คาถาสมัครงาน
พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะริรัญ ชีวิตัญวิทัง
นะโมมิตตามนุสสาจะ นะเมตตา โมกรุณา
(ใช้ท่องก่อนออกจากบ้านไปสัมภาษณ์หรือสมัครงานจะทำให ้มีเสน่ห์เป็นที่ประทับใจ)
09 พฤษภาคม 2553
08 พฤษภาคม 2553
คาถาสาริกาลิ้นทอง
คาถาสาริกาลิ้นทอง
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
(ใช้สวดภาวนาหากต้องการให้คนรักใคร่ พูดจาเป็นเสน่ห์ ตอนท่องถึงคำว่า มิ ก็ให้แตะที่ลิ้นด้วยทุกครั้ง)
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
(ใช้สวดภาวนาหากต้องการให้คนรักใคร่ พูดจาเป็นเสน่ห์ ตอนท่องถึงคำว่า มิ ก็ให้แตะที่ลิ้นด้วยทุกครั้ง)
07 พฤษภาคม 2553
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 3
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 3
วันสุดท้ายของการอบรม แต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบากมากๆ (เชื่อไหมครับ การเดินทางแต่ละครั้งไป - กลับ ใช้เวลาร่วม 6 ชั่วโมง) ใครอยากลองดูก้ได้นะครับ จากพิษณุโลกถึงกำแพงเพชรใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
แล้วก็เป็นไข้จนได้ กลัวอย่างเดียว กลัวเป็น 2009 จังเลยครับ
วันสุดท้ายของการอบรม แต่ด้วยการเดินทางที่ยากลำบากมากๆ (เชื่อไหมครับ การเดินทางแต่ละครั้งไป - กลับ ใช้เวลาร่วม 6 ชั่วโมง) ใครอยากลองดูก้ได้นะครับ จากพิษณุโลกถึงกำแพงเพชรใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
แล้วก็เป็นไข้จนได้ กลัวอย่างเดียว กลัวเป็น 2009 จังเลยครับ
06 พฤษภาคม 2553
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 2
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 2
แล้วก็เหนื่อยอีกวันหนึ่ง
แล้วก็เหนื่อยอีกวันหนึ่ง
05 พฤษภาคม 2553
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 1
อบรมการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา วันที่ 1
และแล้วสิ่งที่ครูบ้านนอกหลีกหนีไม่พ้นก็มาถึง
การเดินทางมาอบรมตั้งแต่แพร่ มาพิษณุโลก และจากพิษณุโลก ไปกำแพงเพชร ช่างเป็นอะไรที่เหนื่อยหน่ายและทรมานยิ่งนัก ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 2 ข้อ
1. หน้าที่ของคนเป็นครู (+จิตสำนัก +วิญญาน +อุดมการณ์)
2. เพราะจะเกิดความเสียหายต่อโรงเรียน (มีใครบางคนบอกว่าอย่างนั้น)
เหนื่อยจริงๆ
อบรมเรื่องเดิมๆ ตามโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ ตามแผนปฏิบัติการณ์ไทยเข้มแข็ง 2555 (SP2)
สาธุ ขอให้การศึกษาไทยดีขึ้นหน่อยเถอะ
และแล้วสิ่งที่ครูบ้านนอกหลีกหนีไม่พ้นก็มาถึง
การเดินทางมาอบรมตั้งแต่แพร่ มาพิษณุโลก และจากพิษณุโลก ไปกำแพงเพชร ช่างเป็นอะไรที่เหนื่อยหน่ายและทรมานยิ่งนัก ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 2 ข้อ
1. หน้าที่ของคนเป็นครู (+จิตสำนัก +วิญญาน +อุดมการณ์)
2. เพราะจะเกิดความเสียหายต่อโรงเรียน (มีใครบางคนบอกว่าอย่างนั้น)
เหนื่อยจริงๆ
อบรมเรื่องเดิมๆ ตามโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ ตามแผนปฏิบัติการณ์ไทยเข้มแข็ง 2555 (SP2)
สาธุ ขอให้การศึกษาไทยดีขึ้นหน่อยเถอะ
29 เมษายน 2553
วิธีดูแลตัวเองจากโรคมะเร็ง
หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ โรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์
1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลาย ประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลัง เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
7. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจาก การทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น
10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับ มะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
อะไรคืออาหารที่ป้อน ให้กับเซลมะเร็ง
a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น ' นิวตร้าสวีต ' ' อี ควล ' ' สปูนฟูล ' ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จาก นิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ ' แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะไ้ด้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหาร จำพวกเนื้อจะ สร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจ ได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมซาบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความ เป็นพิษมากขึ้น
13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่ม ภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid], สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำ สงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโต ได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้่ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ โรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์
1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย แข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลาย ประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลัง เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
7. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจาก การทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น
10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับ มะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
อะไรคืออาหารที่ป้อน ให้กับเซลมะเร็ง
a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น ' นิวตร้าสวีต ' ' อี ควล ' ' สปูนฟูล ' ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จาก นิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ ' แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะไ้ด้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหาร จำพวกเนื้อจะ สร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจ ได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมซาบสู่ระดับเซลภายใน 15 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ 140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความ เป็นพิษมากขึ้น
13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่ม ภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid], สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำ สงครามกับมะเร็ง... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโต ได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้่ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
28 เมษายน 2553
หมาเน่า กับไม้เขี่ยหมาเน่า
ฉันได้ฟังปริศนาธรรมเรื่องนี้จากคุณแม่
ซึ่งพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ
จากวัดป่าชิคาโก ท่านกรุณาเทศน์ให้ฟัง
พระอาจารย์เริ่มเรื่อง ด้วยคำถามว่า...
