12 มิถุนายน 2556

เปิดไฟหน้ายามฝนตก หรือทัศนวิสัยไม่ดีแบบปัญญาชนกันเถิดครับ

มอเตอร์ไซต์ เปิดไฟหน้าตลอดเวลา เพราะมติคณะรัฐมนตรี

รถยนต์ เปิดไฟหน้ายามฝนตก หรือทัศนวิสัยที่แย่ เพื่อให้เพื่อนร่วมทางปลอดภัย

ยามฝนตก คุณลองขี่มอเตอร์ไซต์บนนถนนดู แล้วคุณจะรู้ว่า มองไม่เห็นรถยนต์ที่วิ่งตามหลังมา ต่อให้ฝนตก 11 โทง แต่ท้องฟ้าปิด บวกกับสายฝนที่ซัดมา มันทำให้มองไม่เห็นรถข้างหลังเลย (หมวกกันน๊อค มันไม่มีที่ปัดน้ำฝน)... ลองดูนะครับ ถนน เป็นของเราทุกคน เปิดไฟหน้ายามฝนตก เพื่อความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทาง

...ขอบพระคุณ รถยนต์ 3 คัน ใน 100 คัน ในวันนี้ ที่เปิดไฟตอนฝนตกแบบปัญญาชนครับ

ขอบพระคุณครับ

  ........................................................







...............................

30 พฤษภาคม 2556

เปลี่ยนจากกด like มาช่วยทำความดีกันดีกว่า ^_^

สวัสดีครับ
วันนี้มีเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟังตามประสาครูบ้านนอกอีกแล้ว

เริ่มตั้งแต่เมื่อวานที่ได้รับข้อความจากท่านผู้อำนวยการว่า ให้ผมและครูในโรงเรียนอีก 3 ท่าน รวมถึงท่านผู้อำนวยการ ไปประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ที่ศูนย์โรงเรียนบ่อวิทยบางระกำ

วันนี้ เลยเริ่มวางแผนที่ไม่ต้องห่อปิ่นโตไปกินโรงเรียน (ไม่ต้องทำข้าวเช้าและข้าวกลางวันเอง) จิตใจก็ละเมอเพ้อหาพี่วิไล

ขอพูดถึงพี่วิไลหน่อยนะครับ

แกเป็นเจ้าของร้านขายอาหารตามสั่งซึ่งเดิมอยู่เยื้องกับหอพักของผม ผมมีโอกาสได้กินข้าวของร้านนี้มาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี ซึ่งตอนนั้นขายจานละ 15 บาท (ร้านอื่นๆขาย 20 บาทไปแล้ว) จนกระทั้งผมเรียนจบ ไปสอนที่กำแพงเพชร ทุกเช้าต้องมายืนหน้าร้านแก บางครั้งก็เอาน้ำ เอาขนมมาแบ่งให้กิน เวลาสั่งข้าวมากิน เหมือนจะสั่งแบบพิเศษ ทั้งที่ก็สั่งกินราคาปกติ แต่แกกก็กลัวเราไม่อิ่ม (ในขณะที่เรากินแทบไม่หมด)

น่าแปลก ที่เช้าวันนี้ จิตใจอยากมุ่งมั่นไปร้านแกให้ได้ ทั้งๆที่ก่อนออกจากบ้านยังคิดว่า ขี่รถเลยไปกินใกล้ๆบ่อวิทย์ ดีกว่า แต่ก็มีเหตุให้ได้แวะไป นั่นก็คือน้ำมันใกล้จะหมด แวะไปเติมก่อนแล้วจึงแวะไปที่ร้าน

เมื่อไปถึง ก็สั่งข้าวไข่เจียวมากิน (แหม ที่บ้านก็ทำได้เนาะ ข้าวไข่เจียวเนี่ย ถ่อมากินถึงหลัง ม.นเรศวร) มันไม่ใช่เพียงความอร่อยของฝีมือพี่วิไลอย่างเดียว แต่มันเป็นการได้พูดคุยสนทนาเรื่องต่างๆ

...และเรื่องที่คุยกันแล้วรู้สึกอึ้งไปเลย

นั่นก็คือ พี่วิไลจะปิดตำนานกะเพราไข่ดำซะแล้ว !!!!!

