วันนี้เอาฤกษ์ดี ตลอดปี 2553
ทั้งฤกษ์แต่งงาน
ฤกษ์บวช
ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่
ฯลฯ
ดูได้ที่ http://www.seal2thai.org/sara/sara203.htm
http://www.seal2thai.org/sara/sara202.htm
http://www.seal2thai.org/sara/sara201.htm
01 กุมภาพันธ์ 2553
31 มกราคม 2553
ไปวัดหนองบัว โพธิ์ประทับช้าง
วันนี้ไปวัดหนองบัว โพธิ์ประทับช้างมาครับ
สภาพเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้ไปมาเกือบปี แต่พี่สาวของพระอาจารย์ และพระอาจารย์ยังจำได้อยู่
ดีใจครับ
เรื่องดวงเหมือนเดิม
สภาพเปลี่ยนไปมาก ไม่ได้ไปมาเกือบปี แต่พี่สาวของพระอาจารย์ และพระอาจารย์ยังจำได้อยู่
ดีใจครับ
เรื่องดวงเหมือนเดิม
30 มกราคม 2553
เหยือกชีวิต
หากเหยือกคือชีวิตของคุณ มันเต็มไปหรือยัง
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน
เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท
เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึกหัดง่ายๆ
แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ
เหยือกแก้ว ขนาดให ญ่ขึ้นมา แล้วใส่
ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม
'พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน
'เต็มแล้ว...'
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
“เหยือกเต็มหรือยัง?'
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ 'เต็มแล้ว...'
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไป ปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา
และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
เม็ดทราย ไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย
เขาเทจนทรายหมดถุง
เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง “เหยือกเต็มหรือยัง?'
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน
ปรึกษากันอยู่นาน
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ
มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง
มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบ ห้านาที
หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
“คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์'
“แน่ใจนะ'
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ'
คราวนี้เขาหยิบ น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้ต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่ีรอ
ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด
ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
“ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต
การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง
สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ
แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด
ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน '
ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ
น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต
เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีคว ? มสุข
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย
พาคู่ชีวิตกับล ูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย
เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต
พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและเป็นห่วง
เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด
หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ
หมายถึงอะไร ?'
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า “ การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด
ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ... '
แล้วเหยือกของคุณล่ะเต็มหรือยัง http://seal2thai.blogspot.com
Dreams it
Believe it
Do it
ขอบคุณ ฟอร์เวริดเมล์ฉบับนี้นะครับ
ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน
เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท
เขาเตรียมการสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึกหัดง่ายๆ
แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ
เหยือกแก้ว ขนาดให ญ่ขึ้นมา แล้วใส่
ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม
'พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน
'เต็มแล้ว...'
เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก
“เหยือกเต็มหรือยัง?'
นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ 'เต็มแล้ว...'
เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไป ปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา
และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
เม็ดทราย ไหลลงไปตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย
เขาเทจนทรายหมดถุง
เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก
เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง “เหยือกเต็มหรือยัง?'
เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน
ปรึกษากันอยู่นาน
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ
มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง
มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจนเวลาผ่านไปเกือบ ห้านาที
หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
“คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์'
“แน่ใจนะ'
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ'
คราวนี้เขาหยิบ น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้ต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่ีรอ
ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด
ทั้งชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่
เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น
“ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต
การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง
สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์
ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ
แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน
คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด
ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน '
ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ
น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต
เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีคว ? มสุข
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย
พาคู่ชีวิตกับล ูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย
เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต
พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและเป็นห่วง
เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด
หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
“ แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ
หมายถึงอะไร ?'
เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า “ การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด
ในความสับสนและวุ่นวายเหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ... '
แล้วเหยือกของคุณล่ะเต็มหรือยัง http://seal2thai.blogspot.com
Dreams it
Believe it
Do it
ขอบคุณ ฟอร์เวริดเมล์ฉบับนี้นะครับ
29 มกราคม 2553
ปลุกเสกคน อ.หนู กันภัย
วันนี้รายการ "บันทึกลึกลับ" ช่อง 5 ได้นำเสนอเรื่อง พิธีปลุกเสกคน ของ อ.หนู กันภัย
พิธีนี้จัดขึ้นวันที่ 4 - 6 ธ.ค. 2552 (ซึ่งได้นำเสนอไปแล้วนั้น)
พิธีนี้ยังไม่ใช่พิธีไหว้ครู แต่เป็นพิธีครอบครู เทพ - ศิลป์ ส่วนวันไหว้ครู อ.หนู จริงๆ คือ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. 2553 ครับ
พิธีนี้จัดขึ้นวันที่ 4 - 6 ธ.ค. 2552 (ซึ่งได้นำเสนอไปแล้วนั้น)
พิธีนี้ยังไม่ใช่พิธีไหว้ครู แต่เป็นพิธีครอบครู เทพ - ศิลป์ ส่วนวันไหว้ครู อ.หนู จริงๆ คือ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. 2553 ครับ
เข้าชมภาพพิธีปลุกเสกคนแบบเต็มได้ที่ อ.หนู กันภัย
28 มกราคม 2553
อาการของความเครียด ที่ทำให้เกือบเสียชีวิต
วันนี้ก็ไปโรงเรียนตามปกติ
พอไปถึงที่โรงเรียน เห็นเด็กนักเรียนยืนออกันหน้าบ้านพักครูวินัย
ตอนแรกกะจะไล่เด็ก เพราะกลัวว่าเด็กจะมารบกวนลุงวินัย
กำลังจะอ้าปากเท่านั้นแหละ
เด็กบอกว่า "ครูคะๆ ครูวินัยป่วยค่ะ"
ผมรีบเบรครถมอเตอร์ไซต์จนล้อแทบปัด ส่วนพี่ดารีบกระโดลงจากรถในทันที
ผมหันหัวรถกลับ แล้วรีบถอดเสื้อคลุม หมวกกันน๊อค และหมวกกันฝุ่น รีบพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง ในใจก็กลัวว่า ลุงวินัยจะเป็นอะไรไป
เมื่อเห็นลุงวินัยยังลืมตาก็ใจชื้น ลุงพยายามขยับตัวขึ้นโดยมีป้าเล็กและลุงสวัสดิ์ช่วยประคองอยู่ และเมื่อผมขึ้นไป ทุกคนก็พยายามจะช่วยอุ้มลงไป ผมคิดว่าอาจเกิดอันตรายกับทุกคน จึงให้ใช้วิธีประคองตัว ให้กอดคอลงไปก่อน ลุงวินัยขยับตัวไม่ได้ แต่ยังมีความรู้จึงจึงร้องเจ็บปวดตลอดเวลา เมื่อลงไปชั้นล่างได้ จึงใช้วิธีช่วยกันอุ้มขึ้นรถลุงสวัสดิ์
ผมนั่งหอบพักใหญ่ สงสัยไม่ได้ออกกำลังกายแบบหนักๆมานาน
มานั่งคุยกันว่า ลุงวินัยเป็นอะไร ถึงมีอาการคล้ายคนเป็นอัมพฤกแบบนี้
บ้างก็ว่า ลุงแอบกินกาแฟ
บ้านก็ว่า ลุงเครียดที่กู้เงินพัฒนาชีวิตไม่ได้ เลยเครียด
จริงๆแล้ว ลุงเป็นโรคไต ต้องไปฟอกเลือดทุกวัน อังคาร พฤหัส เสาร์
ค่าฟอกไต เบิกได้ ค่ารักษาเบิกได้
แต่ค่าเดินทางไป เบิกไม่ได้
ลุงจึงต้องหาเงินกู้มาเพื่อรักษาตัวเอง
เรื่องนี้ ทำให้ครูบ้านนอกอย่างผมได้ข้อคิดว่า ตอนเรายังหนุ่ม เราต้องเก็บเงิน ต้องหาเงินเพิ่ม ต้องวางแผนอนาคต เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ อีกอย่าง ครูรุ่นผมไม่มีบำนาญ ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกัน เอาบำนาญข้าราชการไป คงลืมไปแล้วมั้งว่า ข้าราชการเงินเดือนน้อย สิ้นปีก็ต้องจ่ายภาษี ไปอบรมบางทีก็ไม่ได้เบี้ยเลี้ยง ไม่ได้ค่าเดินทาง ถึงได้ก็ไม่คุ้ม เพราะเค้าอ้างว่า "เป็นหน้าที่อยู่แล้ว"
ระวังนะครับ
กู้เงินไม่ได้แล้วเครียด
เดี๋ยวจะพาลนอนโรงพยาบาล
พอไปถึงที่โรงเรียน เห็นเด็กนักเรียนยืนออกันหน้าบ้านพักครูวินัย
ตอนแรกกะจะไล่เด็ก เพราะกลัวว่าเด็กจะมารบกวนลุงวินัย
กำลังจะอ้าปากเท่านั้นแหละ
เด็กบอกว่า "ครูคะๆ ครูวินัยป่วยค่ะ"
ผมรีบเบรครถมอเตอร์ไซต์จนล้อแทบปัด ส่วนพี่ดารีบกระโดลงจากรถในทันที
ผมหันหัวรถกลับ แล้วรีบถอดเสื้อคลุม หมวกกันน๊อค และหมวกกันฝุ่น รีบพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง ในใจก็กลัวว่า ลุงวินัยจะเป็นอะไรไป
