06 สิงหาคม 2554

วิทยากร "Social Network for Education" ครู ICT วันที่ 2

วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการอบรม
หลังจากที่ให้การบ้านไป พบว่าผู้เข้ารับการอบรมได้ตระเตรียมผลงานกันมาอย่างพร้อมเพรียง และเมื่อเริ่มทำ blog วันนี้ ก็ได้ทดลองทั้งในรูปภาพ ใส่ vdoใส่ feed เป็นต้น

   ถึงแม้ว่าจะพบอุปสรรคเรื่องของ IP ชนกันไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้เข้ารับการอบรมท้อถอย แถมยังทำให้เกิดความมุ่งมั่น(มากๆๆๆๆ) เพราะขนาดพักรับประทานอาหารว่างทั้งรอบเช้ารอบบ่าย และพักกลางวัน ยังไม่ยอมลุกออกจากห้องเลยครับ



ตกลง ใครเก็กมากกว่ากันเนี่ย

อ.เอ็ดเนื้อหอม


อาหารวันนี้ แซบมาก...

ในที่สุด อาจารย์เค้ายอมออกมาทานข้าว (นั่งทำ blog ไม่ยอมมาพักเลย)

อร่อยนะครับ

รีบทาน แล้วรีบทำ

พร้อมหน้าพี่น้อง ครบทีมเลย "IT-Zon"

ถ่ายรูปร่วมกันก่อนกลับบ้าน

ขออีกรูป (เปลี่ยนตากล้อง)


....ปอยฝ้าย วอนแฝน....

เพราะมาก.... (กัดฟันพูด)


ขอบพระคุณทุกท่านนะครับ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะร่วมมือกันพัฒนาการศึกษาต่อไปนะครับ
...แชมป์ พิริยะ  ตระกูลสว่าง



...............................
วัตถุมงคล อ.หนู กันภัย   สอนพิเศษพิษณุโลก

05 สิงหาคม 2554

วิทยากร "Social Network for Education" ครู ICT

วันนี้เป็นวิทยากรการใช้ "Social Network for Education" สำหรับครู ICT
ตามหนังสือที่ ศธ ๐๔๒๖๙.๐๕/๓๕๓ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ

     ตอนแรกก็ยอมรับว่ารู้สึกเกร็งมาก เพราะคิดว่ากลุ่มผู้เข้ารับการอบรมเป็นครูผู้สอนคอมพิวเตอร์ และมีความเชี่ยวชาญในการใช้งานคอมพิวเตอร์ แต่พอเริ่มอบรมพวกผมก็ได้รับมิตรไมตรีที่ดีจากทุกๆท่าน ซึ่งก็ทำให้อาการเกร็งหายไป การอบรมก็สนุกมากขึ้น

     แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลาและองค์ประกอบอื่นๆ อาจทำให้หัวข้อบางหัวข้อที่ผู้เข้ารับการอบรมอยากทราบ หรือพวกเราอยากมอบให้ไม่สามารถทำได้ ผมก็ต้องกราบขอโทษมา ณ ที่นี้ แต่ก็ทำให้ผมได้แนวคิดอะไรดีๆขึ้นมา (อุบไว้ก่อนนะครับ)

     การอบรมแต่ละครั้ง ต้องถือว่าเรามาเรียนรู้ร่วมกัน เพราะปัญหา หรือข้อสงสัยที่เราสอบถามกันผ่านทาง blog หรือ facebook ก็ก่อประกายและนำมาให้กลุ่มอบรมรุ่นต่อไป และผมเชื่อว่า ไม่มีการอบรมครั้งใดที่ดีที่สุด เพราะวิทยาการใหม่ๆ มันเปลี่ยนแปลงและเกิดขึ้นทุกวินาที จึงอยากให้คุณครูทุุกท่าน มาร่วมกันสร้างสรรค์ และอย่าหยุดเรียนรู้ครับ

    มาชมรูปกันดีกว่าครับ

สไลด์หัวข้อการอบรมฯ

หัวหน้าแก๊งค์ X4 แนะนำอาจารย์สมัคร facebook

อย่าเพิ่งนึกว่าผู้สมัคร ส.ท.พิษณุโลก มาหาเสียงนะครับ

ท่านผู้เข้ารับการอบรมตั้งใจฟังมาก

คนพูดก็เลยเกร็ง...

