู้ติวขาดหายได้
5. การติวจะทำให้เกิดการ Share ความคิด และฝึกวิธีทำงานร่วมกับผู้อื่น ช่วยพัฒนาทั้งด้าน IQ และ EQ (อ่านเองจะพัฒนาแต่ IQ)
เป็นยังไงบ้างคะ กับวิธีอ่านหนังสือที่เน้นการจับกลุ่มซะหน่อยนึง แต่ลองทำดูสิ อาจจะได้ผลนะ
ที่มา aommee
22 กันยายน 2552
สอบ las
วันนี้ ได้ไปคุมสอบ las ซึ่งข้อสอบ las เป็นข้อสอบท่บรรดาเพื่อนครูหลายท่านไปร่วมกันออก วิเคราะห์ และ โรเนียว
แต่ตอนตรวจ ให้ธุรการโรงเรียนไปตรวจ (ดีจัง โดนมาหลายปี)
แนวข้อสอบ las เท่าที่ดู ปีนี้รู้สึกว่า ง่าย และยาก ปะปนกัน ทั้งนี้เพราะครูหลายคนช่วยกันออก แต่ข้อด้อยคือ แต่ละโรงเรียนใช้หนังสือต่างเล่มกัน แม้จะมีหลักสูตรแกนหลาง แต่ก็สอนต่างกัน เฮ้อ เมื่อไรจะฉลาดละเนี่ยเด็กไทย
สำนักพิมพ์ต่างก็เสนอผลประโยชน์เพื่อให้เลือกหนังสือของตนเอง
เฮ้อ
นาย ครับ นาย โปรดบังคับให้เป็นแนวทางเดียวกันด้วยครับ
แต่ตอนตรวจ ให้ธุรการโรงเรียนไปตรวจ (ดีจัง โดนมาหลายปี)
แนวข้อสอบ las เท่าที่ดู ปีนี้รู้สึกว่า ง่าย และยาก ปะปนกัน ทั้งนี้เพราะครูหลายคนช่วยกันออก แต่ข้อด้อยคือ แต่ละโรงเรียนใช้หนังสือต่างเล่มกัน แม้จะมีหลักสูตรแกนหลาง แต่ก็สอนต่างกัน เฮ้อ เมื่อไรจะฉลาดละเนี่ยเด็กไทย
สำนักพิมพ์ต่างก็เสนอผลประโยชน์เพื่อให้เลือกหนังสือของตนเอง
เฮ้อ
นาย ครับ นาย โปรดบังคับให้เป็นแนวทางเดียวกันด้วยครับ
21 กันยายน 2552
เครื่องแบบข้าราชการครู
ตอนนี้ หลายท่านเริ่มสวมใส่เครื่องแบบข้าราชการครูแล้ว
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีผู้ใหญ่บางคนพยายามไม่ให้สวมใส่ แล้วบอกว่า ระบบข้าราชการทำงานล่าช้า
มันจะไม่ช้าได้อย่างไร ก็ลูกหลานนักการเมือง ที่นำมาฝากๆๆๆๆ กันนั้นหัวโด่นั่นแหละครับ
ตอนนี้ดีใจที่ได้กลับมาใส่ เพราะเป็นการกระตุ้นเตือนว่า เราคือครู คืดคนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน ต้องปกป้องสถาบันทุกวิถีทาง
ซึ่งก่อนหน้านี้ มีผู้ใหญ่บางคนพยายามไม่ให้สวมใส่ แล้วบอกว่า ระบบข้าราชการทำงานล่าช้า
มันจะไม่ช้าได้อย่างไร ก็ลูกหลานนักการเมือง ที่นำมาฝากๆๆๆๆ กันนั้นหัวโด่นั่นแหละครับ
ตอนนี้ดีใจที่ได้กลับมาใส่ เพราะเป็นการกระตุ้นเตือนว่า เราคือครู คืดคนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน ต้องปกป้องสถาบันทุกวิถีทาง
20 กันยายน 2552
เคล็ดลับการอ่านหนังสือ
ช่วงนี้ เด็กๆใกล้สอบแล้ว เลยไปค้นหาเคล็ดลับการอ่านหนังสือมาฝากครับ
10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ CoolYellLaughing
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
10 เคล็ดลับ จำง่าย การอ่านหนังสือสอบ CoolYellLaughing
1. ปิด ทีวี คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต mp3 มีสติอยู่กับหนังสือ
2. นั่งสมาธิสัก 5 นาที
3. อ่านหนึ่งรอบ แล้วสรุป โดยไม่เปิดหนังสือ
4. เช็คคำตอบ
5. อ่านอีกหนึ่งรอบ
6. สรุปใหม่ เปิดหนังสือได้เอาไว้อ่าน