ENTRE RAICES
"ถ้ามีหมาเน่า ลอยน้ำมาติดที่หน้าบ้านของเรา เราจะทำยังไง"
Grass
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว กันว่า...
"ให้เอาไม้เขี่ยมันออก ไป"
Hummer with flash
พระอาจารย์ก็ถามต่อว่า...
"เขี่ยเสร็จแล้ว หมาเน่าลอยไปแล้ว ไม้นั้นเราทำยังไง"
lotus #12
ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า...
"ก็ต้องโยนทิ้งไป"
tell me a story
คราวนี้พระอาจารย์ก็บอกว่า...
Peaceable Kingdom
"นั่นแหละ มีคนบางพวก ไม่ยอมทิ้งไม้เขี่ยหมาเน่านั้นไปเฉยๆ ไม่รู้เสียดายอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าเหม็น แต่ก็หยิบกลับขึ้นมาดมอยู่เรื่อย ไม้เขี่ยหมาเน่าๆเหม็นๆน่ะ"
Autumn
พระอาจารย์เล่าเรื่องจบเพียงแค่นี้ ทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมให้เอามาคิดต่อ
papilio far away
เห็นด้วยกับฉันมั้ย คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็น แต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...
"Lily Reflections..."
"ไม่โง่ก็โรคจิตนะ"
- : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - :
เคยเป็นบ้างมั้ย เวลามีใครมาทำให้เราโกรธ
จนเรื่องต่างๆ เหตุต่างๆที่ทำให้เราโกรธมันดับไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังเก็บมาคิดมาแค้นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เสียดายอะไร...
ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้ เป็นทุกข์ แต่ก็เก็บความคิดแค้นมา เผาใจอยู่เรื่อยๆ
หรือไม่ต้องเรื่องความโกรธก็ได้ เรื่องอะไรๆที่มันผ่านไปแล้ว แต่หลายครั้ง เราก็ยังเก็บโน่นเก็บนี่มาคิด มากังวล มาเสียใจ...อะไรก็แล้วแต่
ฉันคนหนึ่งล่ะ ที่เคยเป็น แล้วฉันก็คิดว่า ทุกคนก็คงเคยเป็น
คราวหลังถ้าเป็นอีก ลองบอกตัวเองสิว่า...
"แน่ะ หยิบไม้เขี่ยหมาเน่ามาดมอีกแล้วนะเรา"
ดูซิว่า ยังจะอยากเก็บไม้เหม็นๆไว้ดมอีกมั้ย...
- : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - :
ขอบคุณ เมล์ดีๆที่มาของข้อความนี้ครับ
ซึ่งพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ
จากวัดป่าชิคาโก ท่านกรุณาเทศน์ให้ฟัง
พระอาจารย์เริ่มเรื่อง ด้วยคำถามว่า...
ENTRE RAICES
"ถ้ามีหมาเน่า ลอยน้ำมาติดที่หน้าบ้านของเรา เราจะทำยังไง"
Grass
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว กันว่า...
"ให้เอาไม้เขี่ยมันออก ไป"
Hummer with flash
พระอาจารย์ก็ถามต่อว่า...
"เขี่ยเสร็จแล้ว หมาเน่าลอยไปแล้ว ไม้นั้นเราทำยังไง"
lotus #12
ทุกคนก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกว่า...
