แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผลงานครู แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผลงานครู แสดงบทความทั้งหมด

26 สิงหาคม 2552

รายงานการใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่  2

ชื่อเรื่อง
รายงานการใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว
สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2


ชื่อผู้วิจัย

นางวัฒนา ส่งแจ้ง

ครู อันดับ คศ.2 วิทยฐานะชำนาญการ
โรงเรียนบ้านท่ากระดุน
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก


บทคัดย่อ


การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนบ้านท่ากระดุน อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 8 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ โดยใช้เวลา 40 นาที ทดลองสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว ใช้เวลา จำนวน 12 สัปดาห์ และทดสอบหลังเรียนด้วยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยใช้ เวลา 40 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ t – test (One Sample test)


ผลการวิจัยพบว่า

1.ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2
มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก
(4.57)
และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 73.17/74.49 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 70/70


2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2
โดย
ใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.05

3.ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05


บทนำ


การศึกษาในระดับปฐมวัยจัดเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญระดับหนึ่งเพราะ เป็นช่วงที่มีพัฒนาการทุกด้านเจริญอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา การพัฒนาเด็กในช่วงนี้จะเป็นการวางพื้นฐานความสามารถด้านต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่ออนาคตของเด็กและประเทศชาติ เนื่องจากช่วงอายุของเด็กปฐมวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ปีสมองมีการเจริญเติบโตและพัฒนาโครงสร้างอย่างรวดเร็วคือเด็กอายุประมาณ 6 เดือน สมองโตเท่ากับครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่อายุประมาณ 5 ปี ขนาดสมองเป็น 90%
ของผู้ใหญ่เซลล์ประสาทและการเชื่อมต่อกันในสมอง จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงเด็กปฐมวัยซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหมาะสมเด็กจึง จะมีพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการขั้นต่อๆไป สิริมา
ภิญโญอนันตพงษ์ (2544 )

การจัดการศึกษาให้กับเด็กปฐมวัยเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเด็กในวัยนี้กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่โดยเฉพาะในสองปีแรกของชีวิตเซลล์สมอง
คณิตศาสตร์เป็นวิชาของการคิดอย่างมีเหตุผล การศึกษาอย่างสม่ำเสมอ และใช้กระบวนการคิดที่ถูกต้องของการเรียนคณิตศาสตร์ จะสร้างให้เด็กเกิดการฝึกฝนเกิดความสามารถพื้นฐานในการเรียนคณิตศาสตร์

ผู้วิจัยจึงสนใจนำเอาการจัดประสบการณ์โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์มาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนบ้านท่ากระดุน
ให้เกิดการเรียนรู้ที่สมบูรณ์
และมีประสิทธิภาพ

กรอบแนวคิดในการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการหาประสิทธิภาพและผลการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรม การจัดการเรียนรู้ก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง รายงานการใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว กิจกรรมเสริมประสบการณ์ สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 มีกรอบแนวคิดในการวิจัยดังนี้

จุดมุ่งหมายของการวิจัย

1. เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว
สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์

3. เพื่อศึกษาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์

สรุปผลการวิจัย

1. ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2
มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก
(4.57) และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 73.17/74.49 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 70/70

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ธรรมชาติและสิ่งต่างๆ รอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โดยใช้ชุดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

ข้อเสนอแนะ

ข้อเสนอแนะทั่วไป

ครูผู้สอนควรใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ควบคู่กับคู่มือการใช้ชุดกิจกรรมทุกครั้งจะช่วยให้ครูผู้สอนสะดวกต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ทำให้การจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว ส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนทำให้มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่สูงขึ้น

ข้อเสนอแนะในการทำการวิจัยครั้งต่อไป

ควรมีการปรับกิจกรรมและสาระการเรียนรู้ให้สอดคล้องเหมาะสมก่อนนำไปทดลองใช้กับนักเรียนในแต่ละระดับชั้น