7. ถ้าทำเป็น Mind Mapping จะอ่านง่ายขึ้น
8. มีเอกสารอะไรที่ครูแจก อย่าคิดว่าไม่สำคัญ
9. ท่องในส่วนที่ครูพูดย้ำบ่อยๆ อย่างน้อย 2 ครั้ง/คาบ
10. ก่อนวันสอบ ห้ามหักโหมอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน เพราะสมองจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
19 กันยายน 2552
เขตอนุรักษ์ทางลูกรัง
อุตสาห์หลงดีใจ
ที่อบจ. กำแพงเพชร จะมาราดยางเข้าโรงเรียน
แหมๆๆๆๆๆ
ทางหลวงชนบทบอกว่า ทางเส้นนี้มีเจ้าของ(แต่ลืมราด)
ก็เป็นว่า ตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ทำ
เละเหมือนเดิม
เฮ้อ ทางเส้นนี้ เป็นเขตอนุรักษ์ทางลูกรังจริงๆๆๆๆๆ
ที่อบจ. กำแพงเพชร จะมาราดยางเข้าโรงเรียน
แหมๆๆๆๆๆ
ทางหลวงชนบทบอกว่า ทางเส้นนี้มีเจ้าของ(แต่ลืมราด)
ก็เป็นว่า ตอนนี้ ก็ยังไม่ได้ทำ
เละเหมือนเดิม
เฮ้อ ทางเส้นนี้ เป็นเขตอนุรักษ์ทางลูกรังจริงๆๆๆๆๆ
18 กันยายน 2552
วิธีทำตุ๊กตาถุงเท้า
ไอเดียเก๋ไก๋-รายได้สวย
"ถุงเท้า" สามารถนำมาประดิษฐ์เป็น "ตุ๊กตา" ได้ เป็นอีกงานไอเดียสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ ซึ่งวันนี้ทีม "ช่องทางทำกิน" ก็มีข้อมูลการทำ "ตุ๊กตาถุงเท้า" มานำเสนอ...
อาภรณ์ศิลป์ กันณิกา หรือ น้อง อายุ 27 ปี เรียนจบด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร แล้วก็เข้าทำงานเป็นวิศวกรโยธาอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนเจ้า "ตุ๊กตาถุงเท้า" หรือซอค ดอลล์ (Sock doll) นี้ ทำจำหน่ายเป็นอาชีพเสริม ซึ่งก็สามารถทำรายได้ที่น่าสนใจ จึงทำเป็นงานเสริมมาเรื่อย ๆ
ความเป็นมาของการที่มาทำงานประเภทนี้ เจ้าของผลงานเล่าว่า เริ่มมาจากการที่ต้องการจะทำตุ๊กตาให้กับคนพิเศษในวันวาเลนไทน์ และเห็นพี่สาวทำตุ๊กตาถักไหมพรมอยู่ก่อนแล้ว จึงเกิดความคิดที่จะลองหาวัสดุอื่นมาลองทำ ก็ทดลองนำเอา "ถุงเท้า" มาทำ พอทำตุ๊กตาถุงเท้าเสร็จเป็นตัวแรกก็ได้นำรูปไปลงใน ไฮไฟว์ แล้วบังเอิญเพื่อนเข้ามาเห็นเลยอยากได้ จึงสั่งให้ผลิตตุ๊กตาให้ 2 คู่ แล้วจากนั้นก็มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาอีกเรื่อย ๆ
"ตอนนั้นจำได้ว่ารู้สึกดีใจมาก จากที่ตอนแรกคิดว่าจะทำให้กับคน พิเศษในวันวาเลนไทน์เท่านั้น พอมีคนเริ่มสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยคิดที่จะลงทุนทำอย่างจริงจัง โดยใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดในการผลิตตุ๊กตาถุงเท้า ส่วนช่องทางการจำหน่ายก็นำไปลงประกาศขายตามเว็บไซต์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นอย่างดี มีผู้สนใจสั่งสินค้าเข้ามาเรื่อย ๆ"
เจ้าของผลงานบอกต่อไปว่า วัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตนั้น ส่วนใหญ่จะไปหาซื้อที่ย่านสำเพ็ง เพราะมีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญคือมีราคาถูก ทำให้สามารถผลิตตุ๊กตาถุงเท้าได้ในต้นทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งการลงทุนทำตุ๊กตาถุงเท้านั้น ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 3,000 บาท