การใช้ประโยชน์จาก facebook ด้านการศึกษา

เริ่มต้นสมัคร facebook กันเลย

ร่วมด้วยช่วยกัน

ขอเก็บหลักฐาน ว่าไม่ได้โดดโรงเรียนมาเด้อ

ของว่าง

อร่อยมากกกกก
แล้วมาพบกันพรุ่งนี้นะครับ
(คลิกชมการอบรมวันที่ 2 http://seal2thai.blogspot.com/2011/08/social-network-for-education-ict-2.html )

04 สิงหาคม 2554

เยี่ยมบ้านนักเรียน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554

หลังจากที่มีการประชุมระหว่างคณะครู และคณะกรรมการสถานศึกษา ซึ่งให้มีการประชุมผู้ปกครองนักเรียน รวมไปถึงการเยี่ยมบ้านนักเรียน

หากใครได้ชมภาพยนตร์เรื่องครูบ้านอก ท่านอาจจะเข้าใจว่า ทำไม ครูต้องเยี่ยมบ้านนักเรียน

บางครั้ง เราอาจต้องการให้นักเรียนเข้าใจระบบการเข้าแถวเคารพธงชาติ เพราะต้องการให้เด็กมีสำนึกในความรักชาติ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง (และเค้าอาจจะลืมสิ่งเหล่านี้ไป เมื่อไปเอาอย่างผู้ทรงเกียรติบางท่าน ที่โดดประชุมสภา...ฮาาา)

ก่อนที่จะทำโทษนักเรียนที่มาสาย เราต้องสืบสาวราวเรื่องก่อนว่า ทำไมเขาถึงมาช้า...

สำหรับครูในเมือง คนในเมือง อาจมีข้อสงสัยที่แตกต่างไปบ้าง
แต่ครูบ้านนอก จะต้องคิดก่อนเลยว่า เด็กมีปัญหาอะไรหรือเปล่า (บางคนต้องทำงานบ้าน หรืออะไรอีกหลายอย่างเช่น ป้อนข้าวน้อง ป้อนข้าวย่า ก่อนมาโรงเรียน) บางคนต้องเดินเท้ามาโรงเรียนหลายกิโลเมตร บางคนอาจกลัวเพื่อน เพราะมีปัญหากัน ทะเลาะกัน บางคน อาจจะต้องไปแบกท่อสูบน้ำเข้านา ไปเตรียมของให้พ่อไปนา ฯลฯ จึงทำให้มาสาย

ถ้าเป็นไปได้ เราควรจะไปเยี่ยมบ้านนักเรียน
อย่างน้อยๆ ก็ได้รู้จักผู้ปกครองมากขึ้น เผื่อมีเหตุอะไร จะได้ป้องกันก่อนสายไป

แต่สำหรับครูในเมือง อาจจะไปเี่ยี่ยมบ้านลำบากหน่อย เพราะพื้นที่กว้างมาก ท่านอาจใช้วิธีอื่นในการทำความรู้จักครอบครัวนักเรียน (ผู้ปกครองในเมือง ส่วนใหญ่ มาประชุมผู้ปกครองเกือบครบอยู่แล้ว ในส่วนนี้ ครูในเมืองจะไม่มีปัญหา เพราะอาจสอบถาม สัมภาษย์ในวันนั้นได้เลย ส่วนผู้ปกครองของนักเรียนบ้านนอก การหยุดงาน 1 วัน ย่อมหมายถึง รายได้ของครอบครัวที่ขาดหายไป)

พูดมากไปแล้วครับ... อิอิ
เรามาชมภาพวันนี้กันดีกว่า



เตรียมน้ำมันสำรอง

นักเรียนส่วนหนึ่ง (ม.สาม) อีกหลายชั้นก็กระจายกันไป

พบผู้ปกครองนักเรียน (นักเรียนคนนี้เป็นตัวแทนตอบปัญหาวิทย์มา 2 ครั้งแล้ว)

ครูเหนื่อย...