ขอเชิญครูทุกท่านเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของท่าน
เพื่อมีหรือเลื่อนวิทยฐานะครับ


ขอแนะนำ

CD สนับสนุนการทำผลงานครู

ท่านสามารถอ่านบทความได้ที่

www.seal2thai.org/kru/kru027.htm

15 มีนาคม 2552

การเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

การเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
โดยครูเพ็ญศิริ กุลเกลี้ยง



ชื่อเรื่อง
รายงานการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การใช้งานโปรแกรมเพนท์ (Paint) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

ชื่อผู้วิจัย นางเพ็ญศิริ กุลเกลี้ยง
ครู อันดับ คศ.2 วิทยฐานะชำนาญการ

โรงเรียน
จ่าการบุญ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง การใช้งานโปรแกรมเพนท์ (Paint) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ปีการศึกษา
2551 โรงเรียนจ่าการบุญ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 28 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง ทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้เวลา 60 นาที ทดลองสอนโดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ใช้เวลา 22 ชั่วโมง และทดสอบหลังเรียนด้วยแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้เวลา 60นาที เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ทดสอบสมมติฐานด้วยสถิติ t – test (One Sample test)

บทนำ

การศึกษาเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาคนและสังคม นอกจากนี้การศึกษายังเป็นกระบวนการที่สามารถพัฒนาคนให้มีพัฒนาการที่สมดุลทั้งปัญญา จิตใจ ร่างกายและอารมณ์ พยุงศักดิ์ จันทรสุรินทร์ (2541:6) ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 22 ที่ว่าผู้เรียนทุกคนสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ การจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนแต่ละคนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้กำหนดการศึกษาเป็นกระบวนการเรียนรู้ เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ ผู้เรียนมีสิทธิได้รับการพัฒนาขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในโอกาสแรกที่ทำได้เพื่อให้มีความรู้และ ทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษารวมทั้งติดตาม ตรวจสอบและประเมินผล การจัดการเรียนการสอนในระดับช่วงชั้นที่ 1 เกี่ยวกับงานกราฟิกและการสร้างสรรค์ภาพด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นวิชาหนึ่งในหลักสูตรที่มีจุดประสงค์เพื่อสร้างเสริมให้ผู้เรียน มีการพัฒนาการในด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ที่ผ่านมาพบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชางานกราฟิกและการสร้างสรรค์งานภาพด้วยคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับพอใช้ ผู้วิจัยจึงสนใจนำเอาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน มาจัดกิจกรรมทางการเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน ให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และเพิ่มศักยภาพทางการเรียนทำให้เกิดการเรียนรู้ได้สมบูรณ์


จุดมุ่งหมายของการวิจัย

1. เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่องการใช้งานโปรแกรมเพนท์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์

2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการใช้งานโปรแกรมเพนท์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

สมมติฐานของการวิจัย

1.บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่องการใช้งานโปรแกรมเพนท์ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 70/70

2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการใช้งานโปรแกรมเพนท์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน



ผลการวิจัยพบว่า

1. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง การใช้งานโปรแกรมเพนท์ (Paint) มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.56) และมีประสิทธิภาพเท่ากับ 73.89/75.52 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 70/70

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การใช้งานโปรแกรมเพนท์ (Paint) สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05



ขอเชิญครูทุกท่านเผยแพร่ผลงานทางวิชาการของท่าน เพื่อมีหรือเลื่อนวิทยฐานะครับขอแนะนำ CD สนับสนุนการทำผลงานครูท่านสามารถอ่านบทความได้ที่www.seal2thai.org/kru/kru026.htm

www.seal2thai.org/kru/kru026.htm


แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้ครู
ได้ที่ กระดานปัญญาชน




.....................................................................................
ประมวลภาพเบื้องหลัง




.....................................................................................
ผลงานของหนู (การสร้างรูปภาพด้วยโปรแกรม Paint)

ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