พี่วิไล มีอาการป่วยเนื่องจากการที่แกยืนผัดอาหาร ทอดอาหารมานานนับสิบๆปี ไอของน้ำมันต่างๆก็เข้าสู่ร่างกาย จะสมเกาะกุม ทำให้ร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติ แกเลยตัดสินใจ หยุดการขายอาหารตามสั่งลง

...โห ผมก็เศร้าในหัวใจ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้มาหาแกบ่อยนักตั้งแต่แกย้ายร้านจากหน้าหอพัก มาอยู่ตรง ม.นเรศวร แต่เราก็ยังรักและผูกพันเหมือนพี่น้องกัน ไม่ใช่เพราะว่า แกขายอาหารราคาจานละ 25 บาท ในขณะที่ร้านอื่นๆขาย 35 - 40 กันหมดแล้ว แต่เพราะความรู้สึกว่า พี่ที่เรารักคนหนึ่งป่วย อย่าว่าแต่ผมที่เสียใจเลย หลายคนที่รู้เรื่องนี้ ทั้งที่เรียนราชภัฏ เรียนม.นเรศวร ที่เคยได้มากินข้าวร้านพี่วิไลก็คงรู้สึกคล้ายกัน  นั่นเพราะ แกมีน้ำใจกับทุกคน ขนาดนักศึกษาที่เงินหมดในช่วงปลายเดือน แกยังทำกับข้าว แบ่งน้ำซุปต้มกระดูกหมู พร้อมหมูเป็นชิ้นๆเอาไปให้ต้มกินกับบะหมี่สำเร็จรูป ทุกคนที่เคยมากินข้างร้านแก เลยรักพี่วิไล

ภาวนา ขอให้แกไม่ได้ป่วยเป็นอะไรที่ร้ายแรงนะครับเนี่ย

โอ.... แพล่มมาซะยาว ยังไม่เข้าเรื่องเลยนะเนี่ย

ในตอนเป็น หลังจากอบรม ผมแวะมาที่ร้านเพื่อจะมาเอากับข้าวที่สั่งไว้ทิ้งทวนก่อนปิดตำนาน และหลบฝนที่ทำท่าจะตกอย่างรุนแรง ฟ้าแล๊บฟ้าร้องที่ร้านพี่วิไลอีกครั้ง

ตอนกลับ อยู่ๆพี่วิไลบอกว่า มีคนทำกระเป๋าเงินหล่นหน้าร้าน เด็กเก็บเอามาไว้ให้เมื่อวาน แกบอกจำนวนเงินในกระเป๋า ผมก็ถามว่า มีบัตร มีที่อยู่ของเจ้าของหรือเปล่า แกเลยหยิบมาให้ดู

ผมดูบัตรต่างๆของเขา เป็นคนพิษณุโลก แต่อยู่ต่างอำเภอ เมื่อดูจนหมดก็พบว่า มีบัตรของพนักงานเซ็นทรัล สาขาพิษณุโลก เลยอาสาจะเอาไปถามที่เซ็นทรัลให้

พอกลับมาถึงบ้าน ฝนทำท่าจะตกอีก เลยรอให้มั่นใจว่าปลอดภัยแน่แล้ว ก็ขี่รถไปที่เซ็นทรัล สาขาพิษณุโลก

เมื่อไปถึง ก็มุ่งไปถามที่ประชาสัมพันธ์ว่า เขาสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่า พนักงานคนนี้ ยังทำงานอยู่หรือเปล่า (เพราะบัตรพนักงานหมดอายุแล้ว) เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้ลองไปถามที่ร้านดูได้เลยค่ะ ชั้น 3

ผมเลยดูบัตรอย่างละเอียด อ๋อ!!! เขาอยู่ร้านพิซซ่า (ทำไมตอนแรกไม่เห็นชื่อร้านหว่า)

เมื่อไปถึงหน้าร้าน ก็พบน้องผู้หญิงคนหนึ่งยืนต้อนรับแขกอยู่ ผมเลยเข้าไปถามว่า คนนี้ยังทำงานอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะถ้าเค้าไม่ทำแล้ว ผมก็กะว่าจะเอาไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานี ม.นเรศวร เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ เค้าก็อาจจะอยู่แถวนั้น และแจ้งความที่นั้น

เมื่อน้องผู้หญิงมองดูบัตร เค้าบอกว่า ยังทำค่ะ พร้อมกับสีหน้าและรอยยิ้มที่ดีใจ (บอกตรงๆ เวลาน้องเค้ายิ้มแล้วดูน่ารัก น้องเค้าน่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดเวลาที่มีลูกค้าผ่านไปมา รับรอง คนเข้าร้านพิซซ่าตรึม) ผมถามว่า เค้าอยู่หรือเปล่า ผมเอากระเป๋าที่มีคนเก็บได้เอามาคืน เธอบอกว่า เจ้าของกลับไปแล้ว เพิ่งกลับไป ผมเลยฝากเธอคืนให้เจ้าของด้วย