อันนี้เก๊ก ว่าไม่เหนื่อย

มันตามมากอดทุกรูป

ขอมั่ง


แหมๆ ช่างกล้านะครู

นักเรียนขอมั่ง

ปั่นจักรยานเป็นหมู่คณะ และก็หอบแฮกๆ เป็นหมู่คณะ

เยี่ยมบ้านนักเรียนที่ป่วย

อันนี้ ป.1 บ้านใกล้กัน

เขิน ซะกะละมังคว่ำ

โห... ตรงประตูมียันต์ด้วย (เอาไว้กันครูมาฟ้องพ่อว่าไม่ทำการบ้าน)

เพื่อนร่วมแฉ CD เกม กับหนังเพียบ!!!!

ครูๆ ทำอะไรเหรอออออ

ทดสอบว่า เกมนี้มีเนื้อหารุนแรงหรือไม่...

เอ   จะทดสอบนานไปหรือเปล่านี่

ถ่ายรูปกันหน่อย
มันกอดทุกรูปเลย ไอ้เต้เนี่ย...

่เหนื่อย แต่ก็สนุกดีครับ



คุณครูท่านใดมีประสบการณ์เยี่ยมบ้านนักเรียนอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ


...................................

03 สิงหาคม 2554

ประชุมผู้ปกครองนักเรียน

วันนี้มีการประชุมผู้ปกครองนักเรียน
มีผู้ปกครองมาเข้าร่วมกว่า 91 คน ซึ่งคิดเป็น 92.46 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเยอะมาก

ทั้งคณะกรรมการสถานศึกษา และผู้อำนวยการรู้สึกพอใจมาก

หลังจากที่ทางผู้อำนวยการกล่าวนโยบาย จากนั้น ผมในฐานะฝ่ายวิชาการ (ก็ไปแฉ) กล่าวเรื่องพฤติกรรมนักเีรียน การระวังป้องกัน การจัดการศึกษา จุดเน้นของเขตพื้นที่การศึกษา และอีกหลายๆข้อ

จากนั้น ก็ฝ่ายประกันคุณภาพ และงานประกันภัยนักเรียน ก็ออกมาพูดต่ิอ แล้วผู้ปกครอง ก็เข้าพบนักเรียนที่ชั้นเรียน






นักเรียนหลายคนก็เสียวสันหลังไปตามๆกัน 555


...................................

02 สิงหาคม 2554

อีกหนึ่งบททดสอบจากสวรรค์..​.



2 ส.ค. 54
วันนี้ฝนตกช่วงเย็น เด็กบางคนกลับบ้านไม่ได้ เลยขึ้นมาช่วยกันพับซองผ้าป​่าของโรงเรียนที่จะเอาไปสร้​างห้องน้ำอนุบาล พอฝนหยุด จะไปส่งนักเรียนที่เป็นเด็ก​พิเศษ ปรากฎว่า ยางรั่ว!!!

ทั้งโรงเรียน เหลือครูแค่ 2 คน 
โชคดี ที่บ้านนักเรียนที่อยู่ใกล้​ๆเค้าปะยางได้ เลยเอาไปปะให้

ไม่เห็นต้องโมโห ไม่โทษใคร แถมต้องขอบคุณเสียอีก
เพราะถ้าคิดบวก เราก็คิดว่า "ถ้ายางไม่รั่ว เราอาจถูกรถชนก็ได้"

คิดแล้วก็มีความสุข ขี่รถกลับเย็นหน่อย เปลี่ยวหน่อย (ปลุกพระตลอดทาง 555)

ชีวิตครู...ต้องพอเพียง
แต่การศึกษาของเด็ก พอเพียงไม่ได้



...................................

29 กรกฎาคม 2554

เมื่อครูท้อแท้..


ขออัญเชิญพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพื่อเป็นข้อคิดในการทำงา

     ครั้งหนึ่งองคมนตรีสุเมธกำลังทำงานอยู่ในสภาพที่จิตใจย่ำแย่มาก ไม่มีกำลังใจทำอะไร ท้อแท้กับงานมาก ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนทำดีแต่ไม่ดี ในหลวงท่านทรงเสด็จมาพอดีและท่านได้เห็นสีหน้าไม่สู้จะดี ท่านได้สอบถามจนได้ความ พระองค์ท่านจึงตั้งคำถาม และ รับสั่งว่า

     "ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขายคุณค่ามันต่ำมาก คงได้เงินไม่กี่บาท แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง เวลาหลอมนี่เหล็กมันคงร้อนมาก พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบ คงต้องนำมาตีให้แบนอีก เวลาตีต้องเอาไปเผาด้วย ตีไปเผาไป อยู่หลายรอบกว่าจะเป็นรูปดาบอย่างที่เราต้องการ ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้ว ถ้าจะให้สวยงามดังใจ ก็ต้องนำไปแกะสลักลวดลาย ก็ต้องใช้ของมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงาม ก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ จะเห็นได้ว่ากว่าที่เศษเหล็กมีคุณค่าไม่มากนัก จะกลายเป็นดาบที่งดงามนั้น ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆกว่าจะประสบความสำเร็จ"

     ดังนั้น ขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า “ใครไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่”

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

........................................................................................................

     ผมจำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้เห็นข้อความนี้ น่าจะเป็นไฟล์ power point ข้อความเดียวกันทั้งหมด แต่รูปภาพประกอบเป็นรูปภาพที่เราหลายคนอาจจะเคยเห็นบ่อยครั้งแล้ว ภาพของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงงานหนักตลอด ภาพที่พระองค์มีพระเสโทตรงบริเวณจมูก ทำให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยอย่างผม ลุกขึ้นสู้ขึ้นมาบ้าง

     หลายครั้งที่การทำงานของเรามักจะถูกกระทบ ถูกตี ถูกกระทำต่างๆนานา ทั้งนี้เพราะ เราอยู่ในสังคม อยู่ในระบบนิเวศที่พยายามรักษาความสมดุล และผู้แข็งแกร่ง ย่อมมีโอกาสอยู่รอดเสมอ

     ...และการอยู่ในสังคม เป็นธรรมดาที่ต้องถูกติติง ถูกว่ากล่าว ถูกชมเชย ยกย่อง และติฉินนินทาเป็นธรรมดา

     ซึ่งบ่อยครั้ง บทกวีที่ว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน" อาจจะถูกมองว่า จริงแท้แน่นอน แต่คุณครูท่านหนึ่งที่เคยสอนผมตอนมัธยมปลาย ท่านสอนว่า "คนที่ไม่มีอะไรเด่น คือคนที่ไม่ทำอะไร และเป็นไปไม่ได้ ที่การทำความดี จะไม่เด่้นขึ้นมา" ดูอย่างเด็กนักเรียนเก็บเงินได้ แต่วินตอเตอร์ไซต์กลับบอกเด็กว่า ไม่ต้องเอาไปแจ้งตำรวจ เอาเงินมาแบ่งกันดีกว่า ซึ่งเด็กหญิงก็ไม่ยอม เพราะเขามีภูมิหลังที่ดี มีครอบครัวที่อบอุ่น ได้รับการอบรมมาดี เธอจึงบอกว่า "ไม่ได้ ครูสอนว่า อะไรไม่ใช่ของเรา ก็ไม่ควรนำมาเป็นของตน" ข่าวนี้โ่ด่งเพียง 3 วัน (3 วันจริงๆ เพราะหลังจากนั้น ก็เป็นข่าวของนักร้องดังที่ถูกกล่าวหาว่าไปทำดาราสาวท้่อง เรื่องของเด็กหญิงคนนี้ก็เงียบไป... จำไม่ได้แม้กระทั้งชื่อ หรือจังหวัดที่เกิดเรื่อง)

     เมื่อเราสังเกตดูเนื้อข่าวตามสื่อต่างๆ เราจะพบเรื่องดีๆเพียง 1 - 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือก็จะเป็นเรื่องที่อ่านแล้ว ดูแล้ว ไม่ค่อยสบายใจ ฉกชิงวิ่งราว ปล้น ฆ่า ข่มขืน และอีกมากมายสารพัด หรือว่าสังคมของเรามีความสุขกับการได้รู้ได้เห็นเรื่องของความเดือนร้อนของคนอื่น สนุกกับการพูดต่อ บอกเล่าเรื่องราวของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง หรือคนรู้จัก