"งานตุ๊กตาถุงเท้านั้นเป็นงานแฮนด์เมด งานทุกชิ้นที่ทำจึงไม่ ซ้ำใคร แต่ที่สำคัญการทำตุ๊กตาถุงเท้าจำหน่ายต้องพยายามออกแบบใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ และบางครั้งลูกค้าต้องการแบบพิเศษเราก็ต้องพยายามออกแบบให้กับลูกค้าให้ได้ ต้องตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าให้ได้"
สำหรับวัสดุอุปกรณ์ในการทำ "ตุ๊กตาถุงเท้า" หลัก ๆ มีดังนี้คือ... ถุงเท้าสี เกรด A (เน้นสีสันสวยงาม), ถุงเท้าสีขาว, ใยสังเคราะห์เกรด A, เข็มเย็บผ้า, ด้ายวีนัส, ไหมพรม, ปืนกาว, ดินสอ, กรรไกร
ขั้นตอน-วิธีการทำตุ๊กตาถุงเท้า เริ่มจากการทำลำตัวของตุ๊กตาเป็นอันดับแรก โดยนำถุงเท้าสีมากลับเอาด้านในออกมาด้านนอก จากนั้นใช้ดินสอร่างแบบตัวตุ๊กตา แล้วใช้ด้ายสี (ซึ่งต้องใช้ด้ายสีเดียวกับตุ๊กตาเพื่อความสวยงาม) ทำการเย็บตามแบบที่ร่างไว้ การเย็บจะใช้การเย็บแบบด้นถอยหลัง เพื่อความสวยงามทนทาน
เมื่อทำการเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้กรรไกรตัดตามรอยเย็บ จากนั้น ทำการกลับด้านถุงเท้า แล้วใส่ใยสังเคราะห์ให้แน่น เท่านี้ก็จะได้เป็นส่วนตัวตุ๊กตา เตรียมรอไว้
ลำดับ ต่อมาก็เป็นขั้นตอนการทำส่วนหัวของตุ๊กตา ซึ่งการทำส่วนหัวจะใช้ถุงเท้าสีขาว ทำการใส่ใยสังเคราะห์เข้าไปในถุงเท้าให้มีลักษณะกลม แล้วใช้ด้ายมัดให้แน่น
เมื่อได้ส่วนหัวของตุ๊กตาแล้วก็นำไปประกอบเข้ากับส่วนตัวตุ๊กตา ยึดติดกันให้แน่นโดยใช้ด้ายเย็บ จากนั้นก็ใช้ด้ายสีด้นตามแนวเส้นที่ร่างไว้บนส่วนตัวของตุ๊กตา เพื่อให้เป็นแขนของตุ๊กตา แล้วนำไหมพรมมาถักเป็นผม ผูกด้วยโบ นำไปติดกับส่วนหัวตุ๊กตา ยึดให้แน่นด้วยกาวจากปืนยิงกาว
ขั้นตอนต่อไปคือการตกแต่งตา โดยใช้ด้ายสีน้ำตาลปักทำเป็นตา และใช้ไหมพรมสีแดงปักทำเป็นปาก ทำการปัดแก้มตุ๊กตาด้วยสีสันต่าง ๆ ตามไอเดีย นำถุงเท้าสีส่วนที่เหลือมาทำเป็นหมวกให้กับตุ๊กตา โดยใช้ปืนกาวยึดให้แน่น เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
"ตุ๊กตาถุงเท้า" ที่เจ้าของงานรายนี้ทำอยู่ มีหลายแบบ เช่น ตุ๊กตาคู่ชาย-หญิง, ตุ๊กตาแมว, ตุ๊กตากระต่าย โดยมีราคาขายอยู่ที่คู่ละ 100-110 บาท ต้นทุนประมาณ 60% นอกจากนี้ยังสามารถพลิกแพลงทำเป็นชิ้นงานอื่น ๆ เช่น พวงกุญแจตุ๊กตาดุ๊กดิ๊ก, พวงกุญแจตุ๊กตาถักไหมพรม ที่ขายได้ในราคาตัวละ 50 บาท
คุณน้อง-อาภรณ์ศิลป์ใช้เว็บไซต์ www.Welove shopping.com/shop/sock-doll โชว์ "ตุ๊กตาถุงเท้า" สินค้าตัวอย่าง ใครสนใจก็ลองคลิกเข้าไปดู หรือต้องการสั่งก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-6074-7399, 08-1354-5251 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีตัวอย่าง "ไอเดียสร้างงาน-สร้างรายได้".