ป่านนี้ เขาคงดีใจที่ได้บัตร และเอกสารต่างๆคืน

แม้จำนวนเงินในกระเป๋าจะมีเพียงเล็กน้อย... แต่ผมเชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนอย่างเขา คงจะรู้สึกเสียใจที่เงินจำนวนสุดท้ายได้หายไปพร้อมทั้งกระเป๋า

...ถ้าผมบอกจำนวนเงินในกระเป๋า บางท่านอาจจะคิดว่า เสียเวลาเอาไปคืนทำไม แต่ครั้งหนึ่ง ผมเองก็เคยกระเป๋าเงินหาย เงินทั้งเดือนที่จะต้องใช้หายไปหมด

ผมยังจำได้ วันที่ 6 ธันวาคม 2545

ผมทำกระเป๋าเงินหล่นหายหลังจากไปซื้อข้าวในตอนเช้า เมื่อรู้ตัว ผมพยายามขี่รถกลับไปหาตามเส้นทาง ค้นตามถังขยะ แต่ก็หมดหวัง ไม่พบแม้แต่เงา

ผมเดินทางไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานว่า อะไรในกระเป๋าหายไปบ้าง (แจ้งแม้กระทั้งบัตรสมาชิกห้องสมุด ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า เราทำถูกต้อง เพราะอาจมีคนนำบัตรของเราไปยืนหนังสือได้ หากเจ้าหน้าที่ละเลยระเบียบไป)

เมื่อแจ้งเสร็จ คุณเจ้าหน้าที่ขอเก็บเงินค่าสำเนา 10 บาท

ความรู้สึกของคำว่า บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นอย่างไรก็วันนี้เอง

กระเป๋าเงินหายไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ยังต้องมาจ่ายค่าสำเนาในแจ้งความอีก

...ผมเลยบอกว่า เดี๋ยวผมมา แล้วขี่รถกลับไปค้นหาเงินที่มีอยู่ที่หอ น้ำตาซึมเลยครับ รู้เลยว่า คุณค่าของเงินมีมากแค่ไหนในเวลานี้ เงินที่ต้องใช้ทั้งเดือนเกือบสองพันมาหายไป แล้วยังต้องพยายามหาเงิน 10 บาท ไปแลกกับใบแจ้งความ

(หากมีเจ้าหน้าที่มาอ่านในตอนนี้ ผมขอบอกเลยนะครับ ว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นทำลายความรู้สึกดีๆของผมไปเยอะเลย แม้ว่าผมจะเคยเขียนข้อความไปถามสารวัตรจราจรตอนที่มาอบรมให้นักศึกษาในเวลาต่อมา ท่านบอกว่า หากไม่มีเงิน ให้มาขอที่ท่าน ผมอยากจะบอกว่า เสียใจครับ ทำไมวันนั้น เจ้าหน้าที่ท่านนั้นไม่เมตตาผม ต่อให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของท่านพูดกับผมตอนนี้ ความรู้สึกนั้นมันก็ยังไม่หายไป)

บางท่านบอกว่า มาด่าเจ้าหน้าที่ เวลาที่โดนโจรปล้น จะพึ่งใคร

ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ได้ด่า แต่ผมเสียใจที่ในขณะที่ผมทุกข์สุดๆ ผมกลับต้องกลับมาหาเงินบาทสุดท้ายไปมอบให้ตามธรรมเนียมอีก

ผมเลยเข้าใจความทุกข์ของคนที่กระเป๋าเงินหาย ว่ามันแสนสาหัสเพียงใด

...ผมเลยอาสา เอามาให้เขา

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้ผมเป็นแฟนประจำร้านหนังสือแห่งหนึ่งด้วย ในขณะที่ร้านอื่นๆ รวมไปถึงห้องสมุดต่างๆ ผมต้องไปทำบัตรสมาชิกใหม่โดยเสียค่าธรรมเนียม แต่มีร้านหนึ่งที่เมตตาผมมาก พอรู้ว่ากระเป๋าเงินหาย ก็เอาบัตรสมาชิกขึ้นมาเขียนให้ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมสักบาท ร้านนั้นคือ ร้านสิทธาครับ นอกจากนี้ เวลาที่มีเด็กๆนักเรียนมาซื้อหนังสือ ก็ลดให้โดยแทบไม่ต้องแสดงบัตรสมาชิก ผมเลยรักร้านนี้มากเลยครับ ใครสนใจซื้อหนังสือให้ลูกๆหลานๆ ทั้งหนังสือคู่มือสำนักพิมพ์ต่างๆ หรือหนังสือนิยาย ลองไปร้านนี้ดูครับ คุณลุง คุณป้า เค้าใจดีครับ อยู่ตรงซอยสาธารณสุข (สวนชมน่าน) ครับ