     ...หรือจะรอให้เกิดเรื่องนั้นกับตนเอง จึงจะเข้าใจความรู้สึกของบุคคลและคนรอบข้างที่ถูกกระทำในข่าว

     ผมโชคดี ที่มีครูบาอาจารย์ที่ดี คอยอบรมสั่งสอน ตักเตือน ดุด่า ลงโทษ ซึ่งการกระทำของท่านทั้งหลายได้หล่อหลอมให้ผมเป็นอย่างทุกวันนี้ แต่ครูบาอาจารย์ของผมมีหลายสาขา หลายประเภท ทั้งเป็นมนุษย์ และเอกสารตำรา (ปัจจุบันอาจหมายรวมถือสื่อต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต CD ต่างๆ เป็นต้น) หลายท่านยังเมตตาตลอดมา แม้ได้เรียนกับท่านเพียงภาคเรียนเดียว แต่ท่านยังรักผมเหมือนลูก มีของดีมามอบให้ตลอด คอยตักเตือน ชี้แนะ (เมื่อตอนเรียนปริญญาตรี ผมเคยจะร้องเรียนมหาวิทยาลัย ที่ไม่เปิดรายวิชาเลือกเสรีให้กับนักศึกษา ในกรณีที่มีการลงชื่อสมัครไม่ถึง 25 คน จำได้ว่า เคยเขียนร้องเรียนโดยใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ลงในวารสาร สานปฏิรูปด้วย ... ทำไปได้ ) ถ้าไม่มีท่านในวันนั้น ผมอาจทำลายมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักของผมไปแล้ว 

หลังจากนั้น ผมได้สมัครเป็นประธานสภานักศึกษา คอยตรวจสอบการทำงานขององค์การนักศึกษา และประสานงานกับทางมหาวิทยาลัย ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆกับพี่น้องนักศึกษา เช่น มีคนโรคจิตเข้ามาลวนลามนักศึกษาหญิงที่ตึกคณะวิทยาศาสตร์ การไม่ได้รับเงินค่าหน่วยกิตคืน ในกรณีไม่เปิดสอนในรายวิชานั้นๆ การกระทำที่ไม่เหมาะสมของยามรักษาการณ์(บริษัทรับจ้าง) และอีกหลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องเป็นหนังหน้าไฟ ไม่ใช่เรื่องอะไรของเราโดยตรง แถมยังโดนหลายคนมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ (มาทำให้เค้าเดือนร้อน) 

เรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับป้ายที่ท่าน ผอ. โรงเรียนเก่าของผมเขียนไว้ ท่านเขียนว่่า "การทำดี มีเพียงคนที่คิดและทำตรงกันข้ามกับเราจะมองว่าไม่ดี" เช่น การที่เราจอดรอไฟสัญญาณจราจรโดยที่ในทางตรงข้ามกันนั้น ไม่มีรถสวนมาเลยสักคน ก็มีเพียงคนที่ชอบแหกกฎ ทำผิดกฎหมายเท่านั้น ที่จะมองว่า เราทำบ้าอะไร

ดังนั้น เมื่อทำความดี ทำสิ่งดีๆ เราอาจจะฟังเพียงคนที่ตำหนื แสดงความเห็น แต่อาจไม่ต้องนำกลับมาคิดด้วยอารมณ์โกรธแค้น หวังจ้องจะทำร้ายทำลายคืนไปบ้าง เพราะบางคน อาจพูดด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น เห็นคนอื่นทำความดี ทำประโยชน์มากกว่าตนเองไม่ได้ และเมื่อเราเอาจิตไปประหวัดตาม จิตของเราก็ขุ่นหมองไป การทำดีของเราก็เกิดประโยชน์ไม่เต็มที่

