แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผลของบุญ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผลของบุญ แสดงบทความทั้งหมด

30 พฤษภาคม 2556

เปลี่ยนจากกด like มาช่วยทำความดีกันดีกว่า ^_^

สวัสดีครับ
วันนี้มีเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟังตามประสาครูบ้านนอกอีกแล้ว

เริ่มตั้งแต่เมื่อวานที่ได้รับข้อความจากท่านผู้อำนวยการว่า ให้ผมและครูในโรงเรียนอีก 3 ท่าน รวมถึงท่านผู้อำนวยการ ไปประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ที่ศูนย์โรงเรียนบ่อวิทยบางระกำ

วันนี้ เลยเริ่มวางแผนที่ไม่ต้องห่อปิ่นโตไปกินโรงเรียน (ไม่ต้องทำข้าวเช้าและข้าวกลางวันเอง) จิตใจก็ละเมอเพ้อหาพี่วิไล

ขอพูดถึงพี่วิไลหน่อยนะครับ

แกเป็นเจ้าของร้านขายอาหารตามสั่งซึ่งเดิมอยู่เยื้องกับหอพักของผม ผมมีโอกาสได้กินข้าวของร้านนี้มาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี ซึ่งตอนนั้นขายจานละ 15 บาท (ร้านอื่นๆขาย 20 บาทไปแล้ว) จนกระทั้งผมเรียนจบ ไปสอนที่กำแพงเพชร ทุกเช้าต้องมายืนหน้าร้านแก บางครั้งก็เอาน้ำ เอาขนมมาแบ่งให้กิน เวลาสั่งข้าวมากิน เหมือนจะสั่งแบบพิเศษ ทั้งที่ก็สั่งกินราคาปกติ แต่แกกก็กลัวเราไม่อิ่ม (ในขณะที่เรากินแทบไม่หมด)

น่าแปลก ที่เช้าวันนี้ จิตใจอยากมุ่งมั่นไปร้านแกให้ได้ ทั้งๆที่ก่อนออกจากบ้านยังคิดว่า ขี่รถเลยไปกินใกล้ๆบ่อวิทย์ ดีกว่า แต่ก็มีเหตุให้ได้แวะไป นั่นก็คือน้ำมันใกล้จะหมด แวะไปเติมก่อนแล้วจึงแวะไปที่ร้าน

เมื่อไปถึง ก็สั่งข้าวไข่เจียวมากิน (แหม ที่บ้านก็ทำได้เนาะ ข้าวไข่เจียวเนี่ย ถ่อมากินถึงหลัง ม.นเรศวร) มันไม่ใช่เพียงความอร่อยของฝีมือพี่วิไลอย่างเดียว แต่มันเป็นการได้พูดคุยสนทนาเรื่องต่างๆ

...และเรื่องที่คุยกันแล้วรู้สึกอึ้งไปเลย

นั่นก็คือ พี่วิไลจะปิดตำนานกะเพราไข่ดำซะแล้ว !!!!!

พี่วิไล มีอาการป่วยเนื่องจากการที่แกยืนผัดอาหาร ทอดอาหารมานานนับสิบๆปี ไอของน้ำมันต่างๆก็เข้าสู่ร่างกาย จะสมเกาะกุม ทำให้ร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติ แกเลยตัดสินใจ หยุดการขายอาหารตามสั่งลง

...โห ผมก็เศร้าในหัวใจ เพราะแม้ว่าจะไม่ได้มาหาแกบ่อยนักตั้งแต่แกย้ายร้านจากหน้าหอพัก มาอยู่ตรง ม.นเรศวร แต่เราก็ยังรักและผูกพันเหมือนพี่น้องกัน ไม่ใช่เพราะว่า แกขายอาหารราคาจานละ 25 บาท ในขณะที่ร้านอื่นๆขาย 35 - 40 กันหมดแล้ว แต่เพราะความรู้สึกว่า พี่ที่เรารักคนหนึ่งป่วย อย่าว่าแต่ผมที่เสียใจเลย หลายคนที่รู้เรื่องนี้ ทั้งที่เรียนราชภัฏ เรียนม.นเรศวร ที่เคยได้มากินข้าวร้านพี่วิไลก็คงรู้สึกคล้ายกัน  นั่นเพราะ แกมีน้ำใจกับทุกคน ขนาดนักศึกษาที่เงินหมดในช่วงปลายเดือน แกยังทำกับข้าว แบ่งน้ำซุปต้มกระดูกหมู พร้อมหมูเป็นชิ้นๆเอาไปให้ต้มกินกับบะหมี่สำเร็จรูป ทุกคนที่เคยมากินข้างร้านแก เลยรักพี่วิไล

