28 มกราคม 2553

อาการของความเครียด ที่ทำให้เกือบเสียชีวิต

วันนี้ก็ไปโรงเรียนตามปกติ
พอไปถึงที่โรงเรียน เห็นเด็กนักเรียนยืนออกันหน้าบ้านพักครูวินัย

ตอนแรกกะจะไล่เด็ก เพราะกลัวว่าเด็กจะมารบกวนลุงวินัย
กำลังจะอ้าปากเท่านั้นแหละ
เด็กบอกว่า "ครูคะๆ ครูวินัยป่วยค่ะ"

ผมรีบเบรครถมอเตอร์ไซต์จนล้อแทบปัด ส่วนพี่ดารีบกระโดลงจากรถในทันที

ผมหันหัวรถกลับ แล้วรีบถอดเสื้อคลุม หมวกกันน๊อค และหมวกกันฝุ่น รีบพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสอง ในใจก็กลัวว่า ลุงวินัยจะเป็นอะไรไป

เมื่อเห็นลุงวินัยยังลืมตาก็ใจชื้น ลุงพยายามขยับตัวขึ้นโดยมีป้าเล็กและลุงสวัสดิ์ช่วยประคองอยู่ และเมื่อผมขึ้นไป ทุกคนก็พยายามจะช่วยอุ้มลงไป ผมคิดว่าอาจเกิดอันตรายกับทุกคน จึงให้ใช้วิธีประคองตัว ให้กอดคอลงไปก่อน ลุงวินัยขยับตัวไม่ได้ แต่ยังมีความรู้จึงจึงร้องเจ็บปวดตลอดเวลา เมื่อลงไปชั้นล่างได้ จึงใช้วิธีช่วยกันอุ้มขึ้นรถลุงสวัสดิ์

ผมนั่งหอบพักใหญ่ สงสัยไม่ได้ออกกำลังกายแบบหนักๆมานาน

มานั่งคุยกันว่า ลุงวินัยเป็นอะไร ถึงมีอาการคล้ายคนเป็นอัมพฤกแบบนี้
บ้างก็ว่า ลุงแอบกินกาแฟ
บ้านก็ว่า ลุงเครียดที่กู้เงินพัฒนาชีวิตไม่ได้ เลยเครียด

จริงๆแล้ว ลุงเป็นโรคไต ต้องไปฟอกเลือดทุกวัน อังคาร พฤหัส เสาร์
ค่าฟอกไต เบิกได้ ค่ารักษาเบิกได้
แต่ค่าเดินทางไป เบิกไม่ได้

ลุงจึงต้องหาเงินกู้มาเพื่อรักษาตัวเอง

เรื่องนี้ ทำให้ครูบ้านนอกอย่างผมได้ข้อคิดว่า ตอนเรายังหนุ่ม เราต้องเก็บเงิน ต้องหาเงินเพิ่ม ต้องวางแผนอนาคต เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ อีกอย่าง ครูรุ่นผมไม่มีบำนาญ ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกัน เอาบำนาญข้าราชการไป คงลืมไปแล้วมั้งว่า ข้าราชการเงินเดือนน้อย สิ้นปีก็ต้องจ่ายภาษี ไปอบรมบางทีก็ไม่ได้เบี้ยเลี้ยง ไม่ได้ค่าเดินทาง ถึงได้ก็ไม่คุ้ม เพราะเค้าอ้างว่า "เป็นหน้าที่อยู่แล้ว"

ระวังนะครับ
กู้เงินไม่ได้แล้วเครียด
เดี๋ยวจะพาลนอนโรงพยาบาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