ท่านอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า การที่เราทำเพื้อคนอื่น วันหนึ่ง อานิสงส์จะเกิดกับเรา ผมเอาความเกลียดชังของเจ้าหน้าที่บางคน (ที่เค้าถูกผู้บริหารตำหนิจากการไม่แก้ไขความผิดพลาดของตนเอง จนทำให้นักศึกษาเดือนร้อน และผมก็ร้องเรียนกับผู้บริหาร) แลกกับความสำเร็จก้าวแรก เพราะเมื่อเราตั้งใจทำให้คนอื่นๆด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผลบุญจะเกิดกับเรา เรื่องนี้เด่นชัดในด้านของหน้าที่การงาน เพราะสามารถเข้าทำงานที่เตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือได้ หลังจากจบปริญญาตรีได้เพียง 3 วัน โดยที่ไม่ได้ใช้เส้นสายใดๆจากใครเลย และอาจรวมไปถึง การสอบบรรจุข้าราชการได้ตั้งแต่อายุ 23 (จบปริญญาตรีได้ 7 เดือน) ซึ่งผมก็เชื่อมากๆว่า เป็นเพราะผลที่เราทำเพื่อคนอื่น ทำเพื่อสถาบันการศึกษาของเรา

และคนเพราะความที่เรารักสถาบันการศึกษา รักมหาวิทยาลัยของเรา รักเตรียมอุดมฯ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิชาชีพ เทวดาทั้งหลาย รวมไปถึงคณาจารย์ พี่ๆ ทั้งราชภัฏพิบูลสงคราม และเตรียมอุดมฯ รวมไปถึงที่อื่นๆ จึงดึงไปช่วยงานบ้าง ผมก็ดีใจมากๆ เพราะถือว่าได้ตอบแทนพระคุณมหาวิทยาัลัย ตอบแทนครูบาอาจารย์ ตอบแทนพี่ๆที่ให้ข้าวให้น้ำกินเมื่อครั้งก่อน ผลพลอยได้คือ ชื่อเสียงและความรู้ทีไ่ด้รับมากขึ้น และการทีไ่ด้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้ใหญ่มากขึ้น แม้่บางคนที่เคยร่วมงานกัน เค้าอาจจะมองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ทางผู้บริหารก็เข้าใจ ให้โอกาส(ซึ่งก็ไม่ได้บ่อยครั้งมากมาย) อาจเป็นเพราะ 1 สัปดาห์มี 30 ชั่วโมง ผมสอนไป 22 ชั่วโมง (ยังไม่รวมกับติวตอนพักเที่ยงทุกวันพุธ และภาระงานอีก 7 อย่าง) และจะเก็บงานทำ คศ. 2 ด้วย ท่านก็เลยเมตตาอย่างสูง แต่ก็ไม่วายที่ผู้ร่วมงานบางท่านที่เราเคารพนับถือ ยังติติงว่าไม่สมควร...

...เมื่อเราท้อแท้จากการทำความดี โปรดนึกถึงคำสอนของพระเจ้าอยู่หัว นึกถึงเหล็กกล้า ที่ต้องถูกไฟ ถูกหล่อหลอม ถูกตี จึงจะกลายมาเป็นสิ่งที่สวยงาม

... เราจำทำความดีเพื่อแผ่นดินของเราต่อไป เพื่อให้สมกับเป็นคนของพระราชา ข้าของแผ่นดินครับ

28 กรกฎาคม 2554

คำขงเบ้ง

1. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น 
2. เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาสเพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วยดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" 
3. นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ 
4. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด 
5. ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด 
6. ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น 
7. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี 
8. ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย 
9. เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร 
10. เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อม เช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้ 
11. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น 
12. ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที 
13. ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ 
14. ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ 
15. อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น 
16. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ" 
17. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่" 
18. เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูตเพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร) 
19. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ" 
20. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้" 
21. เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี. 
22. สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ 
23. คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย 
24. ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน 
25. คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต



...................................

25 กรกฎาคม 2554

ปฏิบัติราชการ

วันนี้ ไปปฏิบัติราชการ คณะทำงานพัฒนาตัวชี้วัดฯ ตามคำสั่ง สพป.พล.1 ที่ 425/2554 ลว. 1 กค. 2554

ณ ห้องประชุม 2 สพป. พล. 1

เพื่อร่วมร่างคู่มือในการจัดเตรียมปฏิบัติในการประเมินจุดเน้น และกลยุทธ์ของ สพฐ.

งานใหญ่จริงๆเลย เฮ้ออออ
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