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน
ที่มา เดลินิวส์
"ถุงเท้า" สามารถนำมาประดิษฐ์เป็น "ตุ๊กตา" ได้ เป็นอีกงานไอเดียสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็นสินค้าที่สามารถสร้างรายได้ ซึ่งวันนี้ทีม "ช่องทางทำกิน" ก็มีข้อมูลการทำ "ตุ๊กตาถุงเท้า" มานำเสนอ...
อาภรณ์ศิลป์ กันณิกา หรือ น้อง อายุ 27 ปี เรียนจบด้านวิศวกรรมโยธาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร แล้วก็เข้าทำงานเป็นวิศวกรโยธาอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ส่วนเจ้า "ตุ๊กตาถุงเท้า" หรือซอค ดอลล์ (Sock doll) นี้ ทำจำหน่ายเป็นอาชีพเสริม ซึ่งก็สามารถทำรายได้ที่น่าสนใจ จึงทำเป็นงานเสริมมาเรื่อย ๆ
ความเป็นมาของการที่มาทำงานประเภทนี้ เจ้าของผลงานเล่าว่า เริ่มมาจากการที่ต้องการจะทำตุ๊กตาให้กับคนพิเศษในวันวาเลนไทน์ และเห็นพี่สาวทำตุ๊กตาถักไหมพรมอยู่ก่อนแล้ว จึงเกิดความคิดที่จะลองหาวัสดุอื่นมาลองทำ ก็ทดลองนำเอา "ถุงเท้า" มาทำ พอทำตุ๊กตาถุงเท้าเสร็จเป็นตัวแรกก็ได้นำรูปไปลงใน ไฮไฟว์ แล้วบังเอิญเพื่อนเข้ามาเห็นเลยอยากได้ จึงสั่งให้ผลิตตุ๊กตาให้ 2 คู่ แล้วจากนั้นก็มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาอีกเรื่อย ๆ
"ตอนนั้นจำได้ว่ารู้สึกดีใจมาก จากที่ตอนแรกคิดว่าจะทำให้กับคน พิเศษในวันวาเลนไทน์เท่านั้น พอมีคนเริ่มสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยคิดที่จะลงทุนทำอย่างจริงจัง โดยใช้เวลาหลังเลิกงานและวันหยุดในการผลิตตุ๊กตาถุงเท้า ส่วนช่องทางการจำหน่ายก็นำไปลงประกาศขายตามเว็บไซต์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเป็นอย่างดี มีผู้สนใจสั่งสินค้าเข้ามาเรื่อย ๆ"
เจ้าของผลงานบอกต่อไปว่า วัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตนั้น ส่วนใหญ่จะไปหาซื้อที่ย่านสำเพ็ง เพราะมีให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญคือมีราคาถูก ทำให้สามารถผลิตตุ๊กตาถุงเท้าได้ในต้นทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งการลงทุนทำตุ๊กตาถุงเท้านั้น ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 3,000 บาท
"งานตุ๊กตาถุงเท้านั้นเป็นงานแฮนด์เมด งานทุกชิ้นที่ทำจึงไม่ ซ้ำใคร แต่ที่สำคัญการทำตุ๊กตาถุงเท้าจำหน่ายต้องพยายามออกแบบใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ และบางครั้งลูกค้าต้องการแบบพิเศษเราก็ต้องพยายามออกแบบให้กับลูกค้าให้ได้ ต้องตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าให้ได้"