ภาวนา ขอให้แกไม่ได้ป่วยเป็นอะไรที่ร้ายแรงนะครับเนี่ย

โอ.... แพล่มมาซะยาว ยังไม่เข้าเรื่องเลยนะเนี่ย

ในตอนเป็น หลังจากอบรม ผมแวะมาที่ร้านเพื่อจะมาเอากับข้าวที่สั่งไว้ทิ้งทวนก่อนปิดตำนาน และหลบฝนที่ทำท่าจะตกอย่างรุนแรง ฟ้าแล๊บฟ้าร้องที่ร้านพี่วิไลอีกครั้ง

ตอนกลับ อยู่ๆพี่วิไลบอกว่า มีคนทำกระเป๋าเงินหล่นหน้าร้าน เด็กเก็บเอามาไว้ให้เมื่อวาน แกบอกจำนวนเงินในกระเป๋า ผมก็ถามว่า มีบัตร มีที่อยู่ของเจ้าของหรือเปล่า แกเลยหยิบมาให้ดู

ผมดูบัตรต่างๆของเขา เป็นคนพิษณุโลก แต่อยู่ต่างอำเภอ เมื่อดูจนหมดก็พบว่า มีบัตรของพนักงานเซ็นทรัล สาขาพิษณุโลก เลยอาสาจะเอาไปถามที่เซ็นทรัลให้

พอกลับมาถึงบ้าน ฝนทำท่าจะตกอีก เลยรอให้มั่นใจว่าปลอดภัยแน่แล้ว ก็ขี่รถไปที่เซ็นทรัล สาขาพิษณุโลก

เมื่อไปถึง ก็มุ่งไปถามที่ประชาสัมพันธ์ว่า เขาสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ว่า พนักงานคนนี้ ยังทำงานอยู่หรือเปล่า (เพราะบัตรพนักงานหมดอายุแล้ว) เจ้าหน้าที่บอกว่า ให้ลองไปถามที่ร้านดูได้เลยค่ะ ชั้น 3

ผมเลยดูบัตรอย่างละเอียด อ๋อ!!! เขาอยู่ร้านพิซซ่า (ทำไมตอนแรกไม่เห็นชื่อร้านหว่า)

เมื่อไปถึงหน้าร้าน ก็พบน้องผู้หญิงคนหนึ่งยืนต้อนรับแขกอยู่ ผมเลยเข้าไปถามว่า คนนี้ยังทำงานอยู่ที่นี่หรือเปล่า เพราะถ้าเค้าไม่ทำแล้ว ผมก็กะว่าจะเอาไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานี ม.นเรศวร เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆ เค้าก็อาจจะอยู่แถวนั้น และแจ้งความที่นั้น

เมื่อน้องผู้หญิงมองดูบัตร เค้าบอกว่า ยังทำค่ะ พร้อมกับสีหน้าและรอยยิ้มที่ดีใจ (บอกตรงๆ เวลาน้องเค้ายิ้มแล้วดูน่ารัก น้องเค้าน่าจะยิ้มแบบนี้ตลอดเวลาที่มีลูกค้าผ่านไปมา รับรอง คนเข้าร้านพิซซ่าตรึม) ผมถามว่า เค้าอยู่หรือเปล่า ผมเอากระเป๋าที่มีคนเก็บได้เอามาคืน เธอบอกว่า เจ้าของกลับไปแล้ว เพิ่งกลับไป ผมเลยฝากเธอคืนให้เจ้าของด้วย

