แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดน่ารู้ แสดงบทความทั้งหมด

17 กรกฎาคม 2552

อาการของผู้ติดเชื้อหวัด 2009

วันนี้รู้สึกเจ็บๆคอ เลยมาลองค้นข้อมูลเกี่ยวกับหวัด 2009 H1N1 ชนิด a กันครับ

อาการ

ผู้ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่เกิดขึ้นตามปกติ คือ มีไข้ขึ้นสูง ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ไอ คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อยตามร่างกายรุนแรง ท้องร่วง และปวดศีรษะรุนแรง อาการป่วยจะพัฒนารวดเร็วและจะมีอาการหายใจลำบากอย่างรุนแรงภายใน 5 วัน ทั้งนี้อาจจะพบว่าผู้ที่รับเชื้อจะแสดงอาการไม่รุนแรง

ข้อควรระวัง

- ผู้ติดเชื้อมีภูมิต้านทานอ่อนแอ ได้แก่ เด็ก คนชรา และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ เป็นต้น จะมีผลกระทบต่อร่างกายมากกว่าคนธรรมดา ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นควรพบแพทย์เมื่อรู้สึกเป็นไข้ภายใน 2 วัน

- กรณีที่มีอาการรุนแรง เกิดจากมีการอักเสบที่ปอด จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

- เด็กเล็กที่มีผู้ปกครองอาจได้รับทราบอาการป่วยช้า เนื่องจากเด็กไม่ได้บอกให้ทราบ




การติดต่อ

การแพร่ติดต่อเช่นเดียวกับโรคไข้หวัดใหญ่ในคน คือ

1. แพร่ไปยังผู้อื่นโดยการไอ หรือจามรดกัน โดยที่เชื้อจะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย

2. ติดจากมือและสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ และเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางจมูกและตา หากนำมือที่มีเชื้อไปสัมผัสร่างกาย เช่น การแคะจมูก การขยี้ตา


การป้องกัน

1.ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิด เพื่อป้องกันเวลาจาม

2.หมั่นล้างมือ

3.หากมีอาการ ไข้อย่างรุนแรง และไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคนี้ รวมทั้งผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการแพร่ระบาด

4. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่แอดอัด และงดเดินทางไปในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้อย่างรุนแรง

5. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ


การรักษา


ในเอกสารเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดชนิดนี้ ที่กงสุลใหญ่ ในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ แสดงข้อมูลที่ระบุว่า สามารถใช้ยาชนิดเดียวกับยาไข้หวัดใหญ่ทั่วไปในการรักษาไข้หวัดชนิดเอ H1N1 ได้ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) หรือ ทามิฟลู (Tamiflu) และยา zanamivir ซึ่งเป็นยาชนิดพ่น แต่ทั้งนี้ยาดังกล่าว ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้

ทั้งนี้มีรายงานระบุว่าในสหรัฐอเมริกา ผลการตรวจเชื้อไวรัสชนิดนี้พบว่าเชื้อดังกล่าวดื้อยาต้านไวรัส amantadine และ rimantadine

อย่างไรก็ตาม WHO ออกมายอมรับว่ายาทามิฟลูที่มีอยู่ในขณะนี้อาจไม่เพียงพอต่อการับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจเพิ่มมากขึ้น


ข้อควรพิจารณา

1. ไม่ควรเชื่อ หากมีการโฆษณาว่า เมื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไปแล้ว จะสามารถป้องกันไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ได้

2. ค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจว่าผู้ป่วยเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ ต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมากสำหรับผู้มีฐานะยากจน คือประมาณ 4,000-8,000 บาท ดังนั้นจึงควรพิจารณาให้รอบคอบ หรือศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองและปรึกษาแพทย์ก่อน

30 พฤษภาคม 2552

การกำจัดไฟล์ Thumbs.db

ผม backup ข้อมูลลง maxtor ปรากฎว่าสถานะไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะไฟล์ Thumbs.db จึงลองหาวิธีลบดูครับ ต้องขอบคุณผู้เขียนบทความคนแรกที่ผมนำมาด้วยนะครับ พอดีลืมไปว่าเอามาจากไป ต้องขออภัยด้วยนะครับ

ไฟล์ Thumbs.db จะถูกสร้างขึ้นเมื่อเปิดข้อมูลใช้งานบ่อย ๆ เป็นไฟล์สำหรับเรียกซ้ำข้อมูลเดิม ประโยชน์ของมันคือ ทำให้การเรียกใช้งานไฟล์นั้น ๆ ทำได้รวดเร็ว แต่ก็มีข้อเสียคือ มันจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเปิดใช้งานบ่อย ๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราลบไฟล์นี้ออกไปก็จะทำให้มีพื้นที่ว่างของฮาร์ดดิสก์เพิ่มขึ้นยังไงล่ะ มีด้วยกันอยู่ 2 วิธีนะ ใครจะทำวิธีไหนก็ได้นะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
วิธีที่ 1
1. ดับเบิลคลิกที่ My Computer แล้วเลือกคำสั่ง Tools > Folder Options แล้วคลิกที่แท็บ View2. จากนั้นคลิกเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Do not cache thumbnails 3. ที่ Hidden files and folders ให้คลิกที่ตัวเลือก Show hidden files and folders แล้วคลิก OK4. ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการลบไฟล์ Thumbs.db กัน ให้คุณคลิกที่ Start > Search > for Files or Folders..5. แล้วคลิกที่ All file and folders ( จะอยู่ฝั่งขวามือ) จากนั้นพิมพ์ Thumbs.db ลงไปที่ All or part of the name: แล้วคลิก Search
6. เมื่อเจอไฟล์เหล่านี้แล้วก็คิ๊กเลือกทั้งหมดแล้วจัดการลบได้เลยค่ะ

วิธีที่ 2
1. คลิ๊ก Start > Run > พิมพ์ว่า GPEDIT.MSC เพื่อเรียกโปรแกรม Group Policy ขึ้นมา จากนั้นให้ไปที่ User Configuration > Administrative Templates > Windows Components > Windows Explorer
2. มาดูที่ช่องด้านขวาให้หาคลิ๊กคำว่า Turn off caching of thumbnail pictures จากนั้นคลิ๊กขวาแล้วเลือก Properties แล้วเลือก Enabled แล้วกดปุ่ม OK
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