สำหรับวัสดุอุปกรณ์ในการทำ "ตุ๊กตาถุงเท้า" หลัก ๆ มีดังนี้คือ... ถุงเท้าสี เกรด A (เน้นสีสันสวยงาม), ถุงเท้าสีขาว, ใยสังเคราะห์เกรด A, เข็มเย็บผ้า, ด้ายวีนัส, ไหมพรม, ปืนกาว, ดินสอ, กรรไกร
ขั้นตอน-วิธีการทำตุ๊กตาถุงเท้า เริ่มจากการทำลำตัวของตุ๊กตาเป็นอันดับแรก โดยนำถุงเท้าสีมากลับเอาด้านในออกมาด้านนอก จากนั้นใช้ดินสอร่างแบบตัวตุ๊กตา แล้วใช้ด้ายสี (ซึ่งต้องใช้ด้ายสีเดียวกับตุ๊กตาเพื่อความสวยงาม) ทำการเย็บตามแบบที่ร่างไว้ การเย็บจะใช้การเย็บแบบด้นถอยหลัง เพื่อความสวยงามทนทาน
เมื่อทำการเย็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ใช้กรรไกรตัดตามรอยเย็บ จากนั้น ทำการกลับด้านถุงเท้า แล้วใส่ใยสังเคราะห์ให้แน่น เท่านี้ก็จะได้เป็นส่วนตัวตุ๊กตา เตรียมรอไว้
ลำดับ ต่อมาก็เป็นขั้นตอนการทำส่วนหัวของตุ๊กตา ซึ่งการทำส่วนหัวจะใช้ถุงเท้าสีขาว ทำการใส่ใยสังเคราะห์เข้าไปในถุงเท้าให้มีลักษณะกลม แล้วใช้ด้ายมัดให้แน่น
เมื่อได้ส่วนหัวของตุ๊กตาแล้วก็นำไปประกอบเข้ากับส่วนตัวตุ๊กตา ยึดติดกันให้แน่นโดยใช้ด้ายเย็บ จากนั้นก็ใช้ด้ายสีด้นตามแนวเส้นที่ร่างไว้บนส่วนตัวของตุ๊กตา เพื่อให้เป็นแขนของตุ๊กตา แล้วนำไหมพรมมาถักเป็นผม ผูกด้วยโบ นำไปติดกับส่วนหัวตุ๊กตา ยึดให้แน่นด้วยกาวจากปืนยิงกาว
ขั้นตอนต่อไปคือการตกแต่งตา โดยใช้ด้ายสีน้ำตาลปักทำเป็นตา และใช้ไหมพรมสีแดงปักทำเป็นปาก ทำการปัดแก้มตุ๊กตาด้วยสีสันต่าง ๆ ตามไอเดีย นำถุงเท้าสีส่วนที่เหลือมาทำเป็นหมวกให้กับตุ๊กตา โดยใช้ปืนกาวยึดให้แน่น เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
"ตุ๊กตาถุงเท้า" ที่เจ้าของงานรายนี้ทำอยู่ มีหลายแบบ เช่น ตุ๊กตาคู่ชาย-หญิง, ตุ๊กตาแมว, ตุ๊กตากระต่าย โดยมีราคาขายอยู่ที่คู่ละ 100-110 บาท ต้นทุนประมาณ 60% นอกจากนี้ยังสามารถพลิกแพลงทำเป็นชิ้นงานอื่น ๆ เช่น พวงกุญแจตุ๊กตาดุ๊กดิ๊ก, พวงกุญแจตุ๊กตาถักไหมพรม ที่ขายได้ในราคาตัวละ 50 บาท
คุณน้อง-อาภรณ์ศิลป์ใช้เว็บไซต์ www.Welove shopping.com/shop/sock-doll โชว์ "ตุ๊กตาถุงเท้า" สินค้าตัวอย่าง ใครสนใจก็ลองคลิกเข้าไปดู หรือต้องการสั่งก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-6074-7399, 08-1354-5251 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกกรณีตัวอย่าง "ไอเดียสร้างงาน-สร้างรายได้".
บดินทร์ ศักดาเยี่ยงยงค์ : รายงาน
ที่มา เดลินิวส์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