ป่านนี้ เขาคงดีใจที่ได้บัตร และเอกสารต่างๆคืน

แม้จำนวนเงินในกระเป๋าจะมีเพียงเล็กน้อย... แต่ผมเชื่อว่า มนุษย์เงินเดือนอย่างเขา คงจะรู้สึกเสียใจที่เงินจำนวนสุดท้ายได้หายไปพร้อมทั้งกระเป๋า

...ถ้าผมบอกจำนวนเงินในกระเป๋า บางท่านอาจจะคิดว่า เสียเวลาเอาไปคืนทำไม แต่ครั้งหนึ่ง ผมเองก็เคยกระเป๋าเงินหาย เงินทั้งเดือนที่จะต้องใช้หายไปหมด

ผมยังจำได้ วันที่ 6 ธันวาคม 2545

ผมทำกระเป๋าเงินหล่นหายหลังจากไปซื้อข้าวในตอนเช้า เมื่อรู้ตัว ผมพยายามขี่รถกลับไปหาตามเส้นทาง ค้นตามถังขยะ แต่ก็หมดหวัง ไม่พบแม้แต่เงา

ผมเดินทางไปแจ้งความเพื่อเป็นหลักฐานว่า อะไรในกระเป๋าหายไปบ้าง (แจ้งแม้กระทั้งบัตรสมาชิกห้องสมุด ซึ่งมารู้ตอนหลังว่า เราทำถูกต้อง เพราะอาจมีคนนำบัตรของเราไปยืนหนังสือได้ หากเจ้าหน้าที่ละเลยระเบียบไป)

เมื่อแจ้งเสร็จ คุณเจ้าหน้าที่ขอเก็บเงินค่าสำเนา 10 บาท

ความรู้สึกของคำว่า บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นอย่างไรก็วันนี้เอง

กระเป๋าเงินหายไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ยังต้องมาจ่ายค่าสำเนาในแจ้งความอีก

...ผมเลยบอกว่า เดี๋ยวผมมา แล้วขี่รถกลับไปค้นหาเงินที่มีอยู่ที่หอ น้ำตาซึมเลยครับ รู้เลยว่า คุณค่าของเงินมีมากแค่ไหนในเวลานี้ เงินที่ต้องใช้ทั้งเดือนเกือบสองพันมาหายไป แล้วยังต้องพยายามหาเงิน 10 บาท ไปแลกกับใบแจ้งความ

(หากมีเจ้าหน้าที่มาอ่านในตอนนี้ ผมขอบอกเลยนะครับ ว่าเจ้าหน้าที่คนนั้นทำลายความรู้สึกดีๆของผมไปเยอะเลย แม้ว่าผมจะเคยเขียนข้อความไปถามสารวัตรจราจรตอนที่มาอบรมให้นักศึกษาในเวลาต่อมา ท่านบอกว่า หากไม่มีเงิน ให้มาขอที่ท่าน ผมอยากจะบอกว่า เสียใจครับ ทำไมวันนั้น เจ้าหน้าที่ท่านนั้นไม่เมตตาผม ต่อให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของท่านพูดกับผมตอนนี้ ความรู้สึกนั้นมันก็ยังไม่หายไป)

บางท่านบอกว่า มาด่าเจ้าหน้าที่ เวลาที่โดนโจรปล้น จะพึ่งใคร

ผมอยากจะบอกว่า ผมไม่ได้ด่า แต่ผมเสียใจที่ในขณะที่ผมทุกข์สุดๆ ผมกลับต้องกลับมาหาเงินบาทสุดท้ายไปมอบให้ตามธรรมเนียมอีก

ผมเลยเข้าใจความทุกข์ของคนที่กระเป๋าเงินหาย ว่ามันแสนสาหัสเพียงใด

...ผมเลยอาสา เอามาให้เขา

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ทำให้ผมเป็นแฟนประจำร้านหนังสือแห่งหนึ่งด้วย ในขณะที่ร้านอื่นๆ รวมไปถึงห้องสมุดต่างๆ ผมต้องไปทำบัตรสมาชิกใหม่โดยเสียค่าธรรมเนียม แต่มีร้านหนึ่งที่เมตตาผมมาก พอรู้ว่ากระเป๋าเงินหาย ก็เอาบัตรสมาชิกขึ้นมาเขียนให้ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมสักบาท ร้านนั้นคือ ร้านสิทธาครับ นอกจากนี้ เวลาที่มีเด็กๆนักเรียนมาซื้อหนังสือ ก็ลดให้โดยแทบไม่ต้องแสดงบัตรสมาชิก ผมเลยรักร้านนี้มากเลยครับ ใครสนใจซื้อหนังสือให้ลูกๆหลานๆ ทั้งหนังสือคู่มือสำนักพิมพ์ต่างๆ หรือหนังสือนิยาย ลองไปร้านนี้ดูครับ คุณลุง คุณป้า เค้าใจดีครับ อยู่ตรงซอยสาธารณสุข (สวนชมน่าน) ครับ