ดีใจนะครับ ที่ได้ทำความดี ขอยกผลบุญนี้ให้กับน้องนิสิตที่เก็บได้ กับพี่วิไล ที่เป็นตัวอย่างยืนยันว่า คนดีๆยังมีอยู่ในสังคมนี้นะครับ

ใครที่อยู่แถว ม.นเรศวร หรือน้องๆนิสิต ที่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้ ผมก็อยากเชิญชวนให้ไปฝากท้องเวลาหิวที่ร้านพี่วิไลได้อยู่นะครับ เพราะเท่าที่คุยกัน แกเปลี่ยนมาขายก๋วยเตี๋ยว (และอาจมีข้าวมันไก่) อยากเชิญชวนให้ไปลองครับ อยู่เส้นหมู่บ้านหลังมหาวิทยาัลัยนเรศวรครับ (ถัดจากเส้นชลประทานมา)

วันนี้ มีความสุขครับ ที่ได้ทำความดี

อยากให้ทุกท่านคิดนะครับ ถ้าเราอยากให้คนอื่นทำแบบไหนกับเรา เราก็พึงทำแบบนั้นด้วย

ขอบพระคุณครับ

_______________
ป.ล.

ฝากผลรายงานการใช้นวัตกรรมเกี่ยวกับชุดกิจกรรม ดังนี้ครับ
 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ขอบพระคุณครับ

  ........................................................







...............................

29 พฤษภาคม 2556

ครูบ้านนอก เอาวิธีแก้ผมหงอกมาฝาก

หลังจากคราวที่แล้ว เราเอาข่าวสารงานวิจัยเกี่ยวกับการแก้ผมหงอก แก้ผมขาวมาฝากแล้วนะครับ

วันนี้ บันทึกของครูบ้านนอก ได้ไปอ่านวิธีการแก้ผมหงอก จาก www.charme.in.th/hair/ ซึ่งเห็นว่า พี่น้องครูบางท่าน อาจจะเกิดปัญหานี้ขึ้นแล้ว (งานเยอะ เครียดเยอะ) เลยเอามานำเสนอครับ


วิธีที่ 1 ลดอาการเครียดและกังวลให้หมดไป เพราะความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผมหงอกก่อนวัย

วิธีที่ 2 เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อเส้นผม อาทิเช่น วิตามินเอ ช่วยทำให้เส้นผมและหนังศรีษะแข็งแรง พบมากในผักใบเขียว และผลไม้สีเหลือง, วิตามินบี ช่วยควบคุมการหลั่งของน้ำมันธรรมชาติเพื่อหล่อลื่นเส้นผมให้เงางามและชุ่มชื้น  พบในผักใบเขียว มะเขือเทศ กล้วย โยเกริต และธัญพืช, วิตามินซี ช่วยในการลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์รากผมได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พบมากในผลไม้รสเปรี้ยวทั้งหลาย เช่น มะม่วงดิบ ฝรั่ง มะขาม ส้ม สตรอเบอร์รี่ ผักใบเขียวต่างๆ, โปรตีน ช่วยบำรุงให้เส้นผมเงางามและมีความยืดหยุ่นดี ไม่ขาดตอน พบทั่วไปในเนื้อสัตว์ ไข่ เต้าหู้ ฯลฯ, แร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก สังกะสี ทองแดง ช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรง พบได้ทั่วไปในเนื้อแดง เนื้อไก่ ไข่แดง อาหารทะเล และธัญพืช, แคลเซียม ช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา เช่น อาหารทะเล สาหร่าย นม กระดูกอ่อน กุ้งแห้ง ปลาเล็กปลาน้อย

วิธีที่ 3 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการสูบบุหรี่ให้น้อยลงหรือทางที่ดีที่สุดควรเลิกสูบบุหรี่แบบถาวรไปเลย เพราะมีงานวิจัยที่พบว่าคนที่สูบบุหรี่จะมีแนวโน้มของผมขาวเร็วกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 4 เท่า

วิธีที่ 4 พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป เพราะการที่ร่างกายพักผ่อนน้อยรวมทั้งการรับประทานอาหารไม่ครบหมู่ จะทำให้การเจริญเติบโตของรากผมไม่แข็งแรง และทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้การสร้างเม็ดสีของเส้นผมลดน้อยลง ทำให้เส้นผมขาวโพลนเพิ่มมากขึ้น

วิธีที่ 5 ดูแลบำรุงสุขภาพเส้นผมเป็นประจำ วิธีที่ง่าย ๆที่ทุกคนสามารถทำได้เองขณะอยู่ที่บ้านคือ หมั่นใช้น้ำมันมะกอกหมักผมทิ้งเอาไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออกให้สะอาด ทำบ่อย ๆ จะช่วยชะลอการเกิดผมหงอกได้

