11 สิงหาคม 2552

พระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 11 สิงหาคม 2552

พระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 11 สิงหาคม 2552

พระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 11 ส.ค. สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา ทรงมีพระราชเสาวนีย์ตอบคณะบุคลคลที่เข้าเฝ้าถวายพระพรเนื่องในวโรกาสเฉลิม พระชนมพรรษา ครบ 77 พรรษา ใจความว่า
ขณะนี้ในหลวงและข้าพเจ้าอยู่วังไกลกังวล ที่นั่นอากาศดีเหมาะกับพระสุขภาพ พระองค์ท่านสบายดีขึ้น ทรงพยายามออกพระกำลัง เสด็จพระดำเนินที่เฉลียงทุกวัน ทรงแข็งแรงขึ้น ปีนี้จะ 82 พรรษาแล้ว ได้ประกอบพระราชกรณียกิจได้ดังที่เห็นในข่าวโทรทัศน์ บางครั้งเสด็จทอดพระเนตรโครงการใกล้ๆหัวหินบ้าง จะให้ตรากตรำเหมือนหลายสิบปีก่อนคงไม่ไหว

หลายสิบปีก่อนเสด็จไปเยี่ยมประชาชนทุกภาคของประเทศ ทรงขับรถเอง หนทางกันดารไม่ใช่น้อย บางครั้งทรงขับรถข้ามแม่น้ำที่นราธิวาส ทรงขับรถไปดูเพื่อให้เห็นจริงจังของการอยู่กินของราษฎรตามเขตชายแดนต่างๆ แต่พระองค์ก็ยังทรงติดตามงานต่างๆตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องฝน ปริมาณน้ำในเขื่อน ทรงห่วงประชาชนมากเกรงจะมีน้ำท่วมอีก ถ้าพอจะหาแนวทางใดป้องกันได้ก็จะมีพระราชดำริให้เตรียมการไว้ก่อน

ไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมคนไทยส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาทำไร่ทำสวนเลี้ยงสัตว์ การเพาะปลูกที่ไม่อยู่ในเขตชลประทาน ต้องพึ่งพาอาศัยฝนฟ้าเป็นหลักปีใดฝนดีผลิตผลก็ดี ฝนมากไปน้ำก็ท่วม ปัญหาแต่ละภาคไม่เหมือนกัน ภาคเหนือดั้งเดิมปลูกฝิ่น เขาบอกไม่รู้จะทำมาหากินอะไรบางครั้งก็ทำไร่เลื่อนลอยทำให้มีปัญหายาเสพติด ปัญหาป่าไม้ถูกทำลาย บางครั้งชาวเขาบอกว่าเมื่อพ่อหลวงบอกว่าไม่ดีก็จะเลิกและจะทำการเพาะปลูก และเขาก็พูดว่าขออนุญาตได้ไหมให้มีที่ปลูกฝิ่นสักนิด เวลาปวดฟันปวดท้องนอนไม่หลับ เสพฝิ่นหน่อยเดียว พระเจ้าอยู่หัวฯบอกอนุญาตได้เล็กน้อยสำหรับแก้เจ็บปวดอะไรเช่นนั้น

ภาคอีสานมีปัญหาขาดแคลนน้ำ ดินเป็นดินทราย ภาคใต้มีฝนตกชุกแทบทั้งปี เนื่องจากภูมิประเทศแคบยาว ด้านหนึ่งภูเขาด้านหนึ่งเป็นทะเล ที่ราบบางส่วนเป็นพรุมีน้ำเปรี้ยวขังอยู่ เพาะปลูกไม่ได้ ส่วนภาคกลางแม้จะโชคดีเป็นที่ราบแต่เนื่องจากเป็นทางผ่านน้ำจากภาคเหนือ ปีไหนฝนชุก น้ำท่วมไม่ลงเร็ว ถ้ามีน้ำทะเลหนุนกลายเป็นน้ำท่วมขัง เช่นบ้านเดิมบ้านพ่อแม่ข้าพเจ้า ริมน้ำเจ้าพระยาที่เทเวศร์ น้ำท่วมตลอด บางทีก็เข้าไปในบ้าน พื้นเสียหมดเลย ต้องย่ำน้ำกันไปในบ้านเป็นของธรรมดา

ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีมา 59 ปี ได้ตามเสด็จพระเจ้าอยู่หัวเยี่ยมในทุกภูมิภาคได้เห็นว่าทรงงานอะไรที่ไหน บ้าง และเห็นว่าทุกครั้งจะทรงขับรถเองมีแผนที่ใกล้พระองค์เสมอ ทำงานเกี่ยวกับเรื่องดินและน้ำตลอด ทรงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว ปี พ.ศ.2512 ระหว่างประทับที่ภาคเหนือ ทรงงานช่วยเหลือชาวเขาให้เปลี่ยนมาปลูกพืชผักผลไม้และไม้ดอกให้แทน จนเกิดเป็นโครงการหลวงทุกวันนี้ โดยมีม.จ.ภีศเดช รัชนี ช่วยเหลือดูแล จนชาวเขาไว้วางใจว่าต้องช่วยเขาได้แน่นอน หลังจากนั้นเขาเริ่มลดการปลูกฝิ่นมาปลูกผลไม้ ผัก ดอกไม้ตามโครงการหลวงถึงทุกวันนี้ ท่านภีศเดชเสด็จไปตามดอยต่างๆไม่รู้ว่ากี่ร้อยครั้งและตามเสด็จในหลวง ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุยังน้อยอยู่ยังเดินตามไปได้ ถึงจะเหนื่ออย่างไรก็ยังพอทนไหว ถ้าตอนนี้ก็ไม่ไหวแล้ว

ที่ภาคอีสานโปรดให้สร้างพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ปี 2519 ทรงใช้เป็นศูนย์กลางเพื่อดูว่าที่ไหนเหมาะในการสร้างเขื่อนเก็บน้ำ ภาคใต้เหนื่อยหน่อยแรกเสด็จมีประชาชนมาคอยรับเสด็จเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตี 2 ตี 3 ข้าพเจ้าแอบดูเห็นประชาชนมาคอยรับเสด็จแน่นขนัด แต่เงียบกันหมดไม่อยากให้รบกวนพระองค์ เพียงแต่ให้ได้เห็นรถไฟที่ทรงหลับ แต่ไม่ได้หลับทรงแอบมองเขาอยู่ ที่ภาคใต้ต้องใช้คำว่าทรงลุยงานมาโดยตลอด ภาพที่พระองค์ประทับเรือไปในเขตพรุ น้ำในพรุใสแจ๋ว มองด้วยตาจะนึกว่าน้ำสะอาด แต่เมื่อวัวไปกินน้ำปากเปื่อยนานกว่าจะหาย เพราะน้ำเป็นกรด พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปกับผู้เชี่ยวชาญกรมชลประทาน ทรงหาวิธีการให้น้ำเปรี้ยวระบายออกทะเล ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทุกข์พระทัย แต่เดี๋ยวนี้น้ำหายเปรี้ยวแล้ว ตอนหลังขุดคลองระบายน้ำเปรี้ยวระบายน้ำ กักน้ำเปรี้ยวบางเค็มบ้าง จนเดี๋ยวนี้น้ำเปรี้ยวในพรุก็หายไปแล้ว ดินเปรี้ยวก็ใช้วิธีการแกล้งดินคลายความเปรี้ยวลง จนสามารถปรับปรุงที่นาที่ถูกทิ้งร้าง 20-30 ปีมาใช้ประโยชน์ได้นับแสนไร่ พื้นที่นอกเขตพรุในบางส่วนเมื่อก่อนปลูกข้าวได้ไร่ละแค่ 4-5 ถัง เดี๋ยวนี้ปลูกได้มากกว่า 50 ถัง แต่กว่าชาวบ้านจะแจ่มใสทรงเหนื่ออยู่หลายปี มี
ผู้สนใจวิธีการของท่านก็ได้ไปศึกษาที่โครงการศูนย์ศึกษาพิกุลทองที่จ. นราธิวาส ซึ่งทรงสร้างตั้งแต่ ปี 2525

ทุกโครงการพระราชดำริจะทรงติดตามผลตลอดเวลา โครงการมูโนะทรงได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวนไม่น้อยว่าเขาไม่มีที่ดินทำกิน ยากจน ก็ทรงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ทรงรู้จักหลายคน ทรงตั้งโครงการเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน ปัญหาน้ำเปรี้ยวในพรุโต๊ะดิน ครอบคลุมสุไหงโก-ลก และตากใบ ให้ประชาชนมีทางทำมาหากิน ทดลองจัดตั้งหมู่บ้านปศุสัตว์ พัฒนาอาชีพ ชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสลิม ทรงส่งเสริมให้เลี้ยงโค เป็ดไก่ ทำไร่นาสวนผสม

ภาคกลางที่ทรงห่วงมากก็ปัญหาน้ำท่วม ปัจจุบันที่ทรงมีโครงการแก้มลิง ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก มีน้ำใช้ในฤดูแล้ง ผลงานสำคัญตามพระราชดำริในภาคกลางเข้เขื่อนป่าสัก เขื่อนขุนด่านปราการชล อย่างเขื่อนป่าสักหลังสร้างเสร็จแล้วข้าพเจ้าได้ยินว่ากรุงเทพยังไม่มีน้ำ ท่วมใหญ่เลย นับว่าเป็นการแก้ปัญหาอย่างประหยัด คุ้มค่าในการก่อสร้างเขื่อนแล้วจากนี้ไปก็เป็นกำไรของประเทศชาติเท่านั้น

(อ่านต่อ คลิก พระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 11 สิงหาคม 2552 )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอเชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ

ให้คะแนนข้อเขียนนี้...คุณจะให้กี่ดาวดีจ๊ะ