"ก็ต้องโยนทิ้งไป"
tell me a story
คราวนี้พระอาจารย์ก็บอกว่า...
Peaceable Kingdom
"นั่นแหละ มีคนบางพวก ไม่ยอมทิ้งไม้เขี่ยหมาเน่านั้นไปเฉยๆ ไม่รู้เสียดายอะไร ทั้งๆที่รู้ว่าเหม็น แต่ก็หยิบกลับขึ้นมาดมอยู่เรื่อย ไม้เขี่ยหมาเน่าๆเหม็นๆน่ะ"
Autumn
พระอาจารย์เล่าเรื่องจบเพียงแค่นี้ ทิ้งไว้เป็นปริศนาธรรมให้เอามาคิดต่อ
papilio far away
เห็นด้วยกับฉันมั้ย คนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม้เหม็น แต่ก็ยังเก็บมาดมอยู่ได้เนี่ย...
"Lily Reflections..."
"ไม่โง่ก็โรคจิตนะ"
- : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - :
เคยเป็นบ้างมั้ย เวลามีใครมาทำให้เราโกรธ
จนเรื่องต่างๆ เหตุต่างๆที่ทำให้เราโกรธมันดับไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังเก็บมาคิดมาแค้นอยู่นั่นแหละ ไม่รู้เสียดายอะไร...
ทั้งๆที่รู้ว่าทำให้ เป็นทุกข์ แต่ก็เก็บความคิดแค้นมา เผาใจอยู่เรื่อยๆ
หรือไม่ต้องเรื่องความโกรธก็ได้ เรื่องอะไรๆที่มันผ่านไปแล้ว แต่หลายครั้ง เราก็ยังเก็บโน่นเก็บนี่มาคิด มากังวล มาเสียใจ...อะไรก็แล้วแต่
ฉันคนหนึ่งล่ะ ที่เคยเป็น แล้วฉันก็คิดว่า ทุกคนก็คงเคยเป็น
คราวหลังถ้าเป็นอีก ลองบอกตัวเองสิว่า...
"แน่ะ หยิบไม้เขี่ยหมาเน่ามาดมอีกแล้วนะเรา"
ดูซิว่า ยังจะอยากเก็บไม้เหม็นๆไว้ดมอีกมั้ย...
- : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - : - - :
ขอบคุณ เมล์ดีๆที่มาของข้อความนี้ครับ
27 เมษายน 2553
ดอกไม้ประจำเดือนเกิด เดือนธันวาคม
ดอกไม้ประจำเดือนเกิด เดือนธันวาคม- ดอกพุทธรักษา
" ดอกพุทธรักษา " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งความสนุกสนาน ความโชคดีของชีวิต มีความสว่างไสวอยู่ในมุมที่น่าเบื่อที่สุดของสวน ดังนั้นผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงมีความประพฤติดี ๆ และมีระเบียบวินัยที่ผ่อนคลายยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา จึงมักที่จะเป็นแรงกำลังใจให้กับเพื่อนฝูงในเวลาตกต่ำของชีวิต ทำให้คนอื่นรอบข้างมองโลกในทางที่ดีขึ้น เบิกทางสู่เสรีภาพ และมักนำคนรอบข้างไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่เสมอ จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนธันวาคม มีบุคลิกโดดเด่น ร่าเริงและมีความสามารถในการปลอบโยนให้กำลังใจคนได้ดี และที่สำคัญมีความศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องการก่อตั้งองค์กรทางศาสนา
" ดอกพุทธรักษา " นั่น ถือว่าเป็นดอกไม้แห่งความสนุกสนาน ความโชคดีของชีวิต มีความสว่างไสวอยู่ในมุมที่น่าเบื่อที่สุดของสวน ดังนั้นผู้ที่เกิดเดือนนี้จึงมีความประพฤติดี ๆ และมีระเบียบวินัยที่ผ่อนคลายยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา จึงมักที่จะเป็นแรงกำลังใจให้กับเพื่อนฝูงในเวลาตกต่ำของชีวิต ทำให้คนอื่นรอบข้างมองโลกในทางที่ดีขึ้น เบิกทางสู่เสรีภาพ และมักนำคนรอบข้างไปสู่การตัดสินใจที่ถูกต้องอยู่เสมอ จิตอันซ่อนเร้นของชาวเดือนธันวาคม มีบุคลิกโดดเด่น ร่าเริงและมีความสามารถในการปลอบโยนให้กำลังใจคนได้ดี และที่สำคัญมีความศรัทธาเกี่ยวกับเรื่องการก่อตั้งองค์กรทางศาสนา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