วิธีที่ 6 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยชะลอการเกิดผมหงอกแล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคต่างๆได้ดีอีกด้วย

 วิธีที่ 7 การย้อมผมเพื่อปกปิดผมหงอก วิธีนี้เป็นวิธีที่หลายๆคนเลือกใช้อยู่ตอนนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว แต่ก็ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การเกิดโรคมะเร็ง และอาการแพ้สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาย้อมผมนั้นๆๆ ดังนั้นก่อนซื้อยาย้อมผมควรศึกษาให้ดีก่อนนำมาใช้ และไม่ควรย้อมผมบ่อยๆ เพราะการย้อมผมแต่ละครั้งเป็นการสะสมสารเคมีไว้ในร่างกายท้ายที่สุดอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

วิธีที่ 8 รักษาผมหงอกด้วยสมุนไพรไทย  โดยนำใบบัวบกสดปั่นกับน้ำสะอาดปริมาณพอเหมาะให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำมะพร้าว จากนั้นนำมาชโลมผม หรือนวดหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด, นำใบบัวบกสดมาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ แล้วชโลมผมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จากนั้นสระผมตามปกติด้วยแชมพูสมุนไพร, นำน้ำมันมะกอกนวดหนังศีรษะ ใช้ผ้าโพกศรีษะทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำผลมะกรูด 2-3 ผลเผาไฟพอสุก จากนั้นนำมาขยำกับน้ำ และนำน้ำที่คั้นได้ไปสระผม หรือใช้น้ำเมือกว่านหางจระเข้ชโลมผมจนทั่ว อย่าให้เปียกมากเกินไป ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ผมจะแห้งพอดี ทำเป็นประจำทุกเช้า-เย็น และหลังสระผม

วิธีที่ 9 การถอนผมหงอก  ในทางปฏิบัติมีผลเพียงแค่ในแง่จิตวิทยาเท่านั้น แต่ในทางทฤษฎีแล้วการถอนผมหงอกนั้น เป็นการทำให้ผมหงอกหายไปเพียงแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ท้ายที่สุดผมหงอกที่ถอนไปก็กลับขึ้นมาใหม่อย่างเช่นเคย

วิธีที่ 10 ปล่อยให้ผมหงอกเป็นไปตามธรรมชาติ คือ ไม่สนใจว่าผมที่มีอยู่จะดำหรือขาว เพราะสีผมไม่ไ้ด้เป็นตัวชี้วัดว่าคุณจะเป็นคนดีหรือคนเลว ดังนั้นคุณจึงควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่เครียดหรือเป็นกังวลกับสีผมที่เปลี่ยนไป เมื่อคุณคิดได้เช่นนี้ก็จะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้

About charme.in.th

ว้าวววววววว ทำได้สักกี่ข้อหละเนี่ย เฮ้ออออออออออออ

28 พฤษภาคม 2556

เครียดเรื่องยุบโรงเรียนจนหัวหงอก ลองอ่านตรงนี้ครับ

แหมๆๆๆ

ใครๆ ก็ทำท่าจะเครียดเรื่องยุบโรงเรียนขนาดเล็ก

บางคนเครียดจนต้องต่อต้าน
บางคนเครียดเพราะมีคนต่อต้าน
ไม่รู้ว่า พวกครูบ้านนอก จะเครียดเหมือนกันหรือป่าวน้อ

เอาเป็นว่า มีงานเขียนในมติชนออนไลน์ เกี่ยวกับวิธีทำให้ผมไม่หงอก ดังนี้จ้า



ทีมนักวิจัยของสหรัฐฯ พบว่าสาเหตุของผมหงอกก่อนวัยมาจากสารไฮโดรเจน เปอร์อ๊อกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ในเซลรากผม ซึ่งเปลี่ยนสีผมจากข้างในสู่ภายนอกทำให้สีผมขาว และเชื่อว่าการค้นพบนี้จะนำไปสู่การใช้ยาที่สร้างเซลเม็ดสีใหม่เพื่อยุติกระบวนการที่ทำให้ผมหงอกได้


ส่วนในการวิจัยอีกเรื่องหนึ่ง ทีมนักวิจัยของอังกฤษทดลองวิธีใช้สารสกัดจากพลาสม่าเลือด ซึ่งอุดมไปด้วยเกร็ดเลือดของตัวเองฉีดลงไปใต้ผิวหนังของผู้ที่มีปัญหาศรีษะล้าน โดยเชื่อว่าวิธีการรักษาที่เรียกว่าแบบ “Vampire” นี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลพื้นฐานหรือ Stem Cell เพื่อทำให้ผมใหม่งอกขึ้นและจะเป็นวิธีแก้ปัญหาให้กับคนศรีษะล้านได้

จะดีใจดีไหมเนี่ย พี่น้องชาวไทยครับ

ป.ล.