ดีใจนะครับ ที่ได้ทำความดี ขอยกผลบุญนี้ให้กับน้องนิสิตที่เก็บได้ กับพี่วิไล ที่เป็นตัวอย่างยืนยันว่า คนดีๆยังมีอยู่ในสังคมนี้นะครับ

ใครที่อยู่แถว ม.นเรศวร หรือน้องๆนิสิต ที่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้ ผมก็อยากเชิญชวนให้ไปฝากท้องเวลาหิวที่ร้านพี่วิไลได้อยู่นะครับ เพราะเท่าที่คุยกัน แกเปลี่ยนมาขายก๋วยเตี๋ยว (และอาจมีข้าวมันไก่) อยากเชิญชวนให้ไปลองครับ อยู่เส้นหมู่บ้านหลังมหาวิทยาัลัยนเรศวรครับ (ถัดจากเส้นชลประทานมา)

วันนี้ มีความสุขครับ ที่ได้ทำความดี

อยากให้ทุกท่านคิดนะครับ ถ้าเราอยากให้คนอื่นทำแบบไหนกับเรา เราก็พึงทำแบบนั้นด้วย

ขอบพระคุณครับ

_______________
ป.ล.

ฝากผลรายงานการใช้นวัตกรรมเกี่ยวกับชุดกิจกรรม ดังนี้ครับ
 การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้วิธีคอนสตรักติวิสต์แบบอินเตอร์แอกทีฟ เรื่อง ลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

ขอบพระคุณครับ

  ........................................................







...............................

11 มีนาคม 2554

ผลกรรมดี มีให้เห็นจริงๆ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมเอง เมื่อวันพฤหัสที่ 10 ที่ผ่านมา
ผมไปกดเงินที่หน้าธนาคารออมสิน
ขณะเดินกลับมาที่รถ มีผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางไม่หน้าไว้วางใจมาสะกิดที่แขน
ผมก็ตกใจ (จะจี้หรือเปล่าวะ)

เค้าหยิบแบงก์ร้อยที่ร่วงลงพื่นให้กับผม แล้วหันไปก้มหยิบใบเสร็จรับเงินของร้านเสียงทิพย์ให้ (แสดงว่าเงินผมจริงๆแหละ)

ผมรีบกล่าวขอบคุณเค้า แล้วเค้าก็เดินเข้าไป (ไม่รู้ว่าเข้าธนาคารหรือร้านขายผ้า)

ขณะที่ขี่รถมา ผมนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งก่อนหน้านั้น มีคนทำแบงก์ร้อยหล่นเหมือนกัน ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ในใจกำลังคิดจะเก็บไปให้พนักงานในร้าน แต่คนที่มาจอดตรงนั้นเก็บขึ้นไป (ไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปให้พนักงานในร้าน หรือจะเอาไว้ใช้เอง เรื่องนี้ทำให้ผมคิดว่า ต่อไปถ้าจะให้สบายใจ เราต้องรีบเก็บไปให้พนักงานเอง จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า คนๆนั้น จะเอาไปประกาศหรือเปล่า)

ผมถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก อะไรก็ตามที่ไม่ใช่ของๆเรา เราก็ไม่ควรเอา
เงิน 1 บาท ที่หล่นพื้น ผมไม่เคยเก็บเลย เพราะไม่ใช่ของเรา อีกอย่าง ผมเชื่อว่า บางที เทวดากำลังลองใจเราอยู่ เราอาจดีใจที่ได้เงินหล่น 1 บาท 5 บาท 50 บาท 100 บาท แต่ถ้าเราไม่เก็บ ไม่เอามาเป็นของเราด้วยความโลภ เราอาจจะได้อะไรที่ดีกว่าก็ได้ เช่น ถูกหวย ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ย้าย ได้คนเมตตาปรานี

ผมเคยคุยเรื่องนี้กับเพื่อนสมัยเรียน ป.ตรี
ว่าถ้าเก็บกระเป๋าได้ มีเงินแสนนึง จะทำอย่างไร
เพื่อคนหนึ่งบอกว่า เอาไปใช้สิวะ
ผมก็บอกว่า "ถ้าเงินนี้เป็นเงินที่เจ้าของเค้าจะเอาไปผ่าตัดแม่เค้าละ"
มันตอบว่า "ไม่ใช่แม่กู"

ผมดีใจ ที่ไม่คบกับคนๆนั้นแบบสนิทชิดเชื้อ
ดีใจ ที่ทุกวันนี้ เวลาเจอหน้า มันเป็นฝ่ายหลบผม ทำเป็นไม่เห็นผม
ดีใจ ที่เพื่อนบางคน ได้ยินคำพูดนั้น แล้วคิดได้ว่า ควรคบกับไอ้คนนั้นอย่างไร

...นึกถึงใจเค้าใจเรา

ผมยังนึกอยู่ว่า ถ้าคนที่ทำเงินหาย 100 บ. นั้น เป็นคนงานก่อสร้าง ที่ได้ค่าแรงวันละ 180 เค้าจะเอาที่ไหนซื้อข้าว เอาที่ไหนให้ลูกไปโรงเรียน

ถ้าคิดจะทำดี ให้รีบทำ จะได้ไม่กังวลใจเหมือนผมครับ

...ขอบคุณครับ

16 พฤศจิกายน 2551

เรื่องของกรรม ที่เคยทำดี

เรื่องของกรรม ที่เคยทำดี

เมื่อวานนี้ (15 พ.ย. 2551) ผมได้ไปพบพ่อที่ศูนย์ไอที ที่ top IT พิษณุโลก เพราะพ่อนำปริ้นเตอร์มาซ่อม (เอามาจากแพร่เลยนะนั้น) และมาธุระเรื่องของผมด้วย

ในขณะที่รอก็ไปทานข้าวที่ศูนย์อาหาร คุยกันไปมา แล้วก็เดินไปซื้อของ มารู้ตัวอีกทีว่า โทรศัพท์อีกเครื่องหล่นหายไปก็ผ่านไปเกือบชั่วโมง (ตอนแรกจำไม่ได้ว่าเอามาด้วยหรือเปล่า เลยลองโทรไป 2 ครั้ง ไม่มีคนรับ ก็นึกว่าเอาไว้ที่บ้าน แต่ก็มีคนโทรกลับมา) ผมเลยรีบกลับไปที่ศูนย์อาหาร แล้วลองโทรเข้า ก็พบผู้หญิง 3 คน นั้งทานข้าวกันอยู่ เค้าก็รีบเอาคืนให้ ผมกล่าวขอบคุณ พร้อมกับยกมือไหว้ (ไม่รู้ว่าอายุมากกว่า หรือน้อยกว่า)

ผมเชื่อว่า คงเป็นเพราะผลของบุญและกรรมดี ที่ได้เคยทำมา ทั้งชาติที่แล้ว และชาตินี้
และความดีที่เราทำไม่มีวันสูญสิ้นครับ

ก่อนนี้ก็เคยเสียบกุญแจรถคาไว้ในสถานที่ ที่มีสถิติการโจรกรรมรถมากกที่สุด และตัวผมเองก็เดินเที่ยวเป็นชั่วโมง พอหากุญแจไม่เจอก็ตกใจมาก รู้สึกเลยว่า อาการการหยุดหายใจเป็นอย่างไร (ใจหายแว๊บ) แต่พอไปถามที่เจ้าหน้าที่ พบว่ามีผู้หญิงลีอคคอ และถอดกุญแจไม่ฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ให้ ดีใจมากๆครับ

เชื่อเถิดครับ ทำดี ย่อมได้รับผลดีตอบแทนครับ
http://www.seal2thai.org/
ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