เมื่อเห็นลุงวินัยยังลืมตาก็ใจชื้น ลุงพยายามขยับตัวขึ้นโดยมีป้าเล็กและลุงสวัสดิ์ช่วยประคองอยู่ และเมื่อผมขึ้นไป ทุกคนก็พยายามจะช่วยอุ้มลงไป ผมคิดว่าอาจเกิดอันตรายกับทุกคน จึงให้ใช้วิธีประคองตัว ให้กอดคอลงไปก่อน ลุงวินัยขยับตัวไม่ได้ แต่ยังมีความรู้จึงจึงร้องเจ็บปวดตลอดเวลา เมื่อลงไปชั้นล่างได้ จึงใช้วิธีช่วยกันอุ้มขึ้นรถลุงสวัสดิ์
ผมนั่งหอบพักใหญ่ สงสัยไม่ได้ออกกำลังกายแบบหนักๆมานาน
มานั่งคุยกันว่า ลุงวินัยเป็นอะไร ถึงมีอาการคล้ายคนเป็นอัมพฤกแบบนี้
บ้างก็ว่า ลุงแอบกินกาแฟ
บ้านก็ว่า ลุงเครียดที่กู้เงินพัฒนาชีวิตไม่ได้ เลยเครียด
จริงๆแล้ว ลุงเป็นโรคไต ต้องไปฟอกเลือดทุกวัน อังคาร พฤหัส เสาร์
ค่าฟอกไต เบิกได้ ค่ารักษาเบิกได้
แต่ค่าเดินทางไป เบิกไม่ได้
ลุงจึงต้องหาเงินกู้มาเพื่อรักษาตัวเอง
เรื่องนี้ ทำให้ครูบ้านนอกอย่างผมได้ข้อคิดว่า ตอนเรายังหนุ่ม เราต้องเก็บเงิน ต้องหาเงินเพิ่ม ต้องวางแผนอนาคต เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ อีกอย่าง ครูรุ่นผมไม่มีบำนาญ ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกัน เอาบำนาญข้าราชการไป คงลืมไปแล้วมั้งว่า ข้าราชการเงินเดือนน้อย สิ้นปีก็ต้องจ่ายภาษี ไปอบรมบางทีก็ไม่ได้เบี้ยเลี้ยง ไม่ได้ค่าเดินทาง ถึงได้ก็ไม่คุ้ม เพราะเค้าอ้างว่า "เป็นหน้าที่อยู่แล้ว"
ระวังนะครับ
กู้เงินไม่ได้แล้วเครียด
เดี๋ยวจะพาลนอนโรงพยาบาล
27 มกราคม 2553
ออกกำลังต้านมะเร็ง
ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์
1. ทุกๆ คนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
4. เมื่อ ใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
5. เพื่อ เอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
6. การทำ คีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวด เร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
7. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
8. การ บำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
9. เมื่อ ร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น
10. การทำ คีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น ' นิวตร้าสวีต' ' อีควล ' ' สปูนฟูล ' ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ 'แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. นม เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้าง สภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80%และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 15นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูงชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งน้ำ ดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12.. โปรตีน จากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความ เป็นพิษมากขึ้น
13. ผนัง ของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid],สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
15.. มะเร็ง เป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำ สงครามกับมะเร็ง.... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. เซล มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
www.seal2thai.org
1. ทุกๆ คนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษา แล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่ มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น
2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง
3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร้งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก
4. เมื่อ ใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต
5. เพื่อ เอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกัน แข็งแรงขึ้น
6. การทำ คีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวด เร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ
7. การฉายรังสีแม้ว่าจะเป็นการทำลายเซลมะเร็ง แต่ก็ทำให้เกิดอาการไหม้ เป็นแผลเป็น และทำลายเซลที่ดี เนื้อเยื่อ และอวัยวะ
8. การ บำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก
9. เมื่อ ร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมี ความซับซ้อนยิ่งขึ้น
10. การทำ คีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว
อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น ' นิวตร้าสวีต' ' อีควล ' ' สปูนฟูล ' ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ 'แบรก อมิโน ' หรือเกลือทะเลแทน
b. นม เป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ได้รับอาหาร
c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแงดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้าง สภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง
d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80%และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก 20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 15นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ 2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ140 องศา F ( ประมาณ 40 องศา C)
e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อกโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูงชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งน้ำ ดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง
12.. โปรตีน จากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความ เป็นพิษมากขึ้น
13. ผนัง ของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น
14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สาร IP6 [inositol hexaphosphate หรือ phytic acid],สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือกำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป
15.. มะเร็ง เป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำ สงครามกับมะเร็ง.... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต
16. เซล มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง
www.seal2thai.org
26 มกราคม 2553
เอาหญ้าลงสนาม
วันนี้โรงเรียนของผมเอาหญ้าลงสนาม (ไม่กล้าเรียกว่าปลูกหญ้า)
เด็กบางคนก็เต็มใจทำ ตั้งใจทำเพื่อโรงเรียน เรียกได้ว่าจิตสาธารณะ
แต่บางคนอู้ ทำตามสั่ง บ้างก็ไม่ค่อยเต็มใจ บ้างก็หนีๆๆๆๆๆๆๆ
เซ็งเลย สั่งคมมีแบบนี้ทุกระดับ แล้วประเทศชาติจะเดินไปได้อย่างไรกัน
เด็กบางคนก็เต็มใจทำ ตั้งใจทำเพื่อโรงเรียน เรียกได้ว่าจิตสาธารณะ
แต่บางคนอู้ ทำตามสั่ง บ้างก็ไม่ค่อยเต็มใจ บ้างก็หนีๆๆๆๆๆๆๆ
เซ็งเลย สั่งคมมีแบบนี้ทุกระดับ แล้วประเทศชาติจะเดินไปได้อย่างไรกัน
25 มกราคม 2553
เก็บตกงานวัดใหญ่
วันนี้มีภาพเก็บตกงานวัดใหญ่มาฝากอีก 1 ครับ
ขอทานที่สะพานระหว่างวัดนางพญา กับวัดราชบูรณะ
ผมแอบถ่ายไปด้วยและเดินไปด้วย
เกือบถูกสังเกตเห็น
ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 24 ม.ค. 2553 เวลาประมาณ 11.00น. แต่วันนี้ (25 ม.ค. 53 )ผมเดินผ่าน ปรากฎว่าไม่พบกับคนกลุ่มนี้แล้ว แต่กลับมีคนกล่มใหม่มานั่ง มานอนแทน เฮ้อ
จะมีใครตรวจบัตรประชาชนพวกนี้ไหมเนี่ย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