ฝากผลรายงานการใช้นวัตกรรมเกี่ยวกับชุดกิจกรรม ดังนี้ครับ
 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ขอบพระคุณครับ

  ........................................................







...............................


23 พฤษภาคม 2556

ชุดกิจกรรม ชุดการเรียน ชุดการสอน ที่แท้ก็....


คำถามที่คุณครูอาจสงสัย (เหมือนผม) ว่าไอ้เจ้าชุดกิจกรรม ชุดการเรียน ชุดการสอน เหมือนหรือต่างกันอย่างไร


ชุดการสอนหรือชุดการเรียนมาจากคำว่า Instructional Package หรือ Learning Package เดิมทีเดียวมักใช้คำว่าชุดการสอนเพราะเป็นสื่อที่ครูนำมาใช้ประกอบการสอน แต่ต่อมาแนวคิดในการจัดการเรียนการสอน ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น นักการศึกษาจึงเปลี่ยนมาใช้คำว่าชุดการเรียน (Learning Package) บางครั้งเรียกรวมกันว่าชุดการเรียนการสอน เพราะการเรียนรู้เป็นกิจกรรมของนักเรียน  และการสอนเป็นกิจกรรมของครู กิจกรรมของครูกับนักเรียนจะต้องเกิดคู่กัน บางครั้งก็จะพบคำว่า “ชุดกิจกรรม” เพื่อจะได้ได้คลุมถึงกิจกรรมของครูและนักเรียนซึ่งได้มีผู้ให้ความหมายของชุดกิจกรรมไว้ดังนี้

คณะอนุกรรมการพัฒนาการสอนและผลิตวัสดุอุปกรณ์การสอนคณิตศาสตร์(2524 : 249) ได้ให้ความหมายว่า ชุดกิจกรรมเป็นเทคโนโลยีทางการศึกษาอย่างหนึ่งมีลักษณะเป็นสื่อประสม (Multimedia) ซึ่งครูนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสอนหรือผู้เรียนใช้เรียนด้วยตนเอง หรือทั้งผู้เรียนและผู้สอนใช้ร่วมกันเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตามจุดมุ่งหมาย

วิชัย  วงษ์ใหญ่ (2525 : 185) กล่าวว่าชุดกิจกรรมเป็นระบบการผลิตและการนำสื่อการเรียนหลาย ๆ อย่างมาสัมพันธ์กันและมีคุณค่าส่งเสริมซึ่งกันและกัน สื่อการเรียนอย่างหนึ่งอาจใช้เพื่อความเร้าความสนใจ ในขณะที่อีกอย่างใช้เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงของเนื้อหา และอีกอย่างหนึ่งอาจใช้เพื่อก่อให้เกิดการเสาะแสวงหา อันจะนำไปสู่ความเข้าใจลึกซึ้งและป้องกันการเข้าใจความหมายผิด สื่อการเรียนเหล่านี้เรียกอีกประการหนึ่งว่าสื่อประสมที่เรานำมาใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาเพื่อช่วยให้ผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วีระ ไทยพานิช (2529 : 134) กล่าวว่าชุดการเรียนมีชื่อเรียกต่างกัน เช่น ชุดการสอน (Instruction Package) ชุดการเรียนเบ็ดเสร็จ(Self – Instruction Package) ชุดการเรียนรายบุคคล (Individualized Learning Package) ซึ่งเป็นชุดของสื่อประสม(Multi – Media) ที่จัดขึ้นสำหรับหน่วยการเรียน หัวข้อเนื้อหา และอุปกรณ์ของแต่ละหน่วยที่จัดไว้เป็นชุดกล่องหรือซอง ชุดการเรียนอาจมีรูปแบบ(Formats) ที่แตกต่างกันออกไปส่วนมากจะประกอบด้วยคำชี้แจงหัวข้อจุดมุ่งหมายการประเมินผล การกำหนดกิจกรรมและการประเมินผลขั้นสุดท้ายจุดมุ่งหมายที่สำคัญของการสอนนักเรียนเป็นรายบุคคลคือให้นักเรียนมีความรับผิดชอบในการเรียนของตนเอง

ยุพิน พิพิธกุล (2530 : 176) ได้ให้ความหมายของชุดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลว่าเป็นชุดการเรียนการสอนที่ผู้เรียนเรียนด้วยตนเองในชุดการสอนจะประกอบด้วยบัตรคำสั่ง บัตรกิจกรรม บัตรเนื้อหาบัตรแบบฝึกหัดหรือบัตรงานพร้อมเฉลยและบัตรทดสอบพร้อมเฉลย ในชุดการเรียนการสอนนั้นจะมีสื่อการเรียนการสอนไว้พร้อมเพื่อที่ผู้เรียนจะใช้ประกอบการเรียนในเรื่องนั้นๆ

สุนันท าสุนทรประเสริฐ (2545 : 1) ได้อธิบายความหมายของชุดกิจกรรมไว้ว่าเป็นสื่อประเภทหนึ่งซึ่งมีจุดมุ่งหมายเฉพาะเรื่องที่จะสอนเท่านั้น ชุดกิจกรรมจึงเป็นนวัตกรรมการใช้สื่อการสอนแบบประสมโดยอาศัยระบบบูรณาการสื่อหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ


พอทำความเข้าใจแล้ว ที่แท้ ก็เป็นพี่น้องกัน เพราะสรุปได้ว่า ชุดกิจกรรม และชุดการเรียน คือสื่อการสอนที่ครูเป็นผู้สร้างประกอบขึ้นด้วยวัสดุอุปกรณ์หลายชนิดและองค์ประกอบอื่นเพื่อให้ผู้เรียนศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองโดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำช่วยเหลือ

ผมเองก็เคยนำไปใช้ทดลองนะครับ ซึ่งมีผลรายงานการใช้นวัตกรรมเกี่ยวกับชุดกิจกรรม ดังนี้
 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ขอบพระคุณครับ

  ........................................................







...............................


19 พฤษภาคม 2556

การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ


ชื่อเรื่อง                การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 
ผู้ศึกษา  
              พิริยะ  ตระกูลสว่าง (ครู อันดับ คศ.2 วิทยฐานะชำนาญการ)
สถานศึกษา          โรงเรียนวัดยางแขวนอยู่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลกปีที่รายงาน           2555


การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ

อ่านต่อฉบับเต็มที่ การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1


นายพิริยะ ตระกูลสว่าง 


   ........................................................







...............................

เทิดพระเกียรติเสด็จเตี่ย วันอาภากร

ความหาญกล้าที่มีในวันนี้
ก็เพราะมีเสด็จท่านเป็นแบบให้
คอยปกปักษ์รักษาผืนดินไทย
ขอเทิดไว้ เหนือเกล้า ชาวประชา

สิบเก้า พฤษภา ปีห้าหก
เวียนมาครบ อีกครั้ง ดังเพียกหา
ขอก้มกราบแทบจตุรงค์ตรงบาทา
ขอสรรเสริญ พระบิดา ทหารเรือไทย

ข้าพระพุทธเจ้า
นายพิริยะ ตระกูลสว่าง 19 พ.ค. 2556.


ขอเชิญร่วมลงนามเทิดพระเกียรติที่ http://www.seal2thai.org/board/viewtopic.php?t=13037 ครับ


   ........................................................







...............................

11 พฤษภาคม 2556

กระแสเรื่องการยุบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก บนโลกไซเบอร์

ในช่วงนี้ กระแสการยุบควบรวมโรงเรียนที่มีขนาดเล็กกำลังเป็นที่กล่าวถึงในสังคมต่างๆ โดยเฉพาะในยุคนี้ การสื่อสารและการแสดงออกทางความคิดเห็นเป็นเรื่องง่ายขึ้น

บางคนแสดงออกด้วยความรู้สึกจริงจังทางการเมือง (และการศึกษา)

บางคนแสดงออกด้วยความรู้สึกสบายๆ แต่แอบล้อเลียนไปบาง

ครูบ้านนอกได้มีโอกาสอ่านบทความของมติชนออนไลน์ จึงอยากนำเสนอไว้เป็นประวัติศาสตร์ตรงนี้บ้าง ว่าคนอื่นๆ เค้าคิดเห็นกันอย่างไรครับ


ภาพจาก ห่วยตูน



ภาพจาก เฮ้ย! นี่มันตัดต่อชัด ชัด




กระแสเทไปที่การถล่ม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

จนกระทั่ง เพจ Go6 TV Community Page ได้นำข้อความจากผู้ที่ใช้ชื่อว่า Twentytwo moon มาแชร์  ซึ่งจากการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ พบว่าเป็นข้อความจากเฟสบุคของนักข่าวประจำกระทรวงศึกษาธิการของสำนักข่าวแห่งหนึ่งจริงๆ

ข้อความดังกล่าวมีความโดยสรุปว่า ในฐานะที่เป็นผู้ทำข่าวนี้เอง คุณ Twentytwo moonขอบอกว่าข่าวถูกขยายไปจนบิดเบือน จริงๆ เรื่องนี้เป็นประเด็นมานานแล้ว และจะเปิดเฉพาะโรงเรียนที่เล็กมากๆ และมีโรงเรียนที่มีมาตรฐานรองรับเท่านั้น พร้อมทั้งถามหาจรรยาบรรณของสื่อ ที่เสนอข่าวดังกล่าว



จากนั้นกระแสก็เริ่มกลับทาง...

เพจ ไฟเขียวประเทศไทย ได้โพสกราฟฟิก ซึ่งอ้างข้อความตอนหนึ่งของแถลงการครูรากหญ้าแห่งประเทศไทย ฉบับที่ 2 ว่า

"...หลายฝ่ายอาจจะอ้างว่า การลงทุนทางการศึกษา เป็นบริการสาธารณะ เป็นการสร้างจิตวิญญาณของคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ไม่ควรคิดถึงความคุ้มทุน แต่ให้คิดถึงการบริการ การให้
แต่ถ้าเราเห็นอยู่ทนโท่ว่า มีวิธีการที่ดีกว่า คุ้มทุนกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า ทำไมไม่ช่วยกันคิดช่วยกันทำให้ดีขึ้น
อย่างกับโรงเรียนที่จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นข่าวมีนักเรียน 3 คน มีครู 2 คน แต่ไม่มีใครกล้ายุบ รัฐลงทุนต่อหัวไปเท่าไหร่ ต้องบอกว่าบ้ากันทั้งประเทศแล้ว"




เพจ Just another Info. ได้โพสอินโฟกราฟฟิก อธิบาย "แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก" ด้วยการควบรวม" ว่า

1. เพราะปัจจุบันโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน ต่ำกว่า 60 คนครูเพียง 2-3 คน ต้องสองทั้ง ป.1 - 6 ทำให้ต้องสอนรวมกันเป็นห้องเดียว ตามมีตามเกิด ขาดประสิทธิภาพ

2. แนวคิดปฏิรูปยกระดับโรงเรียนขนาดเล็ก ด้วยการควบรวม คือการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็ก 3-4 โรงเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีนักเรียนโรงเรียนละ 200 กว่าคน สามารถแบ่งเรียนได้ตามรำดับชั้น มีครูดูแลมากกว่า 10 คน และมีอุปกรณ์การศึกษาครบถ้วน

3. จากการสำรวจโรงเรียนที่ควบรวมกันจะไม่ห่างกันมากนัก รัฐบาลจะจัดให้มีรถรับส่งเด็กฟรี


4. นักเรียนทุกคนจะได้เรียนในชั้นเรียนเดิม หลักสูตรเดิม และจะได้รับการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น




ส่วนตัวผมเอง ก็ได้มีโอกาสไปเป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งที่อยู่ในหลืบเขา (หลืบเขาจริงๆครับ) เป็นโรงเรียนที่นักศึกษาสมัย 14 ตุลา และ 6 ตุลา ช่วงที่เขาหนีเข้าป่ามาสร้างไว้ อยู่ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 3 กม. และห่างจากโรงเรียนที่ใกล้ที่สุด ประมาณ 7 กม. 

ถ้าโรงเรียนนี้โดนยุบ มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าผู้ปกครองจะไม่ให้นักเรียนเรียนต่อ เพราะนอกจากการเดินทางที่ลำบากกว่าเดิม ทุกวันนี้ ผู้ปกครองบางคนเค้าไม่ค่อยสนับสนุนให้ลูกเรียน เนื่องจาก "เสียเวลาในการทำมาหากิน" ประมาณว่า ออกมาทำก่อสร้างรุ่งกว่า

อันนี้ไม่ได้เขียนเอง นั่งเทียนเอง เพราะประสบการณ์ที่ได้สอนนักเรียนบางคน ขาดสิ่งเร้าความสนใจ เพราะพ่อแม่กรอกหูว่า "ไม่ต้องอะไรมากมาย จบมาก็ไปทำนา ไปทำก่อสร้าง" เด็กเลยขาดสิ่งเร้าที่อยากเอาชนะสภาพความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ขนาดครูงัดเอากลเม็ดวิธีสอน  งัดกลเม็ดทางจิตวิทยามาหลายสิบวิธี คนที่เปลี่ยนทัศนคติมีไม่ถึงครึ่ง (เพราะถึงเค้าอยากเรียน พ่อแม่ก็ให้ไปทำนาอยู่ดี)

...แล้วถ้าต้องเดินทางไกลกว่าเดิม (แม้จะมีรถรับ-ส่ง) โอกาสจะมีมากน้อยเพียงใด ลองคิดเอาเอง

ความเห็นส่วนตัวนะครับ อย่าคิดมาก



   ........................................................







...............................



ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